พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่563 เถ้าแก่ตัวจริง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่563 เถ้าแก่ตัวจริง
บทที่563 เถ้าแก่ตัวจริง
พวกนิษฐาสามคนมองไปที่รพีพงษ์ผู้ที่กำลังเดินเข้ามาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าคนขับรถจะมาในสถานที่แบบนี้ทำไม
“เจ้านั่นมาที่นี่ทำไมกันนะ หรือว่ามันไม่รู้ว่าในนี้กำลังทำการสัมภาษณ์กันอยู่ มันจะมาก่อความวุ่นวายหรือไง”นิษฐาเปิดปากพูด สีหน้าแสดงความกังวล กลัวหนักหนาว่ารพีพงษ์จะมาก่อกวนพวกเขา
“สบายใจเถอะ ประธานกรุ๊ปลานคอนนั่งอยู่ตรงนี้ รพีพงษ์จะใจกล้าแค่ไหน ก็คงไม่กล้ามาก่อกวนต่อหน้าท่านประธานหรอกมั้ง ไม่อย่างนั้น แม้แต่งานคนขับรถก็คงไม่มี”ชนุดมเปิดปากอย่างครุ่นคิด
นิษฐาฟังแล้วรู้สึกมีเหตุผล พยักหน้า แต่ก็ยังคงคิดไม่ออกว่ารพีพงษ์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
หลังจากที่รพีพงษ์เดินเข้ามา ก็เดินเข้าไปทางวิไลพร ไม่ชายตามองพวกนิษฐาสามคนเลยแม้แต่น้อย สีหน้ามีรอยยิ้มอย่างลุ่มลึก
นิษฐาเห็นรอยยิ้มรพีพงษ์ จึงรีบพูดกับชนุดมว่า“ทำไมเจ้านั่นถึงยิ้มให้พวกเราล่ะ แถมยังยิ้มแบบมีเลศนัยอีกด้วย หรือว่ามันมาก่อกวนจริงๆ”
ชนุดมขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่ารอยยิ้มแบบนั้นของรพีพงษ์หมายความว่าอย่างไร
แม้ว่าในใจเยาวเรศเองก็สงสัย แต่ก็พูดขึ้นว่า“คงจะยิ้มไปอย่างนั้นเองมั้ง ไม่น่าจะมีอะ
ไร”
“ไม่ได้ จะให้มันมาทำลายการสัมภาษณ์วันนี้ไม่ได้นะ ถ้าเกิดเจ้านั่นทำเรื่องน่ากลัวอะไร ขึ้นมาล่ะ แล้วตอนนั้นมันจะตกเป็นอยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรานะ พวกเราก็แย่น่ะสิ”นิษฐาโอดครวญ
ชนุดมชะงักเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น“ฉันจะไปไล่เจ้านั่นออกไปเอง ฉันมีคอนเนคชั่นที่นี่ อีกอย่างดูท่ารพีพงษ์มาก่อกวนชัดๆ ไม่แน่ท่านประธานอาจจะแก้ไขให้เราด้วยคำไม่กี่คำก็ได้”
นิษฐารีบพยักหน้า คิดว่าวิธีการของชนุดมน่าจะได้ผล
ชนุดมลุกโผลงขึ้น ทำท่าราวกับจะช่วยท่านประธานในการกำจัดตัวยุ่งยากอย่างรพีพงษ์ออกไป
ในเวลานี้เอง วิไลพรลุกขึ้นยืน ยิ้มเล็กน้อยให้กับรพีพงษ์ จากนั้นจึงสละที่นั่งตัวเองให้แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง
ชนุดมเซ่อไปเลย เขาคิดไม่ถึงว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ วิไลพรลุกขึ้นให้รพีพงษ์นั่ง หมายความว่าอย่างไรกัน เดิมทีเขาต้องการจะอ้าปากพูด แต่จู่ๆก็เป็นใบ้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลมองมาทางชนุดม เปิดปากถาม“นักศึกษาคนนี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ชนุดมกลืนน้ำลาย สีหน้าอึกอัก“เปล่า……เปล่าครับ แค่นั่งแล้วไม่ค่อยสบายเฉยๆ เลยลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย”
“งั้นถ้ายืดเส้นยืดสายเสร็จแล้วก็นั่งลงค่ะ”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลทำท่าทีไม่ค่อยพอใจใส่ชนุดม
ชนุดมจะนั่งกลับมา เหงื่อหยดเต็มหน้า
ภายใต้การสังเกตของผู้คนรอบข้าง รพีพงษ์ค่อยๆนั่งลงตรงที่นั่งที่วิไลพรสละให้
“บ้าเอ๊ย คนๆนั้นเป็นคนขับรถไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไปนั่งแท่นท่านประธานล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น คนขับรถคนนั้น หรือว่ามีฐานะอะไรที่ซุกซ่อนอยู่”
“ไม่หรอกมั้ง สามคนนั้นบอกว่ามันเป็นแมงดาที่ท่านประธานทิ้งแล้วนี่นา ทำไมถึงให้มันนั่งเก้าอี้อีกล่ะ”
……
หลังจากที่รพีพงษ์นั่งลงเรียบร้อย ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจึงปรบมือ ให้ทุกคนอยู่ในความสงบ จากนั้นจึงยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น“ก่อนหน้าที่ฉันบอก วันนี้พวกเธอโชคดีมาก เพราะคนรถที่ไปรับพวกเธอในวันนี้ คือเถ้าแก่กรุ๊ปลานคอนของเราเอง ก็ถือว่าเป็นการทดสอบพวกเธอเล็กๆน้อยๆ เชื่อว่าระหว่างทางที่มา เถ้าแก่ของพวกเราก็คงพอรู้จักกับพวกเธอมาบ้าง จากนั้นขอให้เถ้าแก่ของเราพูดสักสองสามคำนะจ๊ะ”
หลังจากที่ทุกคนได้ฟังคำพูดของผู้จัดการฝ่ายบุคคล ต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงกันออกมา คนไม่น้อยพอรู้ตัวก็อ้าปากค้าง มองไปทางรพีพงษ์
คนรถที่ดูธรรมดาคนนี้ เป็นเถ้าแก่ของกรุ๊ปลานคอนเองหรอกหรือ!
สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ได้เรียกว่าโชคดีอะไรเลย น่าจะเรียกว่าตระหนกเสียมากกว่า
ในตลอดทางที่มา พวกเขาดูถูกรพีพงษ์ไปตามพวกนิษฐาตั้งมากมาย ถ้าตอนนั้นรพีพงษ์ ได้ยิน งานสัมภาษณ์ของพวกเขาวันนี้คงชวดไป
ทุกคนต่างรู้สึกใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ต่างกลัวว่ารพีพงษ์จะโกธรในคำพูดของพวกตนก่อนหน้า ในขณะเดียวกันต่างก็ถามเรื่องราวความเป็นมาต่างๆจากที่นิษฐากับชนุดมพูดอีก รอบ มันช่างต่างกันลิบลับจากที่พวกเขาพูดเสียเหลือเกิน พวกเขาทำให้ทุกคนพลอยซวยไปตามๆกัน
ตอนนี้พวกนิษฐาต่างอยู่ในอาการประหม่า ต่างมองรพีพงษ์ด้วยอาการเหลือเชื่อ พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจะพูดออกมาว่ารพีพงษ์คือเถ้าแก่ของกรุ๊ปลานคอน
ชนุดมหันไปมองนิษฐา ด้วยสีหน้าที่ตั้งคำถาม กัดฟันพูด“ยัยบ้าเธอบอกว่ารพีพงษ์เป็นแมงดาที่ประธานกรุ๊ปลานคอนเขี่ยทิ้งไงเล่า แล้วมันยังไปขัดใจตระกูลพงศ์ธนธดา แล้วตอนนี้มาเป็นเถ้าแก่กรุ๊ปลานคอนได้ไงวะ แกล้อฉันเล่นเหรอ”
นิษฐาหน้าซีดเผือด มือเย็นเฉียบ ปากพูดพึมพำ“เป็น……เป็นไปได้ไงกัน เขาเป็นเถ้าแก่กรุ๊ปลานคอนได้ไง มันมาจากที่อื่นไม่ใช่เหรอ”
เยาวเรศเองก็นึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมีฐานะอย่างนี้ นึกว่าเป็นเพราะคำพูดของนิษฐา จึงหมดความรู้สึกที่ดีต่อรพีพงษ์ ในใจก็รู้สึกเสียใจ เป็นนาน หล่อนก็พูดพึมพำขึ้นว่า “บางที ตั้งแต่ต้น พวกเราคงเข้าใจเขาผิดไป ทุกสิ่งที่พวกเราวิพากษ์เขา พวกเราเดาออกมาเองทั้งนั้น เขาเองก็ไม่เคยยอมรับเลย ซ้ำยังขี้เกียจเถียงกับพวกเราอีกต่างหาก และพวกเราเองก็ไม่เคยไปพิสูจน์ความจริงสักหน่อย”
ทั้งสามคนรู้สึกอ่อนแรง เรื่องมาถึงตอนนี้ รพีพงษ์กวาดตามองไปรอบๆ นิษฐาถึงได้เข้า ใจอย่างถ่องแท้ ว่าใครกันแน่ที่คิดเองเออเอง
รพีพงษ์กวาดตามองทุกคนในห้องรอบหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมา“ผมเป็นคนง่ายๆ เพราะในบริษัทไม่มีอะไรให้ทำ ก็เลยมาเป็นคนขับรถ ถ้าเรื่องนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ก็ขออภัยด้วยแล้วกัน”
“พวกเธอเป็นนักเรียนดีเด่นด้วยกันทุกคน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ขอแค่ความสามารถพวกคุณได้มาตรฐาน ก็มาฝึกงานที่บริษัทเราได้เสมอ”
“แต่ผมคงต้องเลือกพูดบางประเด็นบ้าง ผมจะเลือกพูดปัญหาที่ค้นพบแล้วกัน”
รพีพงษ์พูดจบ ก็หันไปเห็นชนุดมที่นั่งตัวสั่นงันงกลีบเหมือนเข็ม
ชนุดมสัมผัสได้ถึงแววตาของรพีพงษ์ ก็ตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที
“นักเรียนคนนี้ ผมขอถามหน่อย คุณคิดว่าผมเป็นแมงดาที่วิไลพรเลี้ยงเอาไว้อย่างนั้นหรือ อยากถามว่าตอนที่คุณพูด คุณรวบรวมความกล้ามาจากไหน”
คำถามของรพีพงษ์เหมือนเข็มที่ตอกลงไปกลางใจชนุดม จนทำให้ชนุดมมือสั่นเทาไปหมด