พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่691 ฉายาเทพมรณะ
บทที่691 ฉายาเทพมรณะ
ช่วงเวลาสองวันให้หลัง รพีพงษ์พักที่สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ผ่านชาลิสา สอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของที่นี่
สำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน แต่เดิม เพื่อปกป้องคนจีนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาถูกรังแก ตอนแรกที่ผู้คนเริ่มสร้างไชน่าทาวน์ ชาวอเมริกาไม่ยินยอม มักจะมีคนมาหาเรื่องคนจีนตลอด
เพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติของชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้รวมกลุ่มกัน เป็นสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ประธานสมาคมในตอนนั้น คือคุณปู่ของชาลิสา
คนอเมริกาคิดเสมอว่าคนจีนสู้พวกเขาไม่ได้ มักจะคิดว่าตัวเองสูงส่ง เมื่อมาไชน่าทาวน์ทีไรก็จะรังแกคนทั่วไป แต่ตอนนี้ คนของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีนออกหน้า จัดการปัญหาง่ายๆ โดยการขึ้นชก
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้โบราณ แม้ร่างกายของโศศุจไม่แข็งแรงเท่าคนอเมริกา แต่จะจัดการพวกเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ดังนั้นเมื่อผ่านการต่อสู้มาหลายเวทีแล้ว คนอเมริกาก็รับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของคนจีน จนกระทั่งปัจจุบันจึงมีคนจำนวนน้อยที่จะมาหาเรื่อง
เมืองริเวอร์นอกจากจะรับหน้าที่เป็นประธานสมาคมของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ในเวลาเดียวกันก็เปิดสำนักศิลปะการต่อสู้เช่นกัน สอนคนที่อยู่ที่ไชน่าทาวน์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ให้พวกเขาได้สามารถป้องกันตัวเองได้
หลังจากที่รู้ความคิดของโศศุจที่มีต่อไชน่าทาวน์แล้วนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกนับถือ เพราะถ้าไม่มีเขาที่เป็นประธาน ไชน่าทาวน์ก็ไม่มีทางสงบแบบนี้ได้
ในช่วงเวลาสองวันนี้ ท่าทีของโศศุจที่มีต่อรพีพงษ์พูดได้ว่าดีจนผิดปกติ ในสายตาของโศศุจ รพีพงษ์เป็นคนที่มีพรสวรรค์นานๆจะเจอสักครั้ง แน่นอนว่าต้องดูแลเป็นอย่างดี
ในตอนแรกรพีพงษ์รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ ผ่านเป็นสักพักถึงได้รู้ว่าวัยรุ่นในไชน่าทาวน์ อายุช่วงยี่สิบกว่าถึงสามสิบกว่าปีแล้วมีความสามารถระดับเน่ยจิ้งชั้นต้น ทั้งหมดมีแค่สองคนเท่านั้น คนแรกคืออนันยช อีกคนคือพิชยะ
คนที่เหลือที่ฝีมือระดับนี้ ก็ล้วนสี่สิบปีขึ้น ถ้านับตามอายุล่ะก็ รพีพงษ์ถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างหาที่เปรียบมิได้
ท่าทีของชาลิสาที่มีต่อรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไปเยอะ แต่เธอนับถือรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ไม่เหมือนหญิงคนอื่นที่เมื่อเห็นคนเก่งก็จะเปลี่ยนไปเป็นบ้าผู้ชายคนนั้นไปเลย
ดูจากพื้นฐานาลิสาเป็นคนนิ่งสงบ
ช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ รพีพงษ์ได้เห็นลูกศิษย์ของโศศุจกำลังฝึกหมัดอยู่ในที่ฝึกศิลปะการต่อสู้ของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน ขณะเดียวกันนี้ชาลิสาได้เดินไปข้างๆเขา แล้วกล่าว “ฉันคิดวิธีที่จะให้คุณสามารถประลองกับอนันยชบนเวทีได้แล้ว” รพีพงษ์ตาลุกวาว แล้วถาม “วิธีไหน?”
“ตามฉันมา” ชาลิสาไม่พูดออกมาโดยตรง แต่เดินไปที่ด้านนอกของสนามฝึกศิลปะการต่อสู้
รพีพงษ์รีบเดินตามไป ทั้งสองเดินไปที่ห้องสมุด ชาลิสาถือแฟ้มเอกสารมา แล้วยื่นให้รพีพงษ์
“ระยะนี้ตระกูลนิธิวรสกุลได้ปรากฏยอดฝีมือเน่ยจิ้งมาชุดหนึ่ง แต่เก่งกว่ายอดฝีมือธรรมดาอีก ฉันให้คนเฝ้าดูคนเหล่านี้ พบว่าที่พวกเขามีความสามารถขนาดนั้น น่าจะเรียนวิชาหายใจออกจากอนันยช อนันยชน่าจะใช้วิชาหายใจออกปรับเปลี่ยนมา
“แบบนี้ตระกูลนิธิวรสกุลก็จะมีคนที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอีกกลุ่ม แต่ก็ไม่ถึงขึ้นว่าเป็นยอดฝีมืออะไรขนาดนั้น ช่วงนี้ตระกูลนิธิวรสกุลได้พึ่งเหล่ายอดฝีมือพวกนี้ขยายอำนาจ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชาลิสา รพีพงษ์ก็พยักหน้า ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ก่อนที่จะมาที่นี่ เขาได้เคยเจอกับจวัตว์และคนอื่นมาแล้ว ตอนนี้ดูๆไป อนันยชอยากจะพึ่งคนพวกนี้ ช่วยตระกูลนิธิวรสกุลเติบโตขึ้นอีกขึ้น
“และอนันยชอยากให้เหล่ายอดฝีมือพวกนี้ได้เผชิญการต่อสู้ จึงได้จัดให้คนเหล่านี้ประลองเวทีใต้ดินใกล้ๆย่านไชน่าทาวน์”
“ถ้าคุณไปเวทีใต้ดินนี้ได้ ชนะเหล่ายอดฝีมือของตระกูลนิธิวรสกุลทั้งหมด อนันยชไม่มีทางนิ่งนอนใจแน่ๆ ไม่แน่พอถึงเวลานั้นเขาอาจจะขึ้นประลองบนเวทีกับคุณก็ได้ แน่นอน ว่าคุณจะแสดงตัวตนที่แท้จริงตอนขึ้นชกไม่ได้ มิเช่นนั้น ถ้าอนันยชรู้เป้าหมายของคุณ ไม่แน่เขาอาจจะเชิญอาจารย์เขามาฆ่าคุณเลยก็ได้นะ แม้แต่ตำรวจ ก็จัดการพวกปรมาจารย์เหล่านี้ไม่ได้”
รพีพงษ์เห็นด้วยกับคำพูดของชาลิสา ข้อได้เปรียบของเขาในตอนนี้ คือคนของตระกูลนิธิวรสกุลยังไม่รู้ว่าเขายังไม่ตาย แล้วยังมาอเมริกาอีก
ดังนั้นถ้ารพีพงษ์มีโอกาสก็จะใช้วิธีที่ง่ายที่สุด ในการฆ่าอนันยชทิ้งซะ
แต่ถ้าถูกอนันยชรู้เข้าว่าเขามาที่อเมริกา แล้วยังมีฝีมือเน่ยจิ้งอีกนั้น อนันยชไม่มีทางนิ่งเฉย แต่เขามีปรมาจารย์ ถ้าอนันยชขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ท่านี้ รพีพงษ์ก็ไม่มีทางล้างแค้นได้อีกแล้ว เพราะอาจารย์ของรพีพงษ์คงไม่มีทางมาอเมริกาเพราะรพีพงษ์แน่นอน
“วิธีนี้ได้อยู่ เวทีใต้ดินนั้นอยู่ที่ไหน คืนนี้ผมจะไปดู” รพีพงษ์ถาม
“ฉันจะไปเป็นเพื่อนคุณในคืนนี้” ชาลิสากล่าว
รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ หลังจากพยักหน้า ก็ดูเอกสารที่ชาลิสายื่นให้เขา เอกสารเหล่านี้เกี่ยวกับยอดฝีมือเหล่านั้นของตระกูลนิธิวรสกุล บนนั้นมีจุดที่ชาลิสาทำเครื่องหมายไว้ รพีพงษ์เห็นข้อความบนนั้น ก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณหัวเราะอะไร?” ชาลิสาถาม
“ไม่คาดคิดว่าคุณจะลายมือสวย” รพีพงษ์ตอบ
ชาลิสาชักตาใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ทำไม ฉันเหมือนคนที่เขียนลายมือไม่สวยหรอ?”
“เปล่าๆ ลายมือและตัวคุณสวยด้วยกันทั้งคู่” รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง แล้วรีบกล่าวต่อ
ชาลิสาไม่ได้ใส่สายตานิ่งสงบจ้องรพีพงษ์ แล้วพึมพำว่า “ปากหวานจริง ฉันใจกว้าง ไม่ถือสาคุณ”
……
กลางคืน ในผับที่อยู่ไม่ไกลจากไชน่าทาวน์
ขาลิสาและรพีพงษ์ทั้งสองเบียดเสียดเข้าไปในผับ เพราะรูปร่างของชาลิสาเป็นที่ดึงดูดของคนทั่วไป คนอเมริกาจำนวนไม่น้อยผิวปากให้เธอไม่หยุด บางคนก็เข้ามาจีบโดยตรง แต่ก็ถูกสายตานิ่งสงบของชาลิสาทำให้ตกใจหนีไป
ถึงด้านหน้าสุดของผับ มาถึงประตู ชาลิสายื่นมือไปผลัก ประตูนั้นถูกเปิดออก ทั้งสองเดินเข้าไป ได้ยินเสียงตะโกนที่ดังกว่าเสียงในผับเสียอีก
สถานที่นี้ก็คือสนามมวยใต้ดินที่ชาลิสากล่าวถึง
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การประลอง ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชอบมากที่สุด ดังนั้นสนามมวยใต้ดินนี้ มีไม่น้อยในอเมริกา
ในมือของรพีพงษ์ถือหน้ากากเอาไว้ เป็นหน้ากากตัวเอกในการ์ตูน《เทพมรณะ》ในขณะที่มาที่นี่ รพีพงษ์ได้แวะซื้อข้างทาง
เมื่อเข้ามาที่สนามมวยใต้ดิน รพีพงษ์ได้ใส่หน้ากากไว้บนหัวของตัวเอง
“คุณบอกว่าการที่จะขึ้นชกที่นี่นั้น จะต้องมีฉายาไม่ใช่หรอ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฉายาของผม ก็คือเทพมรณะ” รพีพงษ์พูดกับชาลิสา
ชาลิสามองไปที่หน้ากากการ์ตูนบนใบหน้าของรพีพงษ์ แล้วมองบน กล่าว “หน่อมแน้ม”