พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่583 มีลูกชายสักคน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่583 มีลูกชายสักคน
บทที่583 มีลูกชายสักคน
“คิดไม่ถึงว่าไม่ได้เจอกันมาแค่ไม่กี่วัน นายก็นั่งรถLincoln Extendedแล้ว ดูเหมือนว่าชีวิตจะเป็นไปด้วยดีนะ”รพีพงษ์ยิ้มและมองไปที่ธฤตญาณ
ในขณะนี้มีหลายคนนั่งอยู่บนโซฟาหนังในรถLincoln Extended พูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม
รถคันนี้เป็นรถที่ตื่นตาที่สุดในแถวของรถเก๋งที่จอดในสนามบิน เพราะการมีอยู่ของรถคันนี้ ผู้คนที่สนามบินถึงประหลาดใจมาก
เมื่อธฤตญาณได้ยินคำพูดติดตลกของรพีพงษ์ และพูดอย่างจริงจัง: “พูดให้เคลียร์ก่อน รถที่มารับพวกนายครั้งนี้ เธียรวิชญ์เป็นคนหามาทั้งหมด ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย ชีวิตของฉันและลูกน้องของฉัน แต่มันเทียบไม่ได้กับเจ้านายใหญ่คนนี้เลย”
เธียรวิชญ์เบิกตากว้างจ้องมองไปที่ธฤตญาณ พูดกับรพีพงษ์อย่างรวดเร็ว: “พี่รพี พี่อย่าไปฟังเขาพูดจาเหลวไหล รถเหล่านี้เป็นของบริษัท เป็นทรัพย์สินของพี่ทั้งหมด ผมแค่จะช่วยชี้นำทางเท่านั้น”
เมื่อได้ยินสิ่งเขาพูด กลุ่มคนก็ส่งเสียงหัวเราะกันขึ้นมา จารุณีกลอกตาไปที่เขา แล้วพูดว่า: “นายเป็นกลุ่มคนประจบสอพลอที่ไร้ยางอายที่สุดที่ฉันเคยเจอมา”
เธียรวิชญ์รู้สึกอายเล็กน้อย คุณหนูของหอการค้าสมน.คนนี้ยังไม่กล้ามีปัญหาด้วย จึงทำได้เพียงหัวเราะคิกคักสองครั้ง
จารุณีหันไปมองอารียาที่นั่งข้างๆตัวเอง แล้วถามว่า: “พี่สะใภ้ ได้ยินมาว่าพี่ท้องแล้ว เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง? รีบบอกฉันเร็วๆ”
ทันใดนั้นอารียาก็เขินเล็กน้อย เอามือจับท้องตัวเอง แล้วพูดว่า: “เพิ่งจะสามเดือนเอง ยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ไม่ต้องดูแล้ว เป็นผู้ชายแน่ๆ ไม่ผิดแน่ๆ”จารุณีพูดอย่างมั่นใจ
อารียานิ่งอึ้งสักครู่ และถาม: “ทำไมล่ะ?”
“เป็นเพราะพระเจ้าให้เกียรติฉันเลยให้พี่คลอดลูกชายออกมาหนึ่งคน”จารุณีพูด
ทุกคนไม่รู้ว่าจารุณีหมายถึงอะไร มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ว่าทำไมจารุณีถึงหวังอยากจะให้เป็นเด็กผู้ชายมาก
“นี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง รอเด็กเกิดออกมา เธอเป็นแม่บุญธรรมมั้ยล่ะ?”อารียาคิดว่าตอนนั้นตัวเองได้รับการช่วยเหลือจากจารุณี ถึงได้รักษาชีวิตนี้ได้ จึงพูดกับจารุณีอย่างซาบซึ้ง
จารุณีพูดปฏิเสธโดยไม่ได้คิดเลยทันที: “ไม่ได้ ฉันไม่อยากเป็นแม่บุญธรรมของเด็กคนนี้ เป็นแม่บุญธรรมของเขา ฉันยังจะ…..”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ไอเล็กน้อยทันที จารุณีถึงไม่ได้พูดคำพูดออกมา
อารียาเต็มไปด้วยความสงสัย ในความคิดของเธอ การได้เป็นแม่บุญธรรมของเด็ก คือเป็นคนที่อยู่สถานะของครอบครัวนี้ในระดับที่สูงที่สุด จารุณีปฏิเสธ หรือเป็นเพราะไม่พอใจเธอเหรอ?”
“พี่สะใภ้ พี่อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่เป็นแม่บุญธรรมของเด็กคนนี้ ก็มีเหตุผล อีกหน่อยพี่ก็รู้เองแหละ ฉันไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจพี่นะ ออกจะชอบด้วยซ้ำ ก็หวังให้ว่าพี่คลอดลูกชายมาสักคนเร็วๆ”จารุณีพูดอธิบาย
กลุ่มคนสับสนกับสิ่งที่จารุณีพูด และไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
รพีพงษ์รู้สึกอึดอัด เพราะกลัวว่าจารุณีจะพูดข้อตกลงระหว่างทั้งสองคนออกมา ถ้าเป็นแบบนั้นอารียาอาจฆ่าเขาได้
แต่รพีพงษ์รู้สึกสบายใจที่ได้ฟังพี่สะใภ้คำนี้ของจารุณี เห็นได้ชัดว่า จารุณีปล่อยวางความดิ้นรั้นทั้งหมดที่มีในตอนนั้น
อารียาเหลือบมองรพีพงษ์ แล้วมองไปที่จารุณี รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา จึงถามจารุณี: “นี บอกฉันได้ไหมว่าเหตุผลนี้คืออะไร?”
จารุณียิ้มแฮะๆ แล้วพูดว่า: “ความลับ”
เมื่อเห็นเธอพูดแบบนี้ อารียาก็ไม่ดีที่จะถามต่อ คิดว่ารพีพงษ์น่าจะรู้เหตุผลอย่างแน่นอน รอกลับไป ต้องถามเขาอย่างละเอียด
“ช่วงนี้ที่เมืองริเวอร์เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?”รพีพงษ์เพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น รีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที
ธฤตญาณพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ช่วงนี้ที่เมืองริเวอร์ไม่มีปัญหาอะไร ภัยอันตรายที่จิรเวชเหลือทิ้งไว้ ก็ถูกจัดการหมดแล้ว เพียงแต่ ด้านแม่ยายของนาย….”
“แม่ฉันสร้างปัญหาอะไรอีกเหรอ?”เมื่อได้ยินคำพูดของธฤตญาณ อารียาก็ขมวดคิ้วถาม
“อ่ะแฮ่มๆ ก็ไม่ถือว่าสร้างปัญหา ช่วงก่อนเธอได้รู้จักกับผู้คนหนึ่งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นใช้วิธีอะไร หลอกล่อให้หล่อนขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล สองวันก่อนพ่อตาของนายกลับมา อยากกลับไปพักที่บ้าน ปรากฏว่าถูกทุบตีขับไล่ออกมา แม่ยายของนายจะหย่ากับเขา เพื่อไปแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น”ธฤตญาณพูดจบ ก็เหลือบมองไปที่รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่อารียาพูดจบก็โกรธมากจนเกือบจะโทรศัพท์ไปถามศศินัดดาว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดไม่ถึง ว่าแม่ของตัวเอง จะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ มันจะมีสักวันไหมที่จะไม่ทำให้คนหนักใจ
รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าศศินัดดาไม่มีทางหยุด แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะต้องการหย่ากับศักดา
ก่อนหน้าที่รพีพงษ์จะจากเมืองริเวอร์ไป ก็เคยบอกแล้ว รอหลังจากที่หาตัวอารียาเจอ จะกลับมาคิดบัญชีกับเธอ ดูเหมือนว่าความจำของเธอจะไม่ดีขึ้นเลย ในสถานการณ์ที่ลูกสาวตัวเองหายตัวไป เธอก็จะไปอยู่กินกับผู้ชายอื่น
“ตอนนี้ส่งฉันไปที่ชุมชนคำแหง ฉันจะไปดูสักหน่อย ท่านต้องการจะทำอะไร!”อารียากัดฟันพูด
“อ่ะแฮ่มๆ ตอนนี้เธอไม่ได้อาศัยอยู่ในชุมชนคำแหงแล้ว หลังจากที่เธอขายโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชันเนล ได้ไปซื้อคฤหาสน์ที่ใจกลางเมืองไว้หนึ่งหลัง ตอนนี้เธอและผู้ชายคนนั้น พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์”ธฤตญาณกล่าว
“ผู้ชายคนนั้นมีต้นกำเนิดมาจากไหน ได้ตรวจสอบแล้วหรือยัง?”รพีพงษ์ถาม
“ชายคนนั้นเป็นคนต่างถิ่น อยู่ที่เมืองริเวอร์ได้เพียงสามเดือน ตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่สังเกตจากลักษณะดูแล้ว น่าจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ”ธฤตญาณกล่าว
“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว ส่งพวกเรากลับไปที่ชุมชนคำแหงก่อนเถอะ”รพีพงษ์กล่าว
ตอนนี้อารียากำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรโกรธ ถ้าเกิดกระทบต่อเด็กในท้อง ไม่คุ้มกับการสูญเสีย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้อารียาจัดการเรื่องศศินัดดาได้
“รพีพงษ์ ไม่ไปดูสถานการณ์ตอนนี้ของท่านจริงๆเหรอ?”อารียาถาม
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปจัดการเอง ตอนนี้เป็นเพราะเธอไม่สามารถโมโหกับเรื่องไม่ใช่สาระสำคัญแบบนี้ได้ ตอนที่พวกเรากลับมาก็พูดแล้ว แม้ว่าศศินัดดาจะเลี้ยงดูเธอมาหลายปี แต่หล่อนก็ทำให้เธอเกือบจะถูกทำลาย ดังนั้นฉันต้องลงโทษหล่อน เธอก็ไม่สามารถห้ามได้”
อารียาทำได้เพียงพยักหน้า ตอนที่รู้ว่าศศินัดดาไม่ใช่แม่แท้ๆของเธอ รวมทั้งความผิดเหล่านั้นของศศินัดดา ท่าทีที่อารียามีต่อศศินัดดา ได้เกิดความเปลี่ยนไปมาก
“เธอเป็นลูกสาวของฉัน”ประโยคที่ผ่านมาของศศินัดดา เธอจึงทำได้เพียงยอมรับอย่างเงียบๆ แต่ตอนนี้ ประโยคนี้ มันไม่มีอีกแล้ว
รพีพงษ์หรี่ตาลง อารียาไม่เป็นอะไร ก็ถือว่าโชคดีแล้ว บทลงโทษของศศินัดดาก็ไม่น้อยไม่ได้ และบทลงโทษนี้จะถึงระดับไหน ก็ต้องดูการทำตัวของศศินัดดาเองแล้ว