พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่750 เลี้ยงอาหาร
บทที่750 เลี้ยงอาหาร
ด้านล่างเวทีประลอง ทุกคนมองดูไออ้วนที่นั่งลงบนหน้าของปานศักดิ์ และสูดลมหายใจเย็นๆในทันที
ด้วยรูปร่างของไออ้วนแล้ว นั่งลงบนร่างกายของคน ถ้าร่างกายแย่กว่า ไม่ตายก็ต้องสูญเสียไปครึ่งชีวิต
เมื่อธยานีย์เห็นฉากนี้ แทบจะกรีดร้องออกมา เขม็งตาใส่ไออ้วนแล้วตะโกนใส่ว่า: “ไออ้วน แกรีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ แกนี่มันไอ้ไร้ยางอาย กลับใช้ท่วงท่าที่ไร้ยางแบบนี้ แกยังมีความเป็นคนอยู่อีกมั้ย!”
ไออ้วนนั่งลงบนหน้าของปานศักดิ์ หันหน้ามองไปที่ธยานีย์แวบหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้ม: “นี่เป็นการการต่อสู้แบบเสรีกลไม่ใช่เหรอ ฉันใช่ท่วงท่านี้แล้วจะทำไม? หรือว่าไม่ให้ใช้เหรอ?”
ธยานีย์โกรธจนกระทืบเท้า เหลือเพียงพุ่งขึ้นไปต่อสู้กับไออ้วน แน่นอนว่า หล่อนไม่มีความกล้านี้
หลังจากที่ปานศักดิ์ถูกไออ้วนนั่งทับอยู่บนใบหน้า ร่างกายก็พยายามดิ้นรนขัดขืนทันที เมื่อเห็นกลุ่มคนด้านล่างเวทีส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา
ประมาณครึ่งนาทีต่อมา ไออ้วนถึงได้ลุกขึ้นมาจากหัวของปานศักดิ์ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนั่งทับปานศักดิ์ให้จนถึงตาย อย่างมากก็แค่สั่งสอนให้เป็นบทเรียนกับเขา
ในตอนนี้ใบหน้าของปานศักดิ์เป็นรอยช้ำม่วงแดง เส้นเลือดที่ปูดโปน ถ้าหากเขาไม่ได้ฟิตร่างกายให้แข็งแรง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องขาดอากาศหายใจเพราะก้มที่ไออ้วนนั่งเมื่อกี้นี้
เขารีบลุกขึ้นจากพื้น และหายใจอย่างรุนแรง
เมื่อธยานีย์และผู้ชายคนอื่นๆเห็นสิ่งนี้ รีบพุ่งขึ้นไปบนเวทีประลอง
“พี่ชาย ไอ้บ้านนอกสามคนนี้รังแกคนมากเกินไปจริงๆ ฉันจะโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้ ครั้งนี้พวกเรามาร่วงงามเลี้ยงฉลองของตระกูลลัดดาวัลย์ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่มีทางที่จะไม่สนใจ ให้คนของตระกูลลัดดาวัลย์มาจัดการพวกเขา!”ธยานีย์พูดอย่างโกรธๆ
ปานศักดิ์โบกมือทันที แล้วพูดว่า: “ไม่ต้อง ฉันมีวิธีทำให้เขาเสียใจ เรื่องเล็กๆแค่นี้เอง ก็ไม่ต้องให้พ่อมายุ่ง”
หลังจากพูดแล้ว ปานศักดิ์ก็หายใจเข้าลึกๆไม่กี่ที ทำให้ตัวเองสงบลง หันหน้ามองไปทางรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคน
เขาลงมาจากบนเวทีประลอง เดินไปตรงหน้าทั้งสามคน
ไออ้วนยิ้มแล้วมองเขา เอ่ยปากถามว่า: “เป็นยังไงบ้าง ก้นของปู่อ้วนแก อร่อยมั้ย?”
การแสดงออกบนใบหน้าของปานศักดิ์เปลี่ยนไปทันที แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติ ฝืนยิ้ม และเอ่ยปากว่า: “พลังของนายแข็งแกร่งมากจริงๆ ฉันคิดเองเออเองมากเกินไปจริงๆ”
เมื่อไออ้วนเห็นปานศักดิ์ยอมรับจริง ก็เบะปากทันที รู้สึกว่าไม่มีความหมายอะไรเลย
ปานศักดิ์มองไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า: “ถ้าหากเดาไม่ผิด นายน่าจะเป็นลูกพี่ของพวกเขาสองคน วันนี้มีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นมากมาย ถึงได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ตอนนี้กับพวกเรา เมื่อกี้นี้ฉันก็คิดทบทวนดูแล้ว เรื่องวันนี้เป็นเพราะน้องสาวของฉันไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ เลยกลายเป็นว่าอยากพูดอะไรก็พูด เพื่อแสดงถึงคำขอโทษสำหรับเรื่องนี้ ทั้งสามคนโปรดให้เกียรติด้วย วันนี้ฉันเป็นเจ้ามื้อเอง เชิญทั้งสามคนไปดื่มด้วยกันดีๆสักครั้ง ถือเป็นการแสดงความขอโทษของพวกเรา ว่ายังไงล่ะ?”
“พี่ชาย พี่ทำอะไร ทำไมพวกเขาต้องเชิญพวกบ้านนอกสามคนนี้ไปดื่มด้วย เรายังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกเขา พวกเขาคู่ควรที่จะให้เราเลี้ยงอาหารด้วยเหรอ!”ธยานีย์ตะโกนด้วยความไม่พอใจ
ปานศักดิ์มองไปที่ธยานีย์ ส่งสายตาให้หล่อน จากนั้นเอ่ยปากว่า: “น้องสาว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอ เธอยังจะถกเถียงไร้เหตุผลอยู่ที่นี่อีก พวกเราขอโทษคนอื่นเขาก็เป็นเรื่องที่สมควร เรื่องนี้เธอไม่ต้องยุ่ง”
เมื่อธยานีย์เห็นแววตาของปานศักดิ์ เข้าใจทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร รีบปิดปากลง
ตอนแรกไออ้วนอยากจะปฏิเสธพวกเขาไปตรงๆ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของธยานีย์ ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา คิดในใจว่าแกไม่อยากจะเลี้ยงอาหาร วันนี้ก็จะให้แกนั่นแหละเลี้ยง ดูสิว่าแกจะทำยังไงได้
“ได้ ในเมื่อพวกนายอยากจะเลี้ยงอาหาร งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจล่ะ แต่บอกไว้ก่อนเลย สถานที่ที่เกรดต่ำเกินไป พวกเราไม่ไป”ไออ้วนเอ่ยปาก ในเมื่อสามารถดื่มฟรีได้ งั้นก็จะจัดหนักให้พวกแกมื้อหนึ่งเลย
ดำเกิงก็ตามน้ำไปด้วย คนอื่นเลี้ยงอาหาร เขาไม่มีความคิดเห็นอย่างอื่นอยู่แล้ว
รพีพงษ์คิดว่าวันนี้ก็ไม่มีธุระอะไร ในเมื่อไออ้วนและดำเกิงทั้งสองคนอยากไป งั้นก็ฟังพวกเขา ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร
“โอเค ในเมื่อแบบนี้ งั้นพวกเราก็ตามนี้นะ ฉันรู้ว่าแถวนี้มีบาร์ที่หรูหราแห่งหนึ่งชื่อว่าอารีบาร์ วันนี้พวกเราไปที่นั่นกันดีกว่า”ปานศักดิ์เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม
“งั้นจะพูดจาไร้สาระอะไรอีก รีบไปกันเถอะ”ไออ้วนหันหลังเดินออกไปด้านนอก
ดำเกิงและรพีพงษ์ก็เดินตามออกไป
ปานศักดิ์มองดูทั้งสามคนเดินออกไปด้านนอก บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยม
“อย่าคิดว่าฉันสู้พวกแกไม่ได้ ก็ไม่มีวิธีจัดการพวกแก ไอ้บ้านนอกสามคน ข้าวของในร่างกายทั้งหมดรวมกันแล้ว ก็ไม่น่าจะเกินสองร้อย สภาพอย่างพวกแกยังอยากจะไปบาร์หรูหราอีก รอดูเถอะเดี๋ยวฉันจะสั่งสอนพวกแกอย่างไร!”
ปานศักดิ์พึมพำ จากนั้นก็เดินตามออกไปด้านนอก
หน้าทางเข้าอารีบาร์
รพีพงษ์จ้องมองไปที่ป้ายบาร์ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
ที่มุมล่างขวาของป้ายบาร์ มีโลโก้ขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของตระกูลลัดดาวัลย์ นั่นหมายความว่า อารีบาร์แห่งนี้ เปิดโดยตระกูลลัดดาวัลย์
ในเวลานี้รพีพงษ์ยังจำได้อย่างคลุมเครือว่า หลังจากที่ตัวเองเข้ายึดครองตระกูลลัดดาวัลย์ เพื่อที่จะเอาใจอารียา จึงจัดให้ท่านคทาเปิดกิจการต่างๆโดยมีคำว่า“อารี”อยู่ในชื่อ ตอนนี้ดูเหมือนว่า อารีบาร์ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“ลูกพี่ ดูอะไรนะ?”ไออ้วนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากถาม
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ”
หลายคนเดินเข้าไปด้านใน ปานศักดิ์เดินตามอยู่ด้านหลัง หลังจากที่เห็นพนักงาน เอ่ยปากทันทีว่า: “จัดห้องกระจกใสมาให้เราหนึ่งห้อง เอาห้องที่หรูที่สุด”
หลังจากที่พนักงานได้ยิน นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เอ่ยปากถาม: “คุณผู้ชาย คุณแน่ใจว่าจะเอาห้องกระจกใส ที่หรูที่สุดเหรอ? เฉพาะค่าห้อง ก็แปดหมื่นแปดพันต่อหนึ่งชั่วโมงแล้ว”
ไออ้วนและดำเกิงทั้งสองได้ยินราคาที่พนักงานพูดออกมา ดวงตาก็เบิกกว้าง
“พ่อพระเจ้าช่วยกล้วยทอด หนึ่งชั่วโมงก็แปดหมื่นแปด นี่เป็นเพียงค่าห้อง ยังไม่รวมเหล้า นี่มันปล้นเงินกันชัดๆ”ดำเกิงซึ่งไม่เคยสัมผัสกับความฟุ่มเฟือยของคนรวยก็เลยทอดถอนหายใจ
ปานศักดิ์เห็นท่าทางของเขา บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มที่ได้ใจ พูดกับพนักงานว่า: “ใช่แล้ว เอาห้องที่หรูที่สุด”
ตอนแรกไออ้วนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคิดว่าวันนี้ปานศักดิ์เป็นคนเลี้ยง เดิมทีเขาก็อยากจะจัดมื้อให้ไอ้หมอนี้อย่างหนักอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร
ปานศักดิ์มองไปที่ไออ้วนและดำเกิงทั้งสองคนที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน เบะปากทันที พึมพำเบาๆกว่า: “ที่แท้ก็คนบ้านนอกจากชนบท ห้องแปดหมื่นแปดพันยังสามารถประหลาดใจได้เช่นนี้ เดี๋ยวถ้าเห็นราคาเหล้าว่า โรคหัวใจคงจะกำเริบออกมา”
พนักงานไม่ลังเลอีกต่อไป และรีบนำกลุ่มคนไปที่ห้องกระจกใส