พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
บทที่753 ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
เมื่อได้ยินคำพูดของผนึกสิน นัยน์ตาคมของรพีพงษ์แน่วแน่ เอ่ยปากถาม: “หายนะอะไร?”
“ปรมาจารย์จิรภาสที่ตายในเงื้อมมือของนาย เป็นคนของตระกูลภูธนที่เป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดในแถบเมืองชลาลัย เขามีพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อว่าปภาวิชญ์ เป็นนายใหญ่ของตระกูลภูธร คนคนนี้อยู่ในแวดวงศิลปะการต่อสู้ ชื่อเสียงนั้นดีกว่าชินาธิป ที่สำคัญความแข็งแกร่งเทียบกับชินาธิปแล้ว ก็ชนะขาดลอย”
“พวกเราได้รับข่าวคราวมาแล้วว่า คืนนี้ปภาวิชญ์จะมาหานายเพื่อแก้แค้น แม้ว่านายจะมีความสามารถมาก ชินาธิปก็ตายในเงื้อมมือของนาย แต่เท่าที่ฉันรู้ นายฆ่าชินาธิปในครั้งนั้น ตัวของนายเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ดังนั้นการเผชิญหน้ากับปภาวิชญ์ที่มีแข็งแกร่งมากกว่า มีความเป็นไปได้สูงว่านายจะรับมือไม่ไหว”
“เกิดนายตายด้วยเงื้อมมือของปภาวิชญ์ ตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกนายจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน ภรรยาและลูกสาวของนายจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน นายเองก็รู้ดีที่สุด”
“และตราบใดที่นายเข้าร่วมกลุ่มสิ่งโตของฉัน ฉันจะเป็นคนรับมือกับปภาวิชญ์เอง ตระกูลภูธนจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับกลุ่มสิงโต”
หลังจากที่ผนึกสินพูดจบ รอยยิ้มที่คาดหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในความคิดของเขา หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดแล้ว จะต้องเลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มสิงโตอย่างแน่นอน
รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด เมื่อกี้นี้ได้ยินผนึกสินบอกว่าตระกูลลัดดาวัลย์จะมีหายนะ เขายังคงรู้สึกกังวลอยู่ในใจคิดว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเพ่งเล็งตระกูลลัดดาวัลย์ แต่หลังจากที่ฟังผนึกสินพูดจนจบ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าหากมีเพียงตระกูลภูธนมาหาเรื่อง งั้นก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
หลังจากที่ต่อสู้กับชินาธิป รพีพงษ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็จริง แต่ว่าตอนนั้นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของเขายังเป็นเน่ยจิ้งชั้นต้นอยู่ แต่ตอนนี้รพีพงษ์บรรลุถึงเน่ยจิ้งขั้นกลางแล้ว และมีความมั่นคงมานาน ถ้าชินาธิปมาอีกครั้ง เขาสามารถกดชินาธิปลงกับพื้นแล้วขัดถูก
เป็นเพียงว่านายใหญ่ของตระกูลภูธนที่แข็งแกร่งกว่าชินาธิปไปบ้าง รพีพงษ์ไม่ได้เอามาใส่ใจอยู่แล้ว
“ขอบคุณคุณที่บอกข่าวนี้กับฉัน วันนี้พวกคุณสามารถทานอาหารในงานเลี้ยงได้ตามสบาย ถือสักว่าเป็นการต้อนรับพวกคุณ”รพีพงษ์เอ่ยปาก
เมื่อผนึกสินได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข คิดในใจว่าเด็กคนนี้ก็ค่อนข้างรู้ประสีประสาดี รู้ว่าตัวเองสู้ปภาวิชญ์ไม่ได้ ดังนั้นจึงยินยอมเข้าร่วมกลุ่มสิงโต
“สำหรับเรื่องที่เข้าร่วมกลุ่มสิงโตของพวกคุณ ก็ช่างมันเถอะ มันไม่จำเป็น”รพีพงษ์พูดต่อ
ผนึกสินตกตะลึงในทันที เขาคาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะปฏิเสธคำเชิญชวนของเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“นายต้องคิดให้ดีๆ ไม่เข้าร่วมกลุ่มสิงโตของฉัน ฉันไม่มีทางออกมือช่วยนายจัดการปภาวิชญ์”ผนึกสินเอ่ยปาก
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกคุณสองคนตามสบาย ฉันจะไปรับแขกก่อน”
พูดเสร็จ รพีพงษ์ก็หันหลังเดินไปที่ลานบ้านอีกด้าน
ผนึกสินจ้องมองไปที่ด้านหลังของรพีพงษ์อย่างตะลึง พึมพำว่า: “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ? เด็กคนนี้ หยิ่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
ครองสุขก็มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ เอ่ยปากว่า: “เขาเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น หยิ่งผยองไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ เดี๋ยวคืนนี้นายใหญ่ของตระกูลภูธนมาหาเรื่องเขา เขาก็จะรู้ถึงความแข็งแกร่งของนายใหญ่ของตระกูลภูธนเอง ถึงเวลาเขาอยากเข้าร่วมกลุ่มสิงโตของเราก็ไม่ได้แล้ว”
ผนึกสินพยักหน้า รู้สึกว่าที่ครองสุขพูดมามีเหตุผล แล้วพูดว่า: “ไปกันเถอะ ในเมื่อคนอื่นเขาไม่รังเกียจที่พวกเราจะกินของฟรี อย่างนั้นเราก็ไปดูกันเถอะว่าที่เขามีอะไรอร่อยบ้าง”
……
รพีพงษ์เพิ่งเดินเข้ามาในลานบ้านอีกด้านลานหนึ่ง ชายวัยกลางคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มถือของขวัญเข้ามาทักทายพร้อมกับคนไม่กี่คน
“นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รู้เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์โปรดอย่าได้รังเกียจ”ชายวัยกลางเอ่ยปาก
รพีพงษ์จ้องมองเขาแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยปากถาม: “คุณคือ?”
“ประภูจากตระกูลนบวรที่อยู่เมืองดวงแก้ว ครั้งนี้มาที่นี่เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองของลูกสาวของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นพิเศษ”ชายวัยกลางเอ่ยปาก
รพีพงษ์พยักหน้า คาดไม่ถึงว่านี่คนคนนี้ก็คือนายใหญ่ของตระกูลนบวรในเมืองดวงแก้ว
“ท่านประภู ใช่ที่มีลูกชายชื่อว่าปานศักดิ์คนหนึ่ง และลูกสาวที่ชื่อว่าธยานีย์หนึ่งคนหรือเปล่า?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“ใช่ๆ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์รู้เรื่องของลูกชายและลูกสาวของผมด้วย หรือว่ารู้จักกับพวกเขาสองคน ผมจะให้คนไปเรียกพวกเขาสองคนมาเดี๋ยวนี้”ประภูพูดด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ต้อง ฉันเพียงแค่ได้ยินเรื่องนี้มาโดยบังเอิญเท่านั้นเอง จึงถือโอกาสถาม”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ประภูแสดงความผิดหวังบนใบหน้าออกมาทันที แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ยิ้มเจื่อนๆให้กับรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจนายใหญ่คนนี้ของตระกูลนบวรมากนัก พูดด้วยไม่กี่คำก็เดินไปที่ห้องโถงอีกด้าน
ประภูมองดูรพีพงษ์ที่จากไป ก็ทอดถอนใจ: “อายุยังน้อยมาถึงตำแหน่งแบบนี้ได้ น่าอิจฉาจริงๆ มางานเลี้ยงฉลองของตระกูลลัดดาวัลย์ครั้งนี้ แค่ตระกูลระดับโลกก็มาไม่น้อยแล้ว ตระกูลนบวรของเราอยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่มีความสำคัญอะไร”
“ในเมื่อนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์รู้เรื่องของลูกชายและลูกสาวของฉัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้พวกเขาทั้งสองคนมาสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลลัดดาวัลย์ นี่เป็นโอกาสก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของตระกูลนบวรของฉัน”
ประภูพึมพำกับตัวเอง จากนั้นหันหลังออกจากลานบ้านนี้ไป
ในตอนเย็น คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์จุดไฟสว่างไสว
แขกจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็เข้าๆออกๆคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ดูไปแล้วครึกครื้นเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจสำหรับผู้ที่มาร่วมงานเลี้ยง ท่านคทายังได้เชิญทีมการแสดงศิลปะมืออาชีพ มาแสดงในลานบ้านหลักของตระกูลลัดดาวัลย์
ปานศักดิ์กับธยานีย์และหลายๆคนต่างมองดูคนเหล่านี้ที่ไปๆมาๆในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์อย่างอยากรู้อยากเห็น ความเย่อหยิ่งที่มีเมื่อเผชิญหน้ากับรพีพงษ์พวกเขาได้จางหายไปหมดแล้ว เมื่อพบปะกับผู้คนใบหน้าต่างก็มีรอยยิ้ม เหมือนกลัวว่าจะทำให้คนอื่นโกรธ
ในใจพวกเขารู้ดี คนเหล่านี้ที่สามารถปรากฏตัวในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ แค่คนคนหนึ่ง ภูมิหลังไม่ได้เล็กไปกว่าตระกูลนบวรของพวกเรา ที่สำคัญมีมากมายที่ใหญ่โตกว่าตระกูลนบวร ดังนั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะจองหอง
“พี่ชาย คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์หลังนี้ใหญ่เกินไปแล้ว สามารถมีคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ตำแหน่งใจกลางเมืองในเกียวโตได้ ตระกูลลัดดาวัลย์นี้สุดยอดจริงๆ”ธยานีย์พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉา
ปานศักดิ์พยักหน้า แล้วพูดว่า: “พวกนี้ยังไม่ถือว่าอะไรเลย เมื่อกี้นี้เธอสังเกตเห็นคนที่มาร่วมงานเลี้ยงกับผู้หญิงต่างชาติมั้ย คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของตระกูลระดับโลก เมื่อตระกูลนบวรของเราเทียบกับคนอื่นเขาแล้ว อย่างดีที่สุดก็แค่เด็กวัยเตาะแตะ”
บนใบหน้าของธยานีย์ปรากฏความเลื่อมใสนับถือ เอ่ยปากพูดว่า: “ก็ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาของนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์เป็นอย่างไร ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วอยากที่จะเจอหน้าเขา สามารถพูดคุยกับเขาได้ ก็จะดียิ่งกว่านี้อีก”
“ดูท่าทางบ้าผู้ชายของเธอสิ วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของลูกสาวเขา เธอระวังถ้าภรรยาของรพีพงษ์ รู้ความคิดของเธอเข้า ถ้าอย่างนั้นตระกูลนบวรก็จบเห่แน่”ปานศักดิ์พูดล้อเล่น
ในขณะที่หลายคนกำลังเดินเล่นในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ มีร่างสามร่างปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา
นั่นก็คือรพีพงษ์ ดำเกิง ไออ้วนพวกเขาทั้งสามคน