พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่722 เชิญพระจันทร์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่722 เชิญพระจันทร์
บทที่722 เชิญพระจันทร์
หลังจากที่จรัสได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ เน้นย้ำกับรพีพงษ์อีกครั้ง: “ความแข็งแกร่งของฉัน บรรลุถึงแดนเครึ่งปรมาจารย์แล้ว ไม่ว่าเน่ยจิ้งขั้นกลางจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน นายแน่ใจว่าจะต่อสู้กับฉันเหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้าอย่างจริงจัง และกล่าวว่า: “ในอันดับคนโหดเหี้ยมนอกจากนายแล้ว ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของฉันแล้ว ที่สำคัญฉันอยากจะสัมผัสดูว่าตกลงว่าแดนเครึ่งปรมาจารย์มีพลังแบบไหน ส่วนฉันจะสู้นายได้หรือไม่ได้ นายก็ไม่ต้องกังวล”
จรัสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใช้เวลาอยู่นานจากนั้นก็เงยหน้าขึ้น และพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ รับปากนายก็ไม่เป็นไร ฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังสามารถต่อต้านเขาได้ บางทีในช่วงเวลาที่ฉุกเฉิน ฉันอาจสามารถขัดขวางเขาไม่ให้ฆ่านายได้ แน่นอนว่า ถ้าหากนายสามารถฆ่าเขาได้ นั่นก็จะดีมาก”
เมื่อเห็นจรัสรับปาก รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล รีบเดินไปที่ริมหน้าผาที่เคยไปเมื่อคืน ปีนขึ้นไปเอากุญแจที่วางไว้บนนั้นลงมา
หลังจากกลับมา รพีพงษ์ได้ปลดโซ่เหล็กออกจากบนตัวของจรัส
หลังจากที่ไอ้อ้วนและคนอื่นๆเห็นฉากนี้ ต่างก็หวาดกลัว อย่างที่ทุกคนรู้ จรัสที่มีโซ่เหล็กอยู่บนร่างกาย อยู่ในคุกที่ห้า แค่ได้ยินชื่อก็ทำให้คนหวาดกลัวอยู่แล้ว ตอนนี้รพีพงษ์ได้ปลดโซ่เหล็กบนตัวเขาออก นี่เท่ากับว่าเป็นการปลดปล่อยสัตว์ที่ดุร้ายออกมา
“อย่าได้กังวลไป ฉันแค่ประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกันกับเขาเท่านั้นเอง”รพีพงษ์ยิ้มและพูดกับไออ้วนพวกเขา
ทุกคนไม่เห็นด้วยกับคำว่า“ประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน”ของรพีพงษ์เลย การประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกันในระดับแบบนี้ มีผลกระทบอยู่บ้าง มันสามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้
ที่สำคัญมีคนไม่น้อยคิดว่ารพีพงษ์ไม่สามารถเอาชนะจรัสที่ปลดโซ่เหล็กออกได้ ต่างก็มีความคิดที่จะเก็บข้าวของและเตรียมตัวจากไปได้ทุกเมื่อ
อาคารใหญ่คุก ในห้องตรวจตรา
“รพีพงษ์ปลดโซ่เหล็กบนร่างกายของจรัสออก เขาต้องการจะทำอะไร?”
“ดูท่าทาง ทั้งสองคนต้องการจะต่อสู้กัน”
“รพีพงษ์บ้าไปแล้วหรือเปล่า ตามคำบอกเล่าของผู้คุมความแข็งแกร่งของจรัสบรรลุถึงแดนเครึ่งปรมาจารย์แล้ว นั่นคือเหลือเพียงอีกครึ่งก้าวเท่านั้น ก็จะสามารถเข้าสู่ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะเอาชนะยอดฝีมือทุกคนของอันดับคนโหดเหี้ยมได้ แต่ว่ากับแดนเครึ่งปรมาจารย์ น่าจะสู้ไม่ได้”
“รีบไปบอกเรื่องนี้กับผู้คุม การประชุมครั้งก่อน ผู้คุมแสดงความสนใจอยากจะส่งเสริมรพีพงษ์ ถ้าหากว่าเขาถูกจรัสฆ่าตาย ปัญหาก็จะใหญ่ขึ้นมาก”
……
เขาอารี บนพื้นที่ว่างเปล่า
รพีพงษ์และจรัสทั้งสองคนยืนอยู่ตรงข้ามกัน ในเวลานี้จรัสได้ถอดโซ่เหล็กที่เป็นภาระหนักออกแล้ว แม้ว่าคนทั้งคนจะดูเลอะเทอะมอมแมม แต่กลับรู้สึกถึงความมีรัศมีที่อมตะ
ไออ้วนและคนอื่นๆยืนห่างออกไปหลายสิบเมตร เพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบหากเข้าใกล้มากเกินไป
“นายแน่ใจว่าจะต่อสู้กับตัวฉันอีกคนเหรอ?”จรัสเอามือไพล่ไว้ที่หลัง จ้องมองไปที่รพีพงษ์อย่างหนักแน่นจริงจัง
“แน่ใจ รบกวนเรียกเขาออกมาทีเถอะ ต่อสู้กับเขา ฉันสามารถใช้พลังที่มีทั้งหมด ถ้ากับนาย ฉันอาจจะออมมือ แบบนี้ก็ไม่มีความหมาย”รพีพงษ์ตอบกลับ
จรัสพยักหน้า ไม่ได้พูดจาไร้สาระต่อไป ยังคงยืมอยู่ที่เดิม ผ่านไปไม่กี่วินาที นิสัยใจคอของคนทั้งคนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
เสียงหัวเราะระเบิดดังขึ้น และรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ“จรัส” ในแววตาระเบิดความชั่วร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมา
ไออ้วนพวกเขาที่อยู่ห่างออกไปต่างก็ตกใจกับเสียงหัวเราะ จรัสที่สุภาพเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ก็กลายเป็นคนบ้าไปในพริบตาเดียว แน่นอนว่าทำให้คนคาดการณ์ไม่ได้
“ตอนแรกนายหนีไปได้แล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะไขเหล็กปลดล็อกออก เด็กน้อย หรือว่านายไม่รู้ว่าความตายสองคำนี้มันเขียนอย่างไร?”“จรัส”พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม
รพีพงษ์เบะปาก แล้วพูดว่า: “บางทีนายควรคิดว่าวันนี้จะตายอยู่ในเงื้อมมือของฉันหรือเปล่า”
“จรัส”ยิ้มเยาะเย้ย และพูดว่า: “ฝันไปเถอะ! นายเป็นคนรนหาที่ตายเอง งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจล่ะ!”
ทันทีที่เสียงนั้นลดลง “จรัส”พุ่งเข้าหารพีพงษ์อย่างรวดเร็ว ด้วยระดับความเร็วที่รวดเร็ว เหลือเงาทิ้งไว้ที่ด้านหลังเขา ทำให้ไออ้วนพวกเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปมองดูจนตาลาย
รพีพงษ์รู้สึกถึงการกดขี่จากบนตัวของ“จรัส”ในทันที แม้ว่าประสิทธิภาพการต่อสู้ตอนนี้ของเขาจะไม่ธรรมดา แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งก็คือเน่ยจิ้งขั้นกลาง “จรัส”ผู้ที่อยู่ในแดนเครึ่งปรมาจารย์ข่มเขาไว้ได้อย่างราบคาบในด้านของพลังอานุภาพ
“จรัส”ชกหมัดไปที่บนตัวรพีพงษ์ รพีพงษ์ไม่ได้หลบ แต่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับเขา สองหมัดปะทะเข้าหากัน ร่างของรพีพงษ์ถอยไปด้านหลังทันที ถอยห่างออกไปเกือบสิบเมตร พลังหมัดของ“จรัส”ถึงได้หมดฤทธิ์ลงมา
“ความอดทนเพียงแค่นี้ ก็อยากจะมาประลองฝีมือแลกประสบการณ์กันและกันกับฉัน นายควรจะฝึกต่อไปอีกสักไม่กี่ปี น่าเสียดาย นายไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”“จรัส”พูดเยาะเย้ย
รพีพงษ์ส่งเสียงเย็นชา หมัดเมื่อกี้นี้เพื่อที่เขาจะสัมผัสถึงพลังของแดนเครึ่งปรมาจารย์ เลยไม่ได้ใช้พลังวิเศษเสน อาศัยเน่ยจิ้งเพียงอย่างเดียวในการรับมือ
พลังของแดนเครึ่งปรมาจารย์เหนือจินตนาการของเขาอย่างแท้จริง แต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ต่อจากนี้ไป รพีพงษ์ก็จะทำให้“จรัส”สัมผัสถึงพลังของพลังวิเศษเสน
เขาใช้แรงที่ใต้เท้า บนพื้นมีหลุมลึกจากการถูกเหยียบย่ำ ต่อจากนั้นก็ระเบิดพุ่งไปทาง“จรัส” “จรัส”หรี่ตาลง รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของรพีพงษ์ ในแววตาปรากฏความตื่นเต้นออกมา
“น่าสนใจดี ไม่แปลกใจเลยที่กล้ามาหาฉันเพื่อประลองฝีมือแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน ดูเหมือนว่าจะมีตัวช่วย”
“จรัส”ยิ้มเล็กน้อย ยังคงไม่เอารพีพงษ์ไว้ในสายตา ครั้งนี้รพีพงษ์หลอมรวมเน่ยจิ้งกับพลังวิเศษเสนเข้าด้วยกัน ชกจรัสไปด้วยหมัดหนักๆหนึ่งหมัด หลังจากที่จรัสรับมือไว้ได้ ร่างกายก็ถอยหลังไปครึ่งก้าว ขมวดคิ้วทันที แล้วพูดว่า: “ทำไมพลังของนายถึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อกี้นี้มากเลยล่ะ?”
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เอาชนะฉันได้ ก็จะบอกนายเอง”
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด และบนพื้นบริเวณที่ต่อสู้ มีหลุมลึกอีกปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ และรอยแตกบนพื้นก็กระจายออกไปทั่วเหมือนใยแมงมุม
หลังจากต่อสู้หลายสิบกระบวนท่า รพีพงษ์หรี่ตาลง โดยไม่ลังเล พลังวิเศษเสนและเน่ยจิ้งในร่างกายสั่นสะเทือน ต่อจากนั้นก็ฟาดฝ่ามือออกไปด้วยอานุภาพที่ไม่มีใครเทียบได้
“ฝ่ามือดาวฟ้า!”
“จรัส”รู้สึกถึงพลังฝ่ามือของรพีพงษ์ สีหน้าเปลี่ยนไป รีบก็ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพื่อต้านทานอย่างรวดเร็ว
ในพริบตาเดียว จรัสก็ก้าวถอยหลังออกไป และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
“ไอ้เหี้ย ฉันถูกเด็กน้อยที่เป็นแค่เน่ยจิ้งขั้นกลางอย่างแกทำให้บาดเจ็บ แกทำให้ฉันโกรธมาก ตอนนี้จะเอาจริงกับแกแล้ว ทางที่ดีแกควรจะอธิษฐานให้มีชีวิตรอดจากการรับมือกับในหนึ่งท่วงท่านี้ของฉันให้ได้!”
“จรัส”จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างเคร่งขรึม ต่อจากนั้น กระแสลมรอบตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือน ต้นไม้รอบๆเริ่มส่งเสียงกรอบแกรบ และสีของท้องฟ้าดูเหมือนจะสลัวลงเล็กน้อยเนื่องจากเหตุนี้
เมื่อรพีพงษ์มองไปที่ฉากนี้ ก็แอบประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าแดนครึ่งปรมาจารย์ จะสามารถมีอิทธิพลต่อสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ด้วยพลังของตัวของตัวเอง ฝีมือแบบนี้ เน่ยจิ้งขั้นกลางเทียบไม่ได้จริงๆ
“เด็กน้อย ถ้าแกสามารถรอดพ้นจากท่วงท่านี้ได้ งั้นชีวิตต่อจากนี้ของนาย ก็จะมีสิ่งที่พูดโอ้อวดได้!”
“จรัส”ตะโกน จากนั้นก็กระโดดขึ้น พร้อมกับหมัดที่สะสมพลัง กระแทกลงไปที่บนตัวของรพีพงษ์ด้วยความเร็วที่สายไม่สามารถประมาณได้
“ค้อนกระแทกฟ้า!”
รพีพงษ์ไม่กล้าที่จะชักช้าแม้แต่น้อย ในเวลานี้ ท่วงท่าธรรมดาไม่สามารถต้านทานการโจมตีของ“จรัส”ได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด หลอมรวมพลังวิเศษเสนและเน่ยจิ้งทั้งหมดในร่างกายเข้าไปไว้ที่กลางฝ่ามือ
หลังจากนั้นก็กำหมัดแน่นเพื่อเพิ่มอานุภาพพลัง ก่อนที่“จรัส”จะกระแทกมาบนร่างกายตัวเอง ฟาดฝ่ามือขึ้นไปในกลางอากาศ
ฝ่ามือนี้ไม่ใช่ฝ่ามือดาวฟ้า แต่เป็นท่วงท่าที่สองของในกลยุทธ์สามท่านั้น
“เชิญพระจันทร์!”