พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่632 เป็นความผิดผมคนเดียว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่632 เป็นความผิดผมคนเดียว
บทที่632 เป็นความผิดผมคนเดียว
สายตาลามกของตุรียะกำลังมองไปที่ฝนสุดา เขาไม่เคยเห็นสาวสวยขนาดนี้มาก่อน ใจก็สั่นระรัว
เธอเดินไปข้างหน้า แล้วจ้องไปที่ฝนสุดา แล้วกล่าว “เขาพูดถูก เป็นผู้หญิงของผม ผมรับรองว่าจะให้คุณไม่อั้น”
ฝนสุดามองไปที่ตุรียะอย่างรังเกียจ แล้วกล่าว “แกเป็นใคร กล้าดียังไงพูดกับฉันแบบนี้?”
ในฐานะที่เป็นคุณหนูตระกูลก้องวณิชกุล เธอจะเปลี่ยนเป็นคนที่อบอุ่นและกวนตีนต่อหน้ารพีพงษ์เท่านั้น ต่อหน้าชายอื่น ไม่อยู่ในสายตาของเธอ
ตุรียะถูกฝนสุดาตำหนิ ก็ชะงัก เริ่มมีความโลภอยากได้มากขึ้นเข้าไปอีก
เจ้าของร้านจำนำเริ่มมองไปที่ฝนสุดาอย่างรำคาญ แล้วกล่าว “แกกล้าพูดว่าตุรียะแบบนี้ได้ไง เมืองห้างสรรพสินค้าเชร์สิงในเมืองปากซำนี้ เป็นห้างที่ใหญ่ที่สุด ครอบครัวของตุรียะมีเงินเป็นพันล้านเลยนะ กล้าดียังไงว่าเขาไม่คู่ควรกับแก!”
ฝนสุดาบึนปาก แค่พันล้านยังกล้าเอ่ยปากอีก ปกติเวลาที่เธอจัดงานวันเกิด ก็ได้รับของขวัญไม่ต่ำกว่าพันล้านแล้ว
ตุรียะโบกให้เจ้าของโรงจำนำ แล้วยิ้ม “ฉันชอบแบบนี้ ถ้าเป็นคุณหนู ฉันไม่ชอบ หญิงแบบนี้ ถึงจะสนุก”
ฝนสุดารู้สึกสะอิดสะเอียน มองไปที่เจ้าของโรงจำนำ แล้วกล่าว “รีบเอานาฬิกาคืนฉันมา ฉันจะกลับแล้ว”
ตุรียะยิ้ม ยืนด้านหน้าฝนสุดา แล้วกล่าว “มาก็มาแล้ว ทำไมรีบไปล่ะ เข้าไปคุยกับฉันหน่อยสิ ให้เธอได้เห็นความเก่งกาจของฉัน”
พูดไปพูดมา ตุรียะก็ยื่นมือ จะไปจับคางของฝนสุดา
ฝนสุดายื่นมือไปตบตุรียะ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง
“ถ้าแกไม่เอานาฬิกาเรือนนั้นของฉันคืนมา แกจะต้องเสียใจ”ฝนสุดารู้ว่าเธอเป็นเพียงหญิงสาวไม่สามารถต่อกลอนกับตุรียะได้ ตอนนี้เธอไม่มีตระกูลก้องวณิชกุลคุ้มหัว เธอก็เป็นเพียงหญิงธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ถ้ายังเสียเวลากับพวกมันต่อไป เกรงว่าจะเกินปัญหาขึ้น ดังนั้นออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า
เธอหันหลังเตรียมตัวออกไป ตุรียะส่งสายตาให้กับการ์ดของเขา การ์ดเหล่านั้นรีบขวางหน้าฝนสุดาไว้
ฝนสุดาโมโห แล้วกล่าว “พวกแกคิดจะทำอะไร แกแย่งนาฬิกาฉันแล้ว ยังจะกักฉันเอาไว้อีกหรอ?”
ตุรียะยิ้ม แล้วกล่าว “คนสวย คุณลองไปถามดูได้นะ ว่าผู้หญิงที่ตุรียะชอบนั้น มีครั้งไหนที่หลุดมือไปได้บ้าง คนอื่นผมไม่รู้ แต่ที่เมืองปากซำนี้ เพียงแค่ผมอยากให้คุณนอนกับผม ก็ไม่มีใครกล้าหือแล้ว!”ในฐานะที่เป็นชุกชายเจ้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง ในเมืองปากซำตุรียะถือว่าใหญ่เหนือใคร และเป้าหมายของเขาก็คือหญิงที่เข้ามาในโรงจำนำ ในเมื่อมาโรงจำนำเพื่อจำนำของ นั่นก็แสดงว่าหญิงเหล่านั้นต้องมีปัญหาแน่นอน และต้องไม่มีคอนเน็คชั่นเป็นแน่ ดังนั้นก็จะง่ายต่อการที่เขาจะคว้ามา
เจ้าของโรงจำนำนี้มีหน้าที่หาหญิงให้กับตุรียะ เพียงแค่สวยสักหน่อย ก็จะบอกกล่าวต่อตุรียะ
หลายปีมานี้มีหญิงสาวมากมายถูกตุรียะคว้าไป เพราะแบล็คกราวน์ของตุรียะจึงทำให้พวกเธอต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้อยใจ
ฝนสุดาเริ่มหวาดกลัว เพราะไม่อยากให้รพีพงษ์รู้ว่าเธอมาจำนำของเพื่อแลกกับเงิน ตอนออกมาเธอไม่ได้บอกรพีพงษ์ไว้เลย ถ้าตุรียะพาเธอไปล่ะก็ วันนี้เธอก็ต้องโชคร้ายแล้ว
เธอมองไปข้างๆ แล้วก็เดินผ่ากลางไปอย่างเร็ว อยากหนีไป แต่การ์ดพวกนั้นก็จับเธอได้ในทันที
ฝนสุดาดิ้น แล้วตะโกน “ปล่อยฉันนะ! ฉันจะบอกให้นะ ว่าสามีฉันหนะเก่งกาจ ถ้าพวกแกทำอะไรฉัน เขาจะไม่มีทางปล่อยพวกแกไว้แน่!”
“แกมีผัว? เหอะเหอะ น่าสนใจแหะ แบบนี้สิถึงจะสนุก พามันไปด้านหลัง ให้ฉันลิ้มลองหน่อย ดูสิยังจะปากเก่งอีกมั้ย!” ตุรียะดูแคลน
การ์ดเหล่านั้นพาฝนสุดาเข้าไปด้านใน เจ้าของโรงจำนำก็ไปปิดเปิดประตูให้ เพื่อไม่ให้คนอื่นรบกวนตุรียะได้
เขาเพิ่งปิดประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ประตูหลุดออกจากกำแพงในทันที ทำเอาเจ้าของโรงจำนำถูกทับอยู่ด้านล่างประตู
ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ล้วนมองไปที่ประตูนั่น
ร่างอันสูงตระหง่านปรากฏกายอยู่ที่นั่น คือรพีพงษ์ที่ตามฝนสุดามาเงียบๆ!
“ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้น ตาย!” เสียงของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความอำมหิต
ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์ปรากฏตัว น้ำตาก็ไหลออกมา รู้สึกคลายทุกข์ไปได้ส่วนหนึ่ง เธอรู้ดี ว่ารพีพงษ์อยู่ที่นี่ จะไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรแน่นอน
“มึงแม่งเป็นใครวะ มึงคงไม่ใช่ผัวมันหรอกนะ? กูจะบอกมึงให้รู้ ก็คือลูกชายของเจ้าของห้างสรรพสินค้าเชร์สิง มึงอยู่นิ่งๆไว้ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!” ตุรียะจ้องไปที่รพีพงษ์ แล้วตะคอก
รพีพงษ์ไม่สนใจเขา เดินไปตรงหน้า แล้วบีบคอเขาไว้ ใช้แรงดันไปที่ผนัง
จากนั้นรพีพงษ์ขยับอย่างรวดเร็ว ไปที่ด้านหน้าของการ์ดพวกนั้น ไม่ทันไร การ์ดพวกนั้นก็ล้มลงกับพื้น
แม้บาดแผลของรพีพงษ์ยังไม่หายดี แต่กำลังภายในส่วนใหญ่เริ่มหมุนเวียนใช้งานได้แล้ว ในการจัดการกับการ์ดเหล่านี้ พละกำลังยังเหลือเฟือ
แล้วบาดแผลครั้งนี้ทำให้รพีพงษ์เข้มแข็งมากขึ้น บวกกับผู้เฒ่าให้เขากินยาเพิ่มพลัง รพีพงษ์รู้สึกได้ ว่าหลังจากที่บาดแผลของเขาหายแล้ว กำลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกขั้น
หลังจากที่ฝนสุดาเห็นรพีพงษ์จัดการเหล่าการ์ดพวกนั้นหมดแล้ว ก็กอดเขาทันใด แล้วร้องออกมา
ครั้งนี้ รพีพงษ์ไม่ต่อต้านใดๆ
“เมื่อกี๊ฉันกลัวมาก ฉันคิดว่าจะต้องโดนไอ้พวกนี้รังแกแล้วจริงๆ ฮือฮือฮือ ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้” ฝนสุดาร้องพลางบ่น
รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงกอดของฝนสุดาว่าแน่นเหลือเกิน แสดงว่าน่าจะกลัวเข้าแล้วจริงๆ ผู้หญิงคนเดียว ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกตุรียะแล้วยังนิ่งสงบได้ถือว่าไม่เลว เพียงอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ เธอถึงจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแอลงทันที
“ทำไมคุณโง่แบบนี้ ไม่มีเงินก็บอกผมสิ ทำไมต้องมาโรงจำนำแบบนี้ ยังดีที่ครั้งนี้ผมตามมา ไม่งั้นอาจไม่เป็นเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ก็ได้นะ” รพีพงษ์ตำหนิ
ฝนสุดาฟังแล้ว ก็ตาโต ยกมือกำหมัดชกไปที่อกของรพีพงษ์
“คุณคิดว่าเป็นความผิดของฉันใช่ไหม ไอ้บ้า ถ้าไม่ใช่เพราะซื้ออาหารเสริมให้คุณ ซื้อมือถือให้คุณ คุณหนูตระกูลก้องวณิชกุลอย่างฉันจะต้องถึงขั้นมาโรงจำนำหรอ ตอนนี้คุณยังมาโทษฉันอีก ทำไมฉันชั่งน่าสงสารได้ขนาดนี้นะ”
ฟังเสียงอันน้อยใจของฝนสุดา รพีพงษ์รับรู้ได้ว่าตัวเองพูดผิดไปแล้วในทันใด ก็รู้สึกผิดออกมา มองไปที่ฝนสุดาอย่างร้อนใจ แล้วกล่าว “ผม……ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรพูดแบบนี้กับคุณ ผมผิดเอง คุณตีผมเถอะ”
ฝนสุดานิ่งลง มองไปที่รพีพงษ์อย่างเหม่อลอย ไม่นาน ก็ยิ้มออกมา
ท่าทางเมื่อกี๊ของรพีพงษ์ เหมือนกับลักษณะของแฟนฝ่ายชายที่ขอโทษแฟนฝ่ายหญิง
ฝนสุดารู้สึกทันใด ราวกับว่าตัวเองกำลังมีความรักอยู่อย่างไรอย่างนั้น