พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์
บทที่735 เธอมันอัปลักษณ์
หลังจากที่คทาวุธทั้งสี่ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์แล้วนั้น ก็สีหน้าบูดบึ้ง ในสายตาพวกเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่คนไม่มีชื่อเสียง ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อกรกับพวกเขาทั้งสี่
ตอนนี้รพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็มีแต่รนหาที่ตาย
“เหอะเหอะ คนที่กล้าว่าสี่ตระกูลใหญ่ของเรา ก็มีแกนี่แหละคนแรก ไม่รู้ว่าแกมีแบล็คที่น่าเกรงขามขนาดไหน ถึงได้มองข้ามสี่ตระกูลใหญ่ของเราได้?” คทาวุธจ้องไปที่รพีพงษ์แล้วถาม
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “แกยังไม่คู่ควรที่จะรู้”
คทาวุธเห็นรพีพงษ์ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี จึงเกิดโมโหขึ้นมา แวบเดียวก็กำมือเอาไว้แน่น
“วุธ ไอ้นี่มันแต่งตัวธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่มีแบล็คอะไร ฉันว่ามันก็แค่ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าอีแรดนี่ก็แค่นั้น ตั้งใจแสดงออกมา พวกเราอย่าเสียเวลากับมันเลย” กันติศากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ใช่ กันพูดถูก ถ้ามันมีแบล็คจริง พวกเราจะไม่รู้จักหรอ รีบจัดการมัน กระทบการดื่มกาแฟของเรา”จักรชัยและชลธรทั้งสองพูดตาม
คทาวุธพยักหน้า หันไปหารปภ. กล่าว “สั่งสอนมันให้เป็นบทเรียน คนแบบนี้ ไม่โดนตีไม่ดีขึ้นหรอก”
ชาลิสาอยากที่จะจัดการคนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ แต่เมื่อนึกถึงที่รพีพงษ์บอกเธอครั้งที่แล้ว เธอจึงได้อดกลั้นไว้ จากนั้นก็มองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “คุณเป็นผู้ชาย คุณจัดการ เดี๋ยวจะหาว่าฉันบ้าพลังอีก”
รพีพงษ์ยิ้ม ยืนขึ้นจากเก้าอี้ มองไปที่การ์ดพวกนั้น
การ์ดพวกนั้นล้อมรพีพงษ์ไว้ ยื่นมือจะไปจับเขา รพีพงษ์ลอยด้วยความเร็วไปยังการ์ดแต่ล่ะคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถขยับได้ชั่วขณะ
เห็นพวกการ์ดล้มลงกับพื้น คทาวุธทั้งสี่คนก็ตาโต ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะเก่งกาจขนาดนี้
“แกไอ้เลว อย่าคิดว่าฝีมือดีแล้วจะผยองต่อหน้าฉันได้นะ พลังของสี่ตระกูลของเรา ไม่ใช่ขยะอย่างแกจะต้านทานได้!” กันติศาตะคอกรพีพงษ์ ในขณะเดียวกันนี้ เธอทำได้เพียงเอ่ยชื่อสี่ตระกูลใหญ่กดดันรพีพงษ์เท่านั้น
คทาวุธกลืนน้ำลาย จ้องไปที่รพีพงษ์ “ไม่ว่าแกจะเก่งขนาดไหน ต่อหน้าสี่ตระกูลใหญ่ของเรา ก็เป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ แต่พวกเราไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับแก ตอนนี้แกขอโทษพวกเรา เรื่องนี้ก็จะผ่านไป”
รพีพงษ์เหลือบไปมองคทาวุธ จากนั้นก็ตบไปที่หน้าของเขาหนึ่งฉาด กล่าว “คนที่ควรจะขอโทษหนะ คือพวกแก คนของสี่ตระกูลใหญ่ จะยโสโอหังได้ขนาดนี้เลยหรอ?”
เห็นคทาวุธโดนตบ จักรชัยและชลธรทั้งสองอยากออกหน้าแทนเขา
รพีพงษ์ไม่ลังเล หลังจากที่ถีบคทาวุธไปแล้วนั้น ก้ตบไปที่จักรชัยและชลธรคนล่ะฉาด จากนั้นก็ตบจนพวกเขาล้มลงกับพื้น
กันติศาเห็นรพีพงษ์ไม่ให้ความสำคัญกับตัวตนสี่ตระกูลใหญ่ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ก็เริ่มผวาขึ้นมา ขณะเดียวกันนี้รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของเธอ เธอรับกล่าวว่า “แก แกคิดจะทำอะไร ฉันเป็นผู้หญิง แกจะลงมือกับผู้หญิงงั้นหรอ?”
“เหอะเหอะ เมื่อกี๊ตอนด่าคนทำไมไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงล่ะ ตอนนี้กลับพูดแบบนี้กับฉัน แกเป็นผู้หยิงแล้วยังไง มองข้ามคนอื่น ยโสโอหัง เป็นผู้หญิงก็ต้องโดน!”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ตบกันติศาหนึ่งฉาด จนตูดเธอลงไปนั่งลงกับพื้น
ตูดของกันติศาเป็นรอยแดงขึ้นมา เธอจับหน้าของตัวเองไว้ แล้วร้องออกมาทันใด
“ฝากไว้ก่อน ฉันจะฟ้องพ่อฉัน ให้พ่อของฉันมาจัดการแก แล้วยังมีอีแรดนี่อีก พวกแกทั้งสองไม่มีใครดีสักคน!”
รพีพงษ์ยิ้ม กำลังมองไปยังบนพื้นที่ทั้งสี่คนนอนกองอยู่ แล้วกล่าว “พวกแกทั้งสามคน ถ้าอยากออกไปแบบครบสามสิบสองล่ะก็ รีบขอโทษซะ แล้วด่าผู้หญิงคนนี้ว่าไอ้อัปลักษณ์ มิเช่นนั้น อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ใช้ขาหนึ่งข้างเหยียบขาของคทาวุธไว้ ออกแรงนิดหน่อย คทาวุธก็ร้องโอดครวญออกมา
เขาเข้าใจดี ถ้าเขาไม่ทำตามที่รพีพงษ์พูดล่ะก็ เกรงว่าขาข้างนั้นของเขาก็พิการแน่ในวันนี้
“ขอ……ขอโทษครับ กันติศา แก……แกมันไอ้อัปลักษณ์!” คทาวุธกัดฟันพูด
กันติศาชะงัก เธอไม่คาดคิด ว่าคทาวุธจะด่าเธอได้
รพีพงษ์พยักหน้าพอใจ จากนั้นก็เดินไปด้านหน้าของจักรชัยและชลธร ใช้วิธีเดียวกัน ให้พวกเขาขอโทษ และด่ากันติศาว่าไอ้อัปลักษณ์
กันติศาใจกำลังจะแตกสลาย สามคนที่ความสัมพันธ์ดีกับเธอที่สุด กล้าที่จะด่าเธอ ว่าไอ้อีปลักษณ์ต่อหน้าเธอ แม้จะรู้ว่าพวกเขาถูกบังคับ เธอก็ยังคงรับไม่ได้อยู่ดี
รพีพงษ์เห็นท่าทีของกันติศา รู้ว่าการลงโทษที่เธอได้รับ มันแรงกว่าคทาวุธทั้งสามคนอีก
ความเจ็บปวดทางใจ มักจะเจ็บปวดยิ่งกว่าทางกายหลายเท่าตัว
“ถึงตาแกแล้ว แกขอโทษก็พอแล้ว ถ้าแกอยากด่าตัวเองล่ะก็ ฉันก็ไม่ว่าอะไร” รพีพงษ์กล่าว
“ฝันไปเถอะ!” กันติศากล่าว
รพีพงษ์จ้องไปที่การ์ด ตรงนั้นมีกริชวางอยู่ เขาหยิบกริชนั้นมา ขู่กันติศา ว่า “ถ้าไม่ขอโทษล่ะก็ ฉันจะเอากริชนี่แหละกรีดหน้าแก พูดจริงบทำจริง”
กันติศากลัว จ้องไปที่รพีพงษ์อย่างน้อยใจ สุดท้ายก็พูดว่า “ขอ……ขอโทษ”
พูดจบก็ร้องไห้ออกมา
นี่เป็นช่วงที่เธออดกลั้นมากที่สุดในชีวิตอย่างแน่นอน
เห็นทั้งสี่ขอโทษแล้ว รพีพงษ์ก็มองไปที่ชาลิสา กล่าว “พวกเราไปกันเถอะ”
ชาลิสายืนขึ้น ยิ้มพลางเดินออกไปข้างนอกกับรพีพงษ์
หลังจากที่รพีพงษ์และชาลิสาออกไปแล้วนั้น คทาวุธทั้งสามคนก็ลุกขึ้นมาจากพื้น
พวกเขามองกันติศาด้วยความรู้สึกผิด ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจเธออย่างไรดี
“กัน พวกเราก็ถูกบังคับ ความจริงเธอไม่น่าเกลียดเลยนะ ไอ้บ้านั่นตั้งใจหาเรื่อง” สักพัก คทาวุธก็กล่าวขึ้นมา
จักรชัยและชลธรทั้งสองรีบปลอบใจตาม
กันติศาได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ร้องไห้หนักมาก
“ฉันไม่สน ฉันจะต้องฆ่าหั่นศพมันให้ได้ แล้วก็ทำลายความสวยของหญิงนั่นซะ! ฉันจะกลับไปฟ้องพ่อ ให้ท่านออกหน้าแทนฉัน” กันติศากล่าว
“กัน แกอดทนไว้จะดีกว่า คืนนี้เป็นงานเลี้ยงของสี่ตระกูลของเรา ถึงเวลานั้นความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกได้นะ พวกเราหานักฆ่าอันดับหนึ่งมาต่อกรกับคนของเทือกเขากิสนาแล้วไม่ใช่หรอ รอให้พวกมันทำสำเร็จ แล้วเราค่อยเชิญหนึ่งในนั้นมาจัดการมัน หญิงนั่น พวกเราจะไปจับมันมาเอง แกคิดว่าไง?” คทาวุธกล่าว
กันติศาดูแคลน กล่าว “แกให้นักฆ่าฆ่ามัน มันฝีมือดีแล้วไง ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะฝีมือดีกว่านักฆ่าอันดับหนึ่งของโลกที่ถูกฝึกฝนมา!