พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่590 ศศินัดดาและศักดาหย่ากัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่590 ศศินัดดาและศักดาหย่ากัน
บทที่590 ศศินัดดาและศักดาหย่ากัน
ชุมชนคำแหง
เมื่อตอนที่รพีพงษ์กลับมาถึงบ้าน เป็นเวลาเย็นแล้ว เรื่องของศศินัดดาทำให้เขาปวดหัว เป็นเพราะสถานะตัวตนของเธอเป็นพิเศษ รพีพงษ์ไม่สามารถทำเหมือนที่ทำกับคนอื่นได้ แค่ฆ่าเรื่องก็จบ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าศศินัดดาไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของอารียา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้ว่าอารียาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ต่อให้ศศินัดดาจะทำผิดหลายสิ่งหลายอย่าง อารียาก็ถือว่าเธอเป็นแม่ของตัวเอง
ถ้ารพีพงษ์ฆ่าศศินัดดาเลย อารียาคงไม่มีวันยกโทษให้เขาไปตลอดชีวิต
ศศินัดดาเป็นคนโหดร้ายก็จริง แต่อารียามักจะเล่าให้รพีพงษ์ฟังตลอดเวลาว่าศศินัดดาเพื่อจะซื้อกระโปรงสวยๆให้เธอ ทำงานฝีมือล่วงเวลาจนมือพอง
ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ทำได้เพียงสั่งสอนศศินัดดา ปล่อยให้เธออยู่คนเดียว อารียาเพิ่งจะฟื้นฟูความจำ และในระหว่างตั้งครรภ์ รพีพงษ์ต้องแน่ใจว่าเธอจะไม่ได้รับการกระตุ้นจากเรื่องต่างๆ
“รพีพงษ์ เรื่องของศศินัดดา นายจัดการไปถึงไหนแล้ว?”บนโต๊ะอาหาร ศักดาถามรพีพงษ์อย่างระมัดระวัง
หลายหันมาสนใจรพีพงษ์ เห็นได้ชัดว่ากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เกือบจะจัดการเรียบร้อยแล้ว ผู้ชายคนนั้นเป็นสิบแปดมงกุฎจริงๆ ฉันได้ลงโทษเขาตามที่สมควรแล้ว จากนี้ไปเขาไม่มาสร้างปัญหาให้อีกต่อไป”
หลังจากที่รพีพงษ์เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ทุกคนฟัง แน่นอน บางส่วนของการลงมือเขาก็ตัดทิ้งไม่เล่า จุดจบของฆนีกรรพีพงษ์พูดประโยคเดียวคือถูกนำตัวไป
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็เต็มไปด้วยความโกรธคาดไม่ถึงว่าฆนีกรจะน่ารังเกียจขนาดนี้ จะหลอกศศินัดดาได้มากมายขนาดนี้
หลังจากที่ศักดาได้ยินสิ่งนี้ ก็ถอนหายใจ และพูดว่า: “ตอนแรกฉันคิดว่าหล่อนแค่รังเกียจที่ฉันไม่เอาไหน ดังนั้นจึงลงมือตบตีด่าว่าฉัน ใครจะไปคิด ว่าเธอจะไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ต่อกับฉัน โธ่ฉันยังคิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนยังสามารถมานั่งทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่เลย”
ทุกคนเงียบไปชั่วขณะ ทุกคนก็รู้ดีว่า เหตุการณ์มาถึงระดับนี้แล้ว ไม่สามารถจบลงได้อีกต่อไป
อย่างน้อย ศักดาคงจะไม่มีทางใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับศศินัดดาได้ต่อไป
“พ่อ พวกท่านหย่ากับเถอะ”เป็นเวลานาน อารียาก็ทำลายความเงียบ
ทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่คาดคิดว่าอารียาจะเสนอออกมาเองว่าให้ศักดาและศศินัดดาหย่ากัน
“ลูก ลูกจริงจังหรือเปล่า?”ศักดาถามอย่างไม่เชื่อ
อารียาพยักหน้าอย่างจริงจัง แล้วพูดว่า: “ในช่วงนี้เรื่องที่แม่ทำมันเกินไป ไม่ว่าเธอจะมีจุดประสงค์ใด ทำผิด ก็ควรที่จะยอมรับกับผลที่จะตามมา พ่อหย่ากับแม่ ก็ถือว่าเป็นความเมตตาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับท่านแล้ว”
“นอกจากนี้ก่อนหน้าแม่ยังใช้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลโดยพลการ…..ช่างเถอะ ไม่พูดถึงแล้ว ถึงยังไง พวกเราก็ไม่สามารถตามใจท่านได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นมันก็จะทำลายท่านไม่ช้าก็เร็ว”
หลังจากนั้น อารียาก็หันหน้าไปมองรพีพงษ์ ในใจก็รู้ดีว่า ด้วยสถานะตัวตนและตำแหน่งของรพีพงษ์ ไม่จำเป็นต้องไปทนกับความไม่มีเหตุของศศินัดดา ทั้งหมดเป็นเพราะเขาเห็นแก่ตัวเอง ถึงได้ทนศศินัดดา
เธอพูดแบบนี้ ข้อที่หนึ่งเลยคือต้องการแสดงให้เห็นว่าเธออยู่ข้างรพีพงษ์ และอีกหนึ่งข้อ ก็คิดแทนศศินัดดา
ถ้าปล่อยให้ศศินัดดาเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วหล่อนจะถูกรพีพงษ์จัดการ
“ก็ได้ ในเมื่อลูกพูดแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะหย่ากับหล่อน ถึงยังไงครอบครัวเราไม่มีหล่อนจะดีกว่า แล้วจะให้หล่อนมาทำลายความเงียบสงบของคนในครอบครัวเราทำไมอีก”ศักดาตัดสินใจทันที
รพีพงษ์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของศักดา นี่อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับศักดา
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อชนิสรากำลังจะออกไปซื้อของผัก ทันทีที่เปิดประตู ก็เห็นศศินัดดาผมเผ้ากระเซอะกระเซิงคุกเข่าอยู่ที่ประตู ซึ่งทำให้เธอตกใจมาก
เธอกรีดร้อง เดินถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว มองไปที่ศศินัดดาที่คุกเข่าอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าระแวดระวัง และพูดว่า: “คุณ….คุณทำอะไรนะ?”
ศศินัดดาเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองไปที่ชนิสรา พูดด้วยน้ำเสียงแหบ: “ลูกสาวของฉันล่ะ?”
ชนิสรารีบหันกลับมา และกำลังจะไปเรียกอารียาและรพีพงษ์ออกมา ในเวลานี้ประตูของพวกเขาก็เปิดออกมาพอดี ทั้งสองคนได้ยินเสียงกรีดร้องเมื่อกี้ ดังนั้นจึงออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่สา เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”รพีพงษ์ถาม
ชนิสราชี้นิ้วไปทางที่ประตู และถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
รพีพงษ์และอารียาต่างมองไปที่ประตู หลังจากที่เห็นศศินัดดาคุกเข่าอยู่ที่นั่น ก็ขมวดคิ้ว
ศศินัดดามองเห็นอารียาออกมา น้ำตาก็ไหลออกมาทันที และร้องไห้แล้วตะโกนว่า: “ลูก แม่รู้ตัวว่าผิดแล้ว ลูกยกโทษให้แม่ด้วยเถอะ จากนี้ไปแม่จะกลับตัวกลับใจ เป็นคนใหม่ ขอร้องลูกล่ะยกโทษให้แม่เถอะ”
อารียาเดินเข้าไป ก้มหน้ามองไปที่ศศินัดดา แม้ว่าศศินัดดาจะดูน่าสังเวชเล็กน้อยในตอนนี้ แต่อารียาก็ไม่มีให้ความเห็นอกเห็นใจใดๆ ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่ศศินัดดาก็สมควรได้รับ
“เรื่องบางอย่างหนูก็ไม่สามารถให้อภัยได้ แม่ แม่ทำอะไรก็ได้แบบนั้น หนูก็ช่วยอะไรแม่ไม่ได้”อารียาพูด
ศศินัดดาเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความผิดหวัง แล้วพูดว่า: “ลูก หรือลูกจะไม่ยอมรับแม่คนนี้แล้วเหรอ? ฉันเลี้ยงดูแกมาด้วยความยากลำบาก แต่แกกลับมาตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ?”
เมื่ออารียาได้ยินคำพูดของศศินัดดา ก็ทนไม่ได้ทันที ความน้อยใจในใจยังไม่ทันได้ระบาย ศศินัดดากลับวิ่งมาถามเธอ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาทันที
รพีพงษ์รีบปกป้องอารียาให้อยู่ด้านหลังตัวเอง มองดูศศินัดดาแล้วพูด: “ฉันเคยเตือนคุณแล้ว ว่าคุณและพวกเรา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว คุณไม่เข้าใจความหมายของฉันเหรอ?”
“รพีพงษ์ ฉันรู้ตัวว่าผิดจริงๆ เห็นแก่ที่ฉันเป็นแม่ของอารี ยกโทษให้ฉันเถอะ”ศศินัดดาวิงวอนขอร้องรพีพงษ์
ในขณะนี้ มีเสียงต่ำหนึ่งเสียงดังขึ้น: “ในเมื่อเธอรู้ว่าเธอเป็นแม่ของอารียา ก็ไม่ควรสร้างปัญหาให้อารีมากมายขนาดนี้!”
ศักดาที่ไม่รู้ว่าเดินออกจากห้องเมื่อไหร่ ก็เดินมาที่หน้าประตู
เมื่อศศินัดดาได้ยินศักดากล้าที่จะพูดจาเช่นนี้กับเธอ ก็ตะโกนตามสัญชาตญาณ: “ศักดา แกไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้ที่นี่! ฉันว่าแกคงจะมีความกล้ามากเกินไปแล้ว หุบปากเน่าๆของแกเดี๋ยวนี้นะ!”
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ศักดาได้ยินศศินัดดาพูดเช่นนี้ คงจะขี้ขลาดตาขาว ไม่พูดไม่จาอีก แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าจะหย่ากับศศินัดดา ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องกลัวหล่อนแล้ว
“ฉันเป็นพ่อของอารี ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ล่ะ?”ศักดาส่งเสียงอย่างเย็นชา “ในเมื่อวันนี้เธอมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะพูดกับเธอตรงเลย เวลาไม่เคยค่อยใคร ตอนนี้พวกเราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้มันจบๆ”
ศศินัดดาเบิกตากว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ อุทานว่า: “แกจะหย่ากับฉัน ศักดา ฉันว่าแกกล้าหาญมากเกินไปแล้ว! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องหย่ากับฉัน?”
ศักดาแสยะยิ้ม พูดด้วยเสียงดัง: “ศศินัดดา อย่าจมอยู่กับการเพ้อฝันที่หลอกลวงตัวเองของเธออีกต่อไปเลย ฉันทนเธอไม่ไหวแล้ว อย่าคิดว่าจากนี้ไปฉันยังจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเธออีก”
“การแต่งงานครั้งนี้ เธอต้องหย่า ไม่หย่า ก็ต้องหย่า!”