พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่706 เข่นฆ่า
บทที่706 เข่นฆ่า
ขาของกาจพลอ่อนอย่างกะทันหัน เผชิญหน้ากับยอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง เขาไม่ไม่มีทางต้านทานได้เลย
ถ้าวันนี้รพีพงษ์ตั้งใจจะฆ่าครั้งใหญ่จริงๆ งั้นตระกูลนิธิวรสกุล ก็จบเห่จริงๆ
“ระ…..รพีพงษ์ พวกเรามีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ไม่ว่ายังไง ฉันก็เป็นน้องชายของปู่นาย นายควรจะเรียกฉันว่าท่านปู่ ถ้าลงมือก็เท่ากับว่านายก็ไม่ค่อยรู้เรื่องไม่รู้ราวเกินไป”กาจพลไม่มีวิธีจัดการกับรพีพงษ์ ทำได้เพียงใช้ความสัมพันธ์นี้มาถ่วงเวลา
“เรียกแกว่าท่านปู่? แกคู่ควรเหรอ! ในเวลานี้แกกลับมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแกกับปู่ของฉัน ตอนที่แกฝังท่านไว้ที่ข้างโถส้วมทำไมแกไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้างล่ะ?”รพีพงษ์ตะโกนด้วยความโกรธ หักแขนของกาจพลที่คว้าไว้ได้โดยตรง
กาจพลร้องโอดโอย เหงื่อเย็นที่หน้าผากก็ไหลออกมาทันที
“ปล่อย….ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันยินดีที่จะมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลนิธิวรสกุลให้กับนาย ไว้ชีวิตฉันด้วย ขอร้องนายล่ะ”กาจพลขอร้องด้วยความเมตตา
“ตอนแรกฉันคิดว่าแกจะเป็นคนที่ยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบ คาดไม่ถึงแกจะขี้ขลาดขนาดนี้ เป็นญาติกับคนอย่างแก ฉันยังอาย!”รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“แก…..แกนี่มันไอ้เด็กเปรต กล้ามาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นนายใหญ่ของตระกูลนิธิวรสกุล แกก็เพียงแค่หลานชายของเศษสวะ…..”กาจพลรู้ว่ารพีพงษ์ไม่มีทางให้โอกาสเขา ดังนั้นจึงด่าไปตรงๆ
“คำพูดนี้แกเก็บไว้ไปพูดกับพญายมแล้วกัน ผ่านวันนี้ไป บนโลกใบนี้ ก็จะไม่มีตระกูลนิธิวรสกุลอีกแล้ว!”
รพีพงษ์ไม่พูดจาไร้สาระต่อไป หักคอของกาจพลทันที จากนั้นก็ลากศพของกาจพล และมองไปที่ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุล
ในขณะนี้ เขาเป็นเทพมรณะที่ออกมาจากนรก
คนเหล่านั้นที่มีตราบาปติดตัว จะถูกฆ่าด้วยเงื้อมมือของเขาเอง
“ไอ้หมอนี่มันบ้าไปแล้ว ทุกคนรีบหนี!”ในเวลานี้มีคนตะโกน จากนั้น ผู้คนในตระกูลนิธิวรสกุลก็วิ่งหนีกระจัดกระจาย
รพีพงษ์ยกศพของกาจพลขึ้นมา และกระแทกใส่ไปที่บนตัวคนเหล่านั้น
คนธรรมดาเหล่านี้ อยู่ตรงหน้ายอดฝีมือเน่ยจิ้งขั้นกลาง ต่อให้หนี จะหนีไปได้ไกลแค่ไหน?
มีเงาปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน เสียงกรีดร้องดังไปทั่วบริเวณชานเมือง
ในวันนี้ รพีพงษ์ทำการฆ่าครั้งใหญ่ ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุล เหมือนลูกแกะที่ถูกเชือด ล้มลงด้วยเงื้อมมือของรพีพงษ์
ต่อให้ถูกปรมาจารย์เน่ยจิ้งเพ่งเล็งแล้วยังไงล่ะ กาจพลทำถึงขั้นนี้แล้ว ถ้ารพีพงษ์ยังไม่ลงมือ ต่อให้มีความแข็งแกร่งของทะลวงฟ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ศรัณย์ล้มลงบนพื้น มองไปที่รพีพงษ์ที่แปลงร่างเป็นชูร่านรก และถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจของเขารู้ดี ความผิดที่รพีพงษ์ได้กระทำนั้น ไม่สามารถย้อนกลับได้
ชาลิสาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงกังวลมาก เมื่อเห็นรพีพงษ์ฆ่าคนของตระกูลนิธิวรสกุล แม้ว่าหล่อนอยากจะห้าม แต่ไม่สามารถพูดได้ ท้ายที่สุดแล้วในใจของหล่อน คนของตระกูลนิธิสนสกุลก็สมควรตายจริงๆ แต่หล่อนก็กังวลรพีพงษ์จะตกเป็นเป้าเพ่งเล็งของปรมาจารย์เน่ยจิ้งเนื่องจากเหตุการณ์นี้
ครั้งนี้รพีพงษ์ฆ่าคนไปจำนวนมากมายขนาดนี้ ยังไม่แน่ว่าจะเจอกับบทลงโทษแบบไหน
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อคนของตระกูลนิธิวรสกุลทุกคนล้มลงกับพื้น รพีพงษ์ถึงค่อยๆวางมือลงอย่างช้าๆ หายใจหอบไม่หยุด
เขามองไปที่เลือดบนมือของตัวเอง ยื่นมือไปฉีกเสื้อผ้าของคนคนหนึ่งออกได้อย่างง่ายดาย เช็ดมือ และเดินไปหาชาลิสา
“พวกเราไปกันเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ชาลิสามีความคิดมากมายในใจ อยากจะพูดอะไรมากมายกับรพีพงษ์ แต่ในที่สุดก็เพียงแค่พยักหน้าให้รพีพงษ์ จากนั้นก็เดินไปที่รถพร้อมกับเขา
ไม่มีใครคาดคิดว่า ตระกูลนิธิวรสกุลที่เจริญรุ่งเรือง ก็จบลงในประวัติศาสตร์ด้วยวิธีการแบบนี้
ผู้คนของตระกูลนิธิวรสกุลที่เดินทางมาที่ชานเมืองพร้อมกับกาจพล ที่รอดชีวิตมา ไม่เกินนิ้วมือข้างหนึ่ง คนระดับสูงของตระกูลนี้ถูกฆ่าไปแล้วเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตระกูลนิธิวรสกุลก็จะพังพินาศไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลับมา รพีพงษ์อาบน้ำก่อน และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ จากนั้นเขาก็โทรวิดีโอคอลหาอารียาก่อน โดยบอกว่าเขาอาจจะเจอกับปัญหา อาจกลับไปที่งานเลี้ยงครบร้อยวันของขวัญนลินไม่ทัน
ครั้งนี้อารียาไม่ได้ตำหนิรพีพงษ์ แต่ถามเขาด้วยใบหน้าที่เป็นห่วงว่ามันร้ายแรงหรือเปล่า รพีพงษ์บอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาจัดการได้ เพียงแค่มีเวลา ก็จะโทรวิดีโอคอลหาอารียา ให้เธอไปมาต้องเป็นห่วง
หลังจากนั้นเขาก็โทรหานนทภู บอกเรื่องที่ตระกูลนิธิวรสกุลถูกทำลายให้กับนนทภู
หลังจากที่นนทภูทราบข่าวนี้ ก็ตกใจเป็นธรรมดา แม้ว่าจะดีใจ แต่ความแค้นระหว่างพวกเขาและตระกูลนิธิวรสกุลมานานหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็สิ้นสุดลง
รพีพงษ์ไม่ได้บอกนนทภูเรื่องที่ตัวเองฆ่าคนต่อหน้าหัวหน้าทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ท้ายที่สุดพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เขารู้ว่าทีมของปรมาจารย์เน่ยจิ้งคงจะมาหาเขาถึงที่แน่ เขาก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะลงโทษตัวเองอย่างไร แต่ตราบใดที่ชีวิตมีอันตราย เขาไม่มีทางนั่งรอความตาย
ตราบใดไม่มีปรมาจารย์มาจับตัวเขา เขาก็มีความมั่นใจมากพอที่จะหลบหนี
กฎของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง สามารถควบคุมยอดฝีมือเน่ยจิ้งได้อย่างแท้จริง แต่ไม่สามารถควบคุมปรมาจารย์ได้
หากพวกเขาต้องการที่จะตัวเองมีโทษถึงขั้นตาย งั้นรพีพงษ์ก็จะซ่อนตัว จนกว่าจะกลายเป็นปรมาจารย์
หลังจากโทรศัพท์เสร็จแล้ว รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ นึกย้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนหุนหันพลันแล่นไปบ้างก็จริง
แต่เขามาที่นี่ ก็เพื่อแก้แค้น ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ล้างแค้นตระกูลนิธิสนสกุล ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ
เขาไปหาชาลิสา ขอให้ชาลิสาช่วยหาวิธีขุดกระดูกของวรรณิตออกมาจากข้างห้องน้ำนั้น แล้วส่งกลับประเทศจีน ฝังไว้ที่สุสานฝังศพของบรรพบุรุษตระกูลลัดดาวัลย์
ชาลิสาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ถามอย่างเป็นห่วงว่า: “ปรมาจารย์เน่ยจิ้งไม่มีทางปล่อยนายไปแน่ นายจะทำอย่างไร?”
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “การรับมือกับปัญหาย่อมมีมากกว่าตัวปัญหาเอง รอพวกเขามาค่อยว่ากันอีกที ถามดูว่าพวกเขาต้องการลงโทษฉันอย่างไร ถ้าหากต้องการให้ฉันตาย ฉันจะหลบหนีไป ตามความแข็งแกร่งของศรัณย์คนนั้นมากล่าว ทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งของไชน่าทาวน์ในอเมริกา ยังขวางฉันไว้ไม่ได้”
เมื่อชาลิสาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะชมเขาว่าเก่งกาจหรือควรโทษเขาดี กล้าพูดแบบนี้ บนโลกนี้คงจะมีอยู่ไม่กี่คน
ในตอนเย็น รพีพงษ์และชาลิสากำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก รพีพงษ์ถือหนังสือกลยุทธ์เล่มนั้นแล้วอ่าน ชาลิสากระสับกระส่ายเล็กน้อย ยืนขึ้นเป็นครั้งคราว มองไปทางประตูแวบเดียว แล้วนั่งลง
ในเวลานี้โศศุจกลับมาจากข้างนอก เห็นท่าทางของชาลิสา เอ่ยปากถามว่า: “ลูกสาว แกเป็นอะไรอีก? ดูเหมือนท่าทางของแกจะกังวลมาก”
“พ่อ วันนี้……”ชาลิสากำลังจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างฉับพลัน และจากนั้น ร่างเจ็ดร่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
สีหน้าของชาลิสาเปลี่ยนไป รู้ว่าคนของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งมาแล้ว
โศศุจหันหน้ามองไปข้างนอก หลังจากเห็นร่างทั้งเจ็ดแล้ว ดวงตาก็เบิกกว้าง
ในฐานะประธานของสำนักงานใหญ่สหพันธ์สหภาพจีน เขารู้ดีว่าสมาชิกทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งของไชน่าทาวน์ในอเมริกาเป็นใคร
เขาจ้องมองคนทั้งเข็ดอย่างระมัดระวัง ยืนยันในใจหลายครั้ง จากนั้นพึมพำว่า: “สมาชิกทั้งหมดของทีมปรมาจารย์เน่ยจิ้งออกปฏิบัติการ นี่….นี่เกิดเรื่องใหญ่อะไรที่ทำให้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเหรอ?