พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว
บทที่626 ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว
ฝนสุดาใจเบาหวิวชั่วขณะ เธอไอขึ้นเบาๆสองที แล้วจงใจละเลยคำถามของรพีพงษ์ไป หมุนตัวกลับแล้วเดินออกจากประตู
“น้องดา รีบพาหมอเข้ามาเถอะ เขาตื่นแล้วล่ะ”ฝนสุดาเอ่ยปาก
รพีพงษ์เห็นทีท่าของฝนสุดา ยิ่งรู้สึกว่าวิธีการป้อนน้ำแบบนี้ไม่ธรรมดาเลยเสียจริง เพียงแต่ตอนนั้นสติเขาเลือนลางไปหน่อย จึงจำได้แต่เพียงสัมผัสอ่อนโยนอันเลือนราง นอก เหนือจากนั้นเขานึกอะไรไม่ออกจริงๆ
ในเวลานี้เองน้องดาพาชายชราเขามาคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ตื่นแล้ว น้องดาจึงรีบประเมินสายตาดู จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างผิดหวัง“พี่ฝนสุดา เขาก็ดูธรรมดานี่นา พี่สวยงาม ราวกับสาวน้อยแรกแย้ม ทำไมถึงได้ชอบเขาล่ะ”
ฝนสุดาจ้องน้องดาถมึงทึง พูดว่า “เด็กกะโปโลอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร”
จากนั้นเธอจึงเอ่ยปากพูดกับรพีพงษ์ว่า“นี่คือดาณิมา ลูกสาวของอาดุลที่ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ไม่กี่วันนี้ยัยหนูช่วยเหลือฉันได้ไม่น้อย”
รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของดาณิมาเมื่อครู่ หากแต่มองหล่อนด้วยความขอบคุณ “ขอบใจนะ”
“คนที่คุณควรขอบคุณไม่ใช่หนูหรอกนะ แต่เป็นพี่ฝนสุดาต่างหาก คุณไม่รู้หรอก สองสามวันที่คุณสลบไป พี่ฝนสุดาได้นอนวันละสามชั่วโมงเอง เวลาที่เหลือเธอคอยเฝ้าคุณอยู่ ตลอด คอยดูสายน้ำเกลือให้ เปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดหน้า เช็ดตัวให้ คุณเจ็บจนส่งเสียงร้องประหลาด พี่ฝนสุดาก็คอยลูบหน้าผากคุณ จนกระทั่งคุณสงบลง ในตอนที่คุณพ่อพาพวกคุณกลับมา มือของพี่ฝนสุดาสวยมากเลยนะ ดูก็รู้ว่าเป็นมือของพวกคุณหนู แต่เธอกลับตรากตรำทำอะไรให้คุณมากมาย จนมือแตกยับไปไม่รู้กี่ครั้ง ต่อไปพี่ต้องดีกับพี่ฝนสุดาให้มากนะ”ดาณิมาพูดกับรพีพงษ์
“แหม น้องดา พูดเรื่องนี้ทำไมกัน”ฝนสุดามองดาณิมาอย่างตำหนิ
ดาณิมาทำหน้าทะเล้นใส่ฝนสุดา พูดว่า“ก็หนูกลัวว่าเขาจะไม่รู้ความดีของพี่นี่นา หนูรู้สึกว่าถ้าคนที่นอนราบบนเตียงเป็นคุณพ่อ คุณแม่ยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลยนะ”
รพีพงษ์มองฝนสุดาอย่างสับสน คิดไม่ถึงว่าในวันที่ตัวเองสลบไสลไม่ได้สติ ฝนสุดาได้ทำอะไรมากมายเพื่อเขาถึงขนาดนี้ รพีพงษ์รู้ดีว่าฝนสุดาเป็นคุณหนูตระกูลก้องวณิชกุลที่ได้รับการพะเน้าพะนอเอาใจ เขาจึงเกิดความรู้สึกประหลาดอยู่เบื้องลึก ยากที่จะเอื้อนเอ่ย
ฝนสุดาจงใจหลบหลีกสายตาของรพีพงษ์ มองไปทางคุณหมอที่ดาณิมาแล้วพูดว่า“รีบให้คุณหมอตรวจเถอะนะ เมื่อกี้เขาเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ถ้าอาการหนัก ฉันจะหาทางพาเขาไปรักษากับหมอในเมืองหลวง”
ดาณิมาพยักหน้า จากนั้นจึงให้คุณหมอตรวจอาการรพีพงษ์
คุณหมอหยิบหูฟังออกมา กับเครื่องมือที่ใช้รักษา แล้ววางลงข้างตัว เขานั่งอยู่ขอบเตียง จับชีพจรให้รพีพงษ์เป็นอันดับแรก
เมื่อวินิจฉัยออกมาแล้ว คุณหมอยิ่งขมุ่นคิ้วแน่นขึ้น สบตารพีพงษ์ด้วยแววตาประหลาดใจ ฝนสุดาที่ดีใจเพราะรพีพงษ์ฟื้นขึ้นหลังจากที่เห็นสีหน้าของคุณหมอ ในใจจึงเกิด ความรู้สึกที่ไม่สงบ
บรรยากาศในห้องอึมครึมขึ้นมาทันที นอกจากเสียงลมหายใจของคุณหมอ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไรอีก
ในที่สุด คุณหมอจึงวางเครื่องมือในมือลง จ้องมองรพีพงษ์ แล้วพูดขึ้น“ผมเป็นหมอมานานหลายปี เป็นครั้งแรกที่เห็นคนเจ็บหนักขนาดนี้ แต่ยังมีชีวิตรอด ถ้าผมเดาไม่ผิด หน้าอกของคุณคงโดนของหนักกระทุ้งเข้าอย่างแรง ถ้าเป็นคนปกติธรรมดา การโจมตีที่แรงขนาดนี้ คงสลายไปถึงวิญญาณแล้วล่ะ”
“ผมได้ตรวจดูกระดูกคุณเมื่อครู่แล้ว กระดูกคุณแข็งกว่าคนทั่วไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรอดชีวิตมาได้ก็ได้”
“เพียงแต่เครื่องในทั้งห้าของคุณได้รับการบาดเจ็บหนักก็เท่านั้น ถึงขนาดไฟชีวิตใกล้มอดเลยทีเดียว ต่อให้เป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด เกรงว่าก็คงไม่น่าจะทำให้คุณหายดีเหมือนเดิมได้ ผมทำนายว่าคุณมีอายุอยู่ได้อีกแค่เดือนสองเดือนเท่านั้น”
“สองเดือนที่เหลือนี้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเถอะ ผมหมดหนทางรักษาแล้ว”
คุณหมอพูดจบ จึงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
ฝนสุดาฟังคำพูดของหมอ น้ำตาหยดลงติ๋งๆจากเบ้า เธอยืนตรงหน้าหมออย่างร้อนรน พูดขึ้น“คุณหมอคะ คุณหมอดูผิดหรือเปล่าคะ เขาก็ยังดีๆ จะเหลือเวลาอีกแค่สองเดือนได้ไง ขอร้องล่ะค่ะ คุณหมอดูใหม่ได้ไหมคะ เขาจะตายง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
คุณหมอส่ายหน้า พูด“เขาบาดเจ็บถึงขนาดี้ ต่อให้ผมแก่จนตาลาย ก็ดูไม่ผิดหรอก ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนจีน หรือ แพทย์แผนตะวันตก ต่อให้แพทย์ที่ล้ำเลิศที่สุดอย่างฮว๋าทัวยังมีชีวิตอยู่ ถ้าได้มาเห็นบาดแผลเขา ก็คงสรุปแบบผมนี่แหละ”
ฝนสุดาน้ำตาไหลพรากทันที“เป็นไปไม่ได้!คุณหมอดูผิดแน่นอน”
“พี่ฝนสุดา คุณหมอคนนี้เก่งที่สุดในเมืองปากซำของเราแล้วนะ มาตรฐานการตรวจของเขา เหลือล้ำกว่าพวกหมอตามโรงพยาบาลอีก เขาดูไม่ผิดหรอก พี่อย่าตีโพยตีพายไป”ดาณิมามองฝนสุดาอย่างเห็นใจ
คุณหมอเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป
รพีพงษ์ก็นึกไม่ถึงว่าหมอจะสรุปผลการตรวจของเขามาแบบนี้ ในเมื่อเหลือเวลาชีวิตอีกเพียงหนึ่งถึงสองเดือน สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นข่าวสายฟ้าฟาดข่าวหนึ่งเลยทีเดียว
แต่ว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนกแบบฝนสุดา ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความตาย รพีพงษ์ก็ยังคงสงบนิ่ง
ดาณิมาจ้องมองรพีพงษ์กับฝนสุดา แล้วเริ่มพูด“คือว่า หนูออกไปก่อนนะคะ พี่ฝนสุดา อย่าตื่นตระหนกจนเกินไปนะคะ คุณหมออาจจะยังไม่ฟันธงก็ได้ เราอาจจะมีวิธีอื่นก็ได้”
พูดจบ ดาณิมาจึงเดินออกจากห้อง แล้วปิดประตู
ฝนสุดาน้ำตาไหลไม่หยุด เธอจ้องมองรพีพงษ์ครู่หนึ่ง เห็นรพีพงษ์นอนจ้องเพดานเหม่อลอย จากนั้นยืนขึ้น เช็ดน้ำตา เดินออกจากห้องไป
ผ่านไปไม่นานนัก ฝนสุดาเดินกลับเข้ามาจากข้างนอก ในมือถือโทรศัพท์มาด้วย นั่งลงข้างรพีพงษ์
“ฉันรู้ว่าตอนนี้นายคิดถึงแคลร์ นายคงอยากจะโทรหาเธอสินะ นายบอกเบอร์ฉันมา ฉันโทรให้”ฝนสุดากลืนก้อนแข็งลงลำคอ
ในหัวรพีพงษ์เกิดภาพในอดีตขึ้นมาเป็นฉากๆ เขาคิดไม่ถึงว่า แม้ว่าตัวเองจะพ้นเคราะห์รอดตายมาได้ แต่ก็เหลือเวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น
เขาเห็นฝนสุดาถือโทรศัพท์เดินมา ใจเขาอยากจะโทรหาอารียาจริงๆนั่นแหละ
แต่เขาเหลือเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น ตอนนี้เกรงว่าอารียาคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าเขาโทรศัพท์ไปตอนนี้ อารียาอาจจะดีใจ แต่สองเดือนหลังจากนี้ เธอคงจะต้องหัวใจล่ม สลายอย่างหนัก
รพีพงษ์เป็นหนักขนาดนี้แล้ว เขาไม่อยากให้อารียาที่กำลังตั้งครรภ์ต้องได้รับความกระทบกระเทือนอะไรอีก จึงส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น“ไม่โทรดีกว่า ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะไปสร้างความหวังให้เธอทำไมกัน”
“ตาบ้า นายจะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้หรือ!ฉันไม่ยอม!ก่อนที่นายจะชอบฉัน นายตายไม่ได้!”จู่ๆฝนสุดาตะโกนขึ้น จนรพีพงษ์ตกใจ
รพีพงษ์ยิ้มขึ้น แล้วพูดขึ้น“ฉันเป็นขนาดนั้นด้วย เธอไม่จำเป็นต้องมากำชับให้ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”
“หึ นายอย่ามาใช้คำพูดแบบนี้กับฉันหน่อยเลย จะบอกนายให้ ต่อให้นายเหลือชีวิตอีกแค่สองเดือน ฉันก็จะใช้เวลาสองเดือนที่เหลือ ทำให้นายชอบฉันให้ได้”ฝนสุดาพูดพลางร้องไห้
รพีพงษ์ยิ้มส่ายหน้า ในเวลาแบบนี้ เขาไม่คิดจะถือสาหานิยายอะไรกับฝนสุดาอีกแล้วล่ะ ชีวิตนี้ของเขา ฝนสุดาเป็นคนช่วยเอาไว้ ก่อนไป ก็ทำให้เธอสมปรารถนาหน่อยดีกว่า ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจฝนสุดา
“ตกลง ถ้าเธอทำให้ฉันชอบเธอได้ ฉันก็จะคิดดูกัดฟันทนยืดชีวิตตัวเองออกไปอีกสองสามเดือน”รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด
ฝนสุดาฮึดฮัดมองรพีพงษ์ พูดขึ้น“อย่าดูแคลนเสน่ห์ของคุณหนูอย่างฉันจนเกินไป ชาตินี้ทั้งชาติ มีเธอคนเดียว ต่อให้เธอตาย ฉันก็จะสลักชื่อเธอลงไปที่ก้นบึ้งของหัวใจ!”