พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย
บทที่625 ประสบเคราะห์ไม่ตาย
เมืองปากซำ
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่ยืนออกันอยู่ตรงท่าเรือ
รพีพงษ์นอนเอนกายอยู่บนเตียงๆหนึ่ง สีหน้าซีดเผือด ไม่มีเลือดฝาดแม้แต่น้อย ริมฝีปากของเขาค่อยๆเปิดขึ้น และสั่นเทาขึ้นมาทีสองที ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อย ไม่ว่าใครเห็น ก็ต้องคิดว่าเป็นศพๆหนึ่งที่นอนราบอยู่
ในเวลานี้เด็กสาวอายุสิบแปดคนหนึ่งที่อยู่ในห้องจ้องมองรพีพงษ์ด้วยความใคร่รู้ เธอกวาดทั้งสองตาไปมาอยู่บนร่างรพีพงษ์ เธอรู้สึกเบื่อเล็กน้อย
ผ่านไปไม่นาน ริมฝีปากของรพีพงษ์ขยับขึ้น รพีพงษ์ส่งเสียงแหบพร่าออกมาเป็นระยะ“ น้ำ……น้ำ……”
เมื่อเด็กสาวได้ยินเสียง เธอจึงเบิ่งตาโพลงขึ้น แล้วรีบร้อนวิ่งออกไปข้างนอก ตะโกนว่า“พี่ฝนสุดา ดูเหมือนเขาจะตื่นแล้วล่ะ เขากำลังพูดอยู่!”
จากนั้นฝนสุดาที่สวมชุดเรียบจึงวิ่งพุ่งเข้ามา เธอถลามาอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ เอาหูแนบใกล้ หลังจากที่ฟังชัดแล้วว่ารพีพงษ์พูดว่าอะไร จึงรีบพูดกับเด็กสาวคนนั้น“น้ำ เขาอยากดื่มน้ำ รีบไปเอาน้ำมาเร็ว”
เด็กสาวรีบพยักหน้า วิ่งไปเอาน้ำจากด้านนอกมาแก้วหนึ่ง ยื่นให้ฝนสุดา
ฝนสุดาขยับแก้วน้ำเข้าไปที่ปากของรพีพงษ์ เทลงไปเล็กน้อย รพีพงษ์จึงไอสำลักขึ้นมาอย่างหนัก ฝนสุดาตกใจจนไม่รู้ควรจะทำอย่างไร
“พี่ฝนสุดา พี่ป้อนน้ำแบบนี้ เขาจะสำลักตายได้นะ คุณหมอบอกว่าอวัยวะภายในทั้งห้าของเขาได้รับบาดเจ็บ การไอหนักๆจะกระทบถึงบาดแผลภายใน”เด็กสาวเปิดปากพูด
ฝนสุดาถามขึ้นมาอย่างร้อนใจ“น้องดา แล้วพี่ควรจะป้อนยังไงดี พี่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน”
สาวน้อยที่ชื่อว่าดากระพริบตาปริบๆ ยิ้มออกมาอย่างแสนร้าย พูดขึ้น“ตอนนี้เขานอนอยู่ พี่จะเทลงไปแบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างเขาได้รับบาดเจ็บหนักมา ต้องค่อยๆจิบ หนูรู้ว่ามีอีกวิธีหนึ่ง รับรองว่าอ่อนโยนและได้ผล ก็คือ……”
“ก็คืออะไร เธอรีบบอกวิธีมาเร็ว พี่ใจร้อนจะแย่”ฝนสุดาสีหน้าร้อนใจ
“ฮิฮิ ที่จริงมันง่ายมากเลย พี่ก็ใช้วิธีป้อนแบบปากต่อปากสิ แต่เด็กอาจจะไม่เหมาะที่จะดู”ดาณิมาหรี่ตาพูด
ฝนสุดาหน้าแดงก่ำขึ้นทันที แต่คิดดูอีกทีก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลยทีเดียว
เธอจ้องมองรพีพงษ์ เห็นรพีพงษ์สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ และยังคงร้องขอน้ำ จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดพึมพำ“แค่จะให้คุณดื่มน้ำเฉยๆนะ ไม่ได้คิดจะแต๊ะอั๋งอะไร อืม แบบนั้นแหละ”
พูดจบ เธอจึงหันไปมองดาณิมา แล้วพูดขึ้น“ยังจะมัวยืนดูอะไรอีกเล่า รีบออกไปสิ”
ดาณิมาแลบลิ้นให้กับฝนสุดา จากนั้นก็ออกจากห้องไปอย่างนึกสนุก
ฝนสุดาดื่มน้ำเข้าไปคำหนึ่ง จ้องมองไปที่ริมฝีปากของรพีพงษ์ จากนั้นจึงแนบกายตัวเองลงไป เริ่มป้อนน้ำรพีพงษ์
อาจจะเป็นเพราะว่ากระหายน้ำมากเกินไป ในตอนที่รพีพงษ์สัมผัสน้ำได้ จึงดูดอย่างกระหาย
ฝนสุดาจ้องตาโต หน้าแดงก่ำขึ้น
ฝนสุดาจึงค่อยๆป้อนน้ำเข้าปากรพีพงษ์ด้วยวิธีนี้ ในตอนที่วางแก้วน้ำลงท้ายที่สุด ฝนสุดาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นกองรัว
ดื่มน้ำหมดไปสักพัก ดวงตาของรพีพงษ์จึงค่อยๆขยับขึ้น แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างลำบากยากเข็ญ ในที่สุดหนังตาของรพีพงษ์ก็ลืมขึ้นมาได้
รพีพงษ์หรี่ตามองไปรอบตัว ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นที่ม่านตา คือภาพฝนสุดาผู้มีใบหน้า
แดงก่ำที่กำลังตบหน้าอกเขาเบาๆให้ราบเรียบ
จากนั้นรพีพงษ์ค้นพบว่าตัวเองนอนอยู่ในสถานที่ๆจัดว่าสะอาดสะอ้าน แต่ค่อนข้างเรียบง่าย
ความทรงจำในหัวค่อยๆผุดขึ้น เขาจำได้ว่าก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำ เขาโดนอนันยชซ้อมปางตาย จากนั้นฝนสุดาพาคนมาช่วยเขา อนันยชไล่ตามมา ฝนสุดาจึงขับรถพุ่งลง หน้าผา แล้วตกลงมาในทะเลใหญ่
จากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก
“เธอเป็นอะไร ทำไมหน้าแดงขนาดนี้ พวกเราอยู่ที่ไหน”รพีพงษ์จ้องฝนสุดาเอ่ยถาม
ฝนสุดาจงใจข้ามสองคำถามแรกของรพีพงษ์ไป แล้วพูดขึ้น“พวกเราอยู่ที่บ้านของอาดุลเขาเป็นคนช่วยพวกเราเอาไว้ พวกเขาบอกว่าที่นี่คือเมืองปากซำ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคือที่ไหน”
รพีพงษ์ค่อยๆฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเมืองปากซำ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเมืองๆนี้เลย จำได้เพียงเลือนราง ที่นี่เป็นเมืองเล็กๆที่ค่อนข้างธุรกันดารทาง ตอนใต้เมืองหนึ่ง เพราะว่าเมืองไม่ใหญ่มาก เลยไม่ค่อยขึ้นชื่อ
เขาอยากลุกขึ้นจากเตียง หลังจากที่ออกแรงขึ้นครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นที่หน้าอกทันที ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงทีเหลืออีกครึ่งหนึ่งได้
“อย่าขยับสิ อวัยวะภายในของคุณบาดเจ็บมากนะ ตอนนี้ได้แต่นอนเอนอย่างเดียว”ฝน สุดาพูดขึ้นอย่างห่วงใย
“ฉันสลบไปนานเท่าไหร่แล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“ห้าวันได้”ฝนสุดาตอบ
สีหน้ารพีพงษ์เปลี่ยนโดยพลัน จากสถานการณ์ตัวเองตกลงไปในทะเลห้าวันไม่มีใครพบทุกคนคงคิดว่าเขาตายไปแล้วมั้ง
เขารู้ว่าตอนนี้อารียาคงจะร้อนรนดุจไฟผลาญ จึงอยากจะรีบโทรหาอารียาทันที เพื่อที่จะบอกว่าเขาปลอดภัยดี แต่เขาขยับไม่ได้แม้เพียงน้อยนิด
ฝนสุดาอ่านใจรพีพงษ์ออก จึงพูดขึ้นอย่างหึงหวง“คุณอยากโทรหาอารียาสินะ มือถือคุณพังไปแล้ว ถ้าคุณยังจำเบอร์ได้ ฉันจะไปยืมโทรศัพท์อาดุลให้”
เดิมทีเธอคิดว่ารพีพงษ์ฟื้นขึ้นมาแล้ว คงจะรู้สึกซาบซึ้งที่เธอช่วยเขาเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าคนแรกที่รพีพงษ์จะคิดถึงก็คืออารียา จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวค่อยโทรก็ได้ พวกเรามาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร หน้าผานั่นสูงขนาดนั้นตกลงมา ไม่น่ารอดชีวิตได้ง่ายๆ”รพีพงษ์ดูออกว่าฝนสุดาหึงหวง จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ต้องขอบคุณรถมอเตอร์ไซต์ที่ฉันขี่วันนั้นน่ะ รถคันนั้นฉันยืมจากคนแถวนั้นวันนั้นเอง วันนั้นรถคันนั้นกำลังจะเอาเสื้อชูชีพไปส่งที่ท่าเรือ แล้วเสื้อชูชีพพวกนั้นก็ผูกอยู่ท้ายรถพอดี ในตอนที่เราตกลงไปในทะเลนั้น ฉันออกแรงอยู่มากกว่าจะจับนายใส่เสื้อชูชีพนี้ได้ ตอนนั้นฉันเองก็เกือบจมลงในทะเล ต่อมาฉันก็คิดว่าถ้าฉันตายไปเธอจะทำยังไง สวรรค์รู้ว่าฉันจะไปเอาแรงมหาศาลแบบนั้นมาจากที่ไหน ฉันก็เลยสวมเสื้อชูชีพให้ตัวเองด้วย”
“ในตอนนั้นกระแสน้ำเชี่ยวกราก เราสองคนถูกกระแสน้ำพัดพาไป ฉันกลัวว่าจะแยกจากนาย ก็เลยกุมมือนายไว้แน่นไม่ปล่อย ต่อมาเป็นเพราะฉันเองก็เหนื่อยเกินไปก็เลยเป็นลมล้มพับ พอตื่นมาก็พบว่าเราสองคนนอนอยู่ในเรือประมงแล้ว ก็คือเรือประมงของอาดุลลำนี้แหละ เขาบอกว่าตอนนั้นเราสองคนกอดกันกลม มือฉันจับมือเธอไว้ จะยังไงก็แยกจากกันไม่ออก เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนที่เป็นลมจะมีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้”
“เราสองคนดวงดีเป็นบ้า กระแสน้ำไม่ได้พัดพาเราลงไปในทะเลใหญ่ แต่พัดมาที่เวิ้งของเกาะพระจันทร์นี่แทน ตอนนี้อาดุลกำลังออกเรือตกปลา ถึงได้มาเจอพวกเราเข้า”
“คิดๆดูก็แปลกดีนะ พอถึงเวลาจวนตาย พวกเราก็โชคดีรอดตายหวุดหวิด บางทีสวรรค์อาจจะซาบซึ้งใจในเราสองคนก็ได้ ถึงได้ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ขนาดนี้”
ฝนสุดาพูด พลางทำสีหน้าทอดอารมณ์
รพีพงษ์ฟังฝนสุดาบรรยายอยู่เงียบๆ แม้ว่าเธอจะบรรยายได้อย่างเบาพริ้ว แต่ว่าอันตรายในตอนนั้น คงจะยากที่จะจินตนาการออก เธอสาวน้อยคนเดียว กลับสามารถจับตัวเองเอาไว้ได้ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ จะต้องใช้ความแน่วแน่เหนือคนปกติถึงจะทำได้
หรือว่า หญิงสาวคนนี้ ชอบเขามากขนาดนี้เลยหรือ
เรื่องที่ฝนสุดาช่วยชีวิตเธอเอาไว้นั้น ในใจของรพีพงษ์รู้สึกซาบซึ้งขอบคุณอย่างเหลือประมาณ ความรู้สึกดีๆที่สาวน้อยคนนี้มีให้ ทำให้รพีพงษ์เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
ยิ่งฝนสุดาทุ่มเทให้กับเขามากเท่าไหร่ ในใจของรพีพงษ์ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น เพราะเขารู้ว่าฝนสุดาต้องการอะไร เพียงแต่เขาแค่ให้ไม่ได้ก็เท่านั้น
เป็นนาน กว่ารพีพงษ์จะกลั่นคำว่า“ขอบคุณ”ออกมา
ฝนสุดาก้มหน้าลง แสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม คนที่ถูกพะเน้าพะนอ อยากได้ลมฝนก็บันดาลได้อย่างเธอ แต่พอมาอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์กลับพอใจอะไรได้ง่ายๆเช่นนี้
ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังหึงหวงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้เพียงแค่คำพูดขอบคุณอย่างง่ายๆของรพีพงษ์เธอก็ยิ้มออกมาจากใจได้อย่างไม่ตะขิดตะข่วง
ท่ามกลางบรรยากาศอันลุ่มลึกของคนทั้งคู่ เสียงของดาณิมาก็ดังขึ้น“พี่ฝนสุดา พี่ป้อนน้ำเสร็จหรือยัง หนูเชิญหมอมาแล้วนะ”
รพีพงษ์งุนงงเล็กน้อย มองไปที่ฝนสุดา นึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองหิวน้ำเหลือเกิน จากนั้นก็รู้สึกได้ถึงอะไรนุ่มๆที่ริมฝีปาก
“เมื่อครู่เธอ……ป้อนน้ำฉันยังไงเหรอ”
รพีพงษ์เลียไปที่ริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงความหวานละมุน