พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน
บทที่731 ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน
อเมริกา เขตฮองเฮา ณ ผับที่กิจการดีมากแห่งหนึ่ง
รพีพงษ์และชาลิสาทั้งสองเดินเข้ามา วันนี้ชาลิสาสวมกระโปรงสั้น เซ็กซี่เย้ายวน ช่วงสี่เดือนที่รพีพงษ์ยังไม่ปรากฏตัวนั้น เธอสวมกางเกงหนังและแจ็คเก็ตตลอด
ตอนแรกที่รพีพงษ์บอกชาลิสาว่าตนคือผู้ควบคุมของลอบสังหาร ชาลิสาไม่เชื่อ คิดว่ารพีพงษ์กำลังล้อเล่นอยู่
รพีพงษ์เล่าเรื่องของจรัสในคุกที่ห้าให้ชาลิสาฟัง และเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญขนาดนี้
หากตระกูลใหญ่ทั้งสี่หาคนอื่นที่จะมาต่อกรกับคนของเทือกเขากิสนา งั้นรพีพงษ์ก็ต้อง ลำบากสักหน่อย แต่พวกเขาดันหาลองสังหาร เรื่องนั้นก็ง่ายขึ้นอย่างมาก
รพีพงษ์เพียงแค่หาหัวหน้าคนปัจจุบันของลอบสังหาร เอาป้ายที่จรัสได้ให้เขาไว้ให้คนนั้นดู จากนั้นก็สั่งเขาเรื่องตระกูลใหญ่ทั้งสี่ ก็เป็นอันว่าจบเรื่อง
วันนี้ที่พวกเขามาผับนี้ เพื่อหาหัวหน้าคนปัจจุบันของลอบสังหาร
ในตอนที่อยู่คุกที่ห้า จรัสเอาเบอร์ติดต่อคนของลอบสังหารให้รพีพงษ์ รพีพงษ์ใช้วิธีนั้นติดต่อหัวหน้าของลอบสังหาร พวกเขานัดเจอกันที่ผับในคืนนี้
เพราะร่างกายและลักษณะของชาลิสาดึงดูดคน เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในผับ ก็ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมาก
หนุ่มอเมริกาจำนวนไม่น้อยผิวปากให้ชาลิสา โดยไม่สนใจรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆชาลิสาเลย
“รำคาญชิบหาย ไอ้งั่ง ถ้าไม่ได้มีปรมาจารย์เน่ยจิ้งนัดไว้ ฉันจะต้องเดินไปตบพวกมันแล้วแน่ๆ ให้พวกมันได้รู้ถึงความร้ายกาจของฉัน” ชาลิสาหน้าบูดบึ้ง
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ถ้าผมจำไม่ผิดล่ะก็ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ดูแลนั้นก็คือการกระทำทุกอย่างของยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่อยู่ในถิ่นของคนจีนป่ะ?”
“ใช่ไง ทำไมจู่ๆถามแบบนี้?” ชาลิสาถามอย่างสงสัย
“นี่คือเขตฮองเฮา น่าจะไม่ได้เป็นจุดที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้งรับผิดชอบนะ?” รพีพงษ์พูดต่อ
ชาลิสาชะงัก เข้าใจว่ารพีพงษ์ต้องการสื่ออะไร จึงรู้สึกว่าตัวเองทั้งสวยและเก่งมากขึ้นกว่าเดิมอีก
“ใช่ นี่คือเขตฮองเฮา ปรมาจารย์เน่ยจิ้งยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แม้ฉันจะฆ่าคนที่นี่ ปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็จะไม่ไตร่ถามอะไรสักคำ สิ่งที่พวกเขาดูแล มีเพียงไชน่าทาวน์เท่านั้น” ชาลิสากล่าว
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า เห็นด้วยกับชาลิสา
ความจริงเรื่องนี้ เขาได้เข้าใจมันตอนที่อยู่ในคุกที่ห้านั้น หน้าที่ของปรมาจารย์เน่ยจิ้ง คือขัดขวางยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่ทำลายความเจริญก้าวหน้าทางโลก และในทางโลกนี้ ก็คือไชน่าทาวน์ของคนจีนและแต่ละพื้นที่บนโลกนี้
ประเทศอื่นจะเป็นอย่างไร ปรมาจารย์เน่ยจิ้งไม่มีทางเข้าไปเป็นเดือดเป็นร้อน และพวกเขายังยินยอมให้ยอดฝีมือเน่ยจิ้งในพื้นที่อื่นทำอะไรก็ได้ เพราะการทำแบบนี้มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ เพียงแค่ไม่ทำร้ายคนชาติเดียวกันก็พอแล้ว
และเมื่ออยู่ในคุกที่ห้านานแล้ว รพีพงษ์ค่อยๆเข้าใจ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง สามารถดูแลได้ ความจริงไม่ได้มากมายอย่างที่คิดไว้ เช่นถ้ารพีพงษ์ฆ่าคนทั่วไป เพียงแค่ปิดบังสักหน่อย และไม่เหมือนตอนที่ฆ่าตระกูลนิธิวรสกุลฆ่าหลายคนในครั้งเดียว ยังไงปรมาจารย์เน่ยจิ้งก็หาไม่เจอ
บนโลกนี้ยอดฝีมือเน่ยจิ้งที่หลงไหลในความมั่งคั่งก็ยังมีอยู่ ไม่แน่ในตระกูลช้นนำของโลก ก็มียอดฝีมือเน่ยจิ้งซ่อนอยู่ก็เป็นได้ เพียงแค่พวกเขาไม่รู้เท่านั้น
ในประเทศเหมือนตระกูลวิรุฬห์ธนกิจของอำเภอคีงเมนก็มีจำนวนไม่น้อย หลายครั้งที่ผู้คนไม่ได้เห็นจุดๆนั้น จึงมองข้ามมันไป
ประเด็นคือ ตอนนี้รพีพงษ์เริ่มเข้าใจ สิ่งที่ปรมาจารย์เน่ยจิ้งดูแลอยู่นั้น ก็คือคนที่อยู่ต่ำกว่าเน่ยจิ้งขั้นกลาง เมื่อไปถึงจุดปรมาจารย์ หรือปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ก็จะไม่มีข้อผูกมัดใดๆแล้ว
ข้อหนึ่งเป็นเพราะฝีมือของปรมาจารย์เก่งกาจ อีกข้อคือในกลุ่มปรมาจารย์เน่ยจิ้งมีปรมาจารย์ไม่กี่คน อยากดูแลก็ดูแลไม่ได้
ดังนั้นด้วยความสามารถในตอนนี้ของรพีพงษ์ ฆ่าคนของตระกูลนิธิวรสกุลอีกครั้ง ปรมาจารย์เน่ยจิ้งอาจเตือนรพีพงษ์ แต่ถ้าจะขังรพีพงษ์ไว้ในคุกที่ห้า เป็นไปไม่ได้แน่นอน
แม้ปรมาจารย์เน่ยจิ้งจะจัดปรมาจารย์ยอดฝีมือมา จะชนะรพีพงษ์ได้ไหมเป็นอีกเรื่อง และจะจำเขาได้ไหมนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง
ด้วยเหตุนี้เอง รพีพงษ์จึงรับรู้ถึง ว่าในโลกนี้ มีเพียงพลังที่แน่นอนเท่านั้น ที่จะติดตามเป้าหมายตลอดไป เมื่อมีพลังแน่นอน ทุกสิ่ง ก็จะได้มาอย่างง่ายดาย
“เหอะ เดี๋ยวถ้ามีคนผิวปากเรียกฉันอีกนะ ฉันจะถีบพวกเขา ดูสิว่าพวกมันยังจะมีความอยากอีกไหม” ชาลิสากล่าว
ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าเคาท์เตอร์ รพีพงษ์สั่งเหล้าสองแก้ว ยื่นให้ชาลิสา จากนั้นก็ยื่นมือเคาะเคาน์เตอร์ตามจังหวะเพลง
หลังจากที่บาร์เทนเดอร์เห็นแล้วนั้น ก็เหลือบไปมองรพีพงษ์ ไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปด้านใน
ในขณะที่ทั้งสองกำลังรออยู่นั้น มีชายที่เจาะหูเจาะจมูกเจาะปากหลายคนเดินมายังพวกเขา
คนเหล่านี้ล้วนมองชาลิสาอย่างลามก ล้อมรอบเธอเอาไว้
“สาวน้อย สวมชุดเซ็กซี่นะ กระโปรงสั้นขนาดนี้ เพื่อให้ฉันสะดวกในการทำเธอจากข้างหลังใช่ไหม? ไง มาร่วมกันหน่อยไหม รับรองสบายหลุดโลก” ชายหัวหน้ายิ้มอย่างลามกแล้วกล่าว
ชาลิสาคลื่นไส้ ที่อเมริกา พวกต่ำๆแบบนี้มีอยู่ทั่วไป ถ้าผู้หญิงเดินคนเดียวตอนกลางคืนล่ะก็ อาจจะเจอกับอันตรายได้
“ฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังไม่โมโห แล้วไสหัวไปจะดีกว่านะ!” ชาลิสาตะคอกไปที่พวกเขา
“ไม่คาดคิดว่าอารมณ์ของสาวน้อยจะรุนแรงขนาดนี้ ฉันชอบ คืนนี้ ฉันจะทำให้เธอขึ้นสวรรค์” หัวหน้าคนนั้นเหมือนไม่ได้ใส่ใจคำพูดของชาลิสาแต่อย่างใด คนที่อยู่หลังเขาก็พากันหัวเราะเสียงดัง
รพีพงษ์เห็นดังนี้ อยากจัดการปัญหาให้กับชาลิสา จึงได้พูดกับคนพวกนั้นว่า “เธอให้พวกแกใส่หัวไป พวกแกไม่ได้ยินหรอไง?”
หลายคนมองรพีพงษ์หัวจรดเท้า ด้วยสายตาไม่พอใจ หัวหน้าคนนั้นด่าออกมาโดยตรงว่า “ไอ้ลิงเหลืองโสโครก คนที่ควรจะไสหัวไปอะคือแก อย่ารบกวนการจีบสาวของฉัน รีบไสหัวไปซะ!”
รพีพงษ์ไม่พูดมาก เตรียมจะลงมือ ในขณะเดียวกันนี้ ชาลิสาขวางรพีพงษ์ไว้ ยิ้มพลางกล่าวว่า “สวะแบบนี้ ฉันจัดการเอง ฉันอยากจัดการมันมานานแล้ว ให้พวกมันเป็นกระสอบทรายให้ฉันละกัน”
รพีพงษ์เห็นชาลิสาพูดแบบนี้ ก็พยักหน้า
ชาลิสาจ้องไปที่คนเหล่านั้น แล้วเหยียดไม้เหยียดมือ
หัวหน้านั้นเห็นเหตุการณ์ ก็แลบลิ้น กล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะเปรี้ยวได้ขนาดนี้ ยังจะลงมือกับฉันอีก อิอิ ฉันขอลิ้มลองเธอหน่อยล่ะกัน……”
เขายังพูดไม่ทันจบ ชาลิสาได้ตบมาแล้ว
แม้จะมีฝีมือแค่เน่ยจิ้ง แต่พลังระเบิดออกมาของชาลิสา ไม่ใช่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาจะรับได้
ร่างของหัวหน้านั้นหมุนเป็นสามร้อยหกสิบองศา จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น
“วันนี้จะให้พวกแกได้ลิ้มลองความร้ายกาจของฉัน!