พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่627 ฉันช่วยชีวิตนายได้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่627 ฉันช่วยชีวิตนายได้
บทที่627 ฉันช่วยชีวิตนายได้
และในเวลาอีกไม่กี่วันที่เหลือ ฝนสุดาก็ได้หาหมอไม่ซ้ำหน้ามารักษารพีพงษ์ ผลสรุปที่ได้รับก็เหมือนๆกับหมอคนนั้น พวกเขาต่างตกอกตกใจที่รพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บหนักขนาด นั้นแต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ จากนั้นจึงให้ข้อสรุปกันไปต่างๆนานา หากสิ่งที่ไม่เหมือนกันคือ รพีพงษ์มีชีวิตมากขึ้นหรือน้อยลงหนึ่งถึงสองเดือนเท่านั้น
สำหรับบทสรุปนี้ รพีพงษ์ยอมรับโดยดุษฎี ก็เหมือนกับคนอื่นๆที่พอรู้ว่าตัวเองจะตาย ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับความเป็นความตายอีกต่อไป
ฝนสุดาเองก็ไม่ได้แสดงทีท่าเสียอกเสียใจอะไรต่อหน้ารพีพงษ์อีก แม้ว่าหมออีกสิบกว่าคนที่หามาจะฟันธงว่ารพีพงษ์จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ฝนสุดายังคงยิ้มแย้มให้กับรพีพงษ์อยู่ทุกคืนวัน
รพีพงษ์รู้ดีว่าฝนสุดาไม่อยากให้ตนเองได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่เสียใจ มีหลายคืน ที่เขานอนไม่หลับแล้วนอนลืมตาค้าง เขามักจะได้ยินเสียงสะอื้น
ความดื้อดึงของฝนสุดา รพีพงษ์เองก็รู้สึกเลื่อมใส หลังจากที่พูดไปในวันนั้น ฝนสุดาก็เริ่มดูแลรพีพงษ์อย่างใส่ใจ และในตอนที่ดูแล เธอยังได้แสดงด้านที่ดีที่สุดของตนเองให้กับรพีพงษ์ แสดงเสน่ห์และการได้รับการอบรมของคุณหนูลูกผู้ดีมีสกุลอย่างเต็มที่
มีหลายครั้ง ที่ในใจรพีพงษ์สั่นไหว รู้สึกว่าถ้าตัวเองมีเมียแบบนี้ บางทีอาจจะมีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่เขาก็แค่สั่นไหวเพียงเท่านั้น ถ้าฝนสุดาได้รู้จักรพีพงษ์ก่อนที่รพีพงษ์จะไปเจออารียา บางทีรพีพงษ์เองอาจจะไปหลงเสน่ห์เธอเข้าก็ได้ แต่ว่าตอนนี้ในใจรพีพงษ์มีเพียงอารียาเท่านั้น ต่อให้ฝนสุดาดีแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถจะจัดวางให้เธอไปอยู่ในใจได้อีกคน
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป อาดุลและครอบครัวให้ความช่วยเหลือรพีพงษ์เต็มที่ อาจจะรู้ว่ารพีพงษ์ใกล้ตายแล้ว จึงเอื้อเฟื้อต่อเขามาก
สิ่งที่ทำให้คนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจคือหลังจากผ่านการบำรุงดูแลมาหนึ่งสัปดาห์ รพีพงษ์ที่นอนราบอยู่บนเตียงก็กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนไม่น้อย ฝนสุดารู้สึกว่าร่างกายของรพีพงษ์ค่อยๆแข็งแรงขึ้น ในเมื่อหมอพวกนั้นคิดว่ารพีพงษ์ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนั้นน่าจะตายไปแล้ว แต่ยังคงมีชีวิตอยู่ นี่ก็คือปาฏิหาริย์แล้ว ถ้างั้นรพีพงษ์คงไม่ใช่แค่เหลือชีวิต อีกเพียงสองสัปดาห์ง่ายๆ
เห็นรพีพงษ์ดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ฝนสุดาเองก็ใจชื้นขึ้น ไม่รู้ว่าเธอไปหารถเข็นมาจากไหน พอรพีพงษ์นั่งลง ก็จะใช้รถเข็นเข็นรพีพงษ์ออกไปรับแดดที่ท่าเรือ
ช่วงบ่ายวันนี้ แสงแดดอ่อนนุ่ม สายลมพัดฉิว
ฝนสุดาเข็นรพีพงษ์ไปที่ท่าเรืออีกครั้ง
“รพีพงษ์ นายมันบ้า”ตามทางเดินเล็กๆริมทะเล จู่ๆฝนสุดาก็หยุดลง พูดขึ้นกับรพีพงษ์
รพีพงษ์ตะลึง เอ่ยปากถาม“ทำไมจู่ๆพูดแบบนี้”
“ตอนที่ออกมา ผู้คนต่างชมว่าเมียนายสวย ทำไมนายบอกพวกเขาว่าเป็นน้องสาว”สีหน้าฝนสุดาอึมครึม
“เธออ่อนกว่าฉันแค่สองเดือนเองไม่ใช่เหรอ บอกว่าเธอเป็นน้องสาว ก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด
“หึ ผีน่ะสิน้องสาวนายน่ะ ช่วงนี้พวกชาวบ้านแถวบ้านอาดุลต่างก็คิดว่าเราเป็นผัวเมียกัน วันนี้นายพูดแบบนี้ ฉันขายหน้าแค่ไหน ไม่รู้ล่ะ นับจากวันนี้ ฉันเป็นเมียนาย นายต้องยอมรับ”ฝนสุดาเอ่ยอย่างโกรธๆ
รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดว่า“แม่คุณ คุณย่าทวดขอรับ ไว้ชีวิตกระผมเถอะ กระผมมีเมียแล้ว”
“นายใกล้จะตายอยู่แล้วนะ เรื่องที่ผ่านไปก็เหมือนก้อนเมฆที่ลอยผ่าน สุดท้ายคนที่อยู่เป็นเพื่อนนาย ก็คือฉัน ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันจะต้องมีตำแหน่ง ถ้าวันนี้นายไม่ยอมรับเมียอย่างฉัน ฉันจะผลักนายลงไปเดี๋ยวนี้แหละ”ฝนสุดาเข็นรถไปที่ขอบราวกั้น
“งั้นเธอก็ผลักฉันลงไปเถอะ จะได้หมดเคราะห์หมดโศกเร็วขึ้น”รพีพงษ์เปิดปากพูด
ฝนสุดากระทืบเท้าไม่หยุด ตาบ้านี่ร้ายเสียจริง คิดว่าจะใจอ่อนหรือไงนะ
“งั้นนายก็อยู่ตรงนี้ไปคนเดียวแล้วกัน ดูสิว่าไม่มีคนสนใจ นายจะทำไง”
ฝนสุดาหมุนตัวเตรียมจากไป ท่าทีไม่สนใจใยดีการวางมาดของรพีพงษ์ แต่พอเดินไปได้สักสิบเมตร เธอก็เดินย้อนกลับมา“ฉันทำเวรทำกรรมอะไรไว้นะ คุณหนูผู้ยิ่งใหญ่แห่งตระกูลก้องวณิชกุล กลับต้องมาโดนนายรังแกเอาง่ายๆ ถ้าพ่อแม่ฉันรู้เข้า พวกท่านจะปวดใจแค่ไหน”ฝนสุดาร้องไห้สะอึกสะอื้น
รพีพงษ์ไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับ ฝนสุดารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มองไปทางรพีพงษ์ เห็นว่ารพีพงษ์กำลังจ้องไปที่เงาหนึ่งตรงสุดตรอก
เป็นชายชราที่สวมผ้าโพกหัว ตรงหน้าของชายชรามีเบ็ดตกปลาคันหนึ่ง ข้างตัวมีชะลอมไม้ไผ่ ถ้าอยู่ริมคลอง คนพวกนี้นับว่าพบเห็นได้ไม่น้อย
แต่ว่าบนถนนสายนี้ เป็นทะเลสุดลูกหูลูกตา ระลอกคลื่นซัดถาโถม ต่อให้มีปลาก็ตกขึ้นมาไม่ได้ เพราะฉะนั้นเงาที่ปรากฏขึ้น นับว่าแปลกประหลาด
“เข็นฉันไปทางนั้นเถอะ ชายชราคนนั้น ดูค่อนข้างพิเศษ”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ฝนสุดาพยักหน้า เข็นรพีพงษ์ไปทางชายชรา
“คุณลุงครับ ตรงนี้คลื่นซัดถาโถม ต่อให้มีปลาก็คงโดนซัดไปหมด คุณลุงตกปลาตรงนี้ เกรงว่าน่าจะกลับไปมือเปล่า”รพีพงษ์พูดแล้วยิ้มให้
ชายชราหันหน้าไปสบตารพีพงษ์กับฝนสุดา แล้วพูดขึ้น“ข้าไม่ได้ตกปลา เป็นเรื่องของจิตใจ ก็เหมือนแม่หนูข้างตัวเจ้านั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่าจะมัดใจเจ้าไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่กับเจ้า หล่อนจะไม่รู้ได้ไงว่าการทำเรื่องแบบนี้ก็ไม่ต่างจากทำเปล่า แต่หล่อนก็ไม่ถอดใจ เรื่องบางเรื่องถ้าเราให้ความสนใจผลสรุปมากเกินไป ความสนุกสนานก็จะหดหายไปเยอะ”
ฝนสุดาคิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรพีพงษ์จะโดนส่องละเอียดขนาดนี้ จึงหน้าแดงก่ำขึ้นมา
รพีพงษ์ทำท่าครุ่นคิด รู้สึกว่าคำพูดของชายชรามีเหตุผลในตนเอง
“คุณลุงช่างมีประสบการณ์เหลือเกินครับ”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ชายชรายิ้มแล้วพูด“ก่อนที่นายมาก็ไม่มีหรอก แต่ว่าตอนนี้น่ะ……”
พูดพลาง ชายชราคว้าเบ็ดออกแรง ปลาตัวเกือบฟุตลอยโผล่ผิวน้ำ ชายชราเก็บคันเบ็ด นำปลาใส่ชะลอมไม้ไผ่
“ว้าว เก่งจังเลยค่ะ”ฝนสุดาอุทานชม
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เขามักจะรู้สึกว่าชายชรากำลังบอกความนัยอะไรอยู่
หลังจากที่เก็บปลาเรียบร้อย ชายชราจึงยืนขึ้น มองไปทางรพีพงษ์ รพีพงษ์ถึงได้เห็นเขาชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นชายชราที่ท่าทางโอบอ้อมอารี ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
“พ่อหนุ่ม ข้าสำรวจเจ้ามาสองสามวันแล้ว เจ้ากับเมียของเจ้า น่าจะไม่ใช่คนท้องถิ่นใช่ หรือไม่”ชายชราเอ่ยปาก
ฝนสุดารีบยิ้มพยักหน้า รพีพงษ์กำลังจะแก้ตัวว่าฝนสุดาไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่ฝนสุดาถลึงตากลับใส่
“คุณลุงครับ คุณลุงตกปลาอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงจะรอผมใช่ไหมครับ”รพีพงษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย
“หมอที่รักษาให้เจ้าคนหนึ่งเป็นเพื่อนของลุงเอง เขาได้เล่าอาการของเจ้าให้ลุงฟัง ลุงรู้สึกประหลาดใจ ก็เลยคอยสำรวจเจ้ามาสองสามวันแล้ว”ชายชราไม่ปิดบัง พูดออกไปตรงๆ
“อย่างนั้นหรือครับ สำรวจผมทำไมครับ คนที่ใกล้ตายอย่างผม มีอะไรให้คุณลุงสนใจครับ”รพีพงษ์ถามขึ้นอย่างระแวดระวัง
ชายชรายิ้ม พูดขึ้น“คนใกล้ตายอย่างนั้นหรือ ก่อนที่เรื่องยังไม่เกิด ก็อย่าเพิ่งตื่นตูมไป”
“ที่ข้ามาหาเจ้า เพราะว่า ข้าช่วยเจ้าได้”