พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่755 คืนให้แกดีกว่า
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่755 คืนให้แกดีกว่า
“พ่อ….พวกเรา พวกเราไม่รู้ว่าเขาก็คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์”ธยานีย์กุมหน้าตัวเองไว้ เอ่ยปากด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ
“ไม่รู้แกก็สามารถทำแบบนี้กับคนอื่นได้ตามใจชอบเหรอ ดูเหมือนว่าฉันจะตามใจแกมากจนเสียคน!”ประภูโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ธยานีย์ไม่กล้าพูดอะไร รีบก้มหน้าลง
ประภูหันไปมองรพีพงษ์ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกละอายต่อความผิด เอ่ยปากว่า: “นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ขอโทษด้วยจริงๆ ผมคาดไม่ถึงว่าลูกสองคนนี้ของผมจะใจกล้าขนาดนี้ นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ได้โปรดอย่าได้ถือสาพวกเขาสองคนเลย”
รพีพงษ์ยังไม่ได้พูด ไออ้วนก็เดินไปตรงหน้าประภู เอ่ยปากถามว่า: “คุณเป็นพ่อของพวกเขาเหรอ?”
ประภูพยักหน้า
“คุณมาพอดี ฉันกำลังจะคิดบัญชีกับพวกเขาสองคน ในเมื่อคุณมาแล้ว งั้นก็ตั้งใจฟังให้ดีว่าลูกสองคนนี้ของคุณทำอะไรไว้บ้าง”
ต่อจากนั้นไออ้วนก็เล่าเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นในวันให้ประภูฟังหนึ่งรอบ ตอนแรกประภูคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่เกิดจากการที่คนทั้งสองไม่รู้จักนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่ายังมีเรื่องอื่นที่ปิดซ่อนไว้อยู่
ฟังในสิ่งที่ไออ้วนเล่า สีหน้าของประภูยิ่งดูก็ยิ่งแย่มากขึ้นเรื่อยๆ เหลือบมองไปที่ปานศักดิ์และธยานีย์ทั้งสองคนเป็นครั้งเป็นคราว มีใจที่อยากจะฆ่าคน
หลังจากที่ไออ้วนเล่าจบ ประภูก้มโค้งคำนับให้ไออ้วนกับดำเกิงและรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคน กล่าวขอโทษ: “ขอโทษด้วยจริงๆ คาดไม่ถึงว่าคนไม่เอาไหนสองคนนี้จะสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ให้กับพวกคุณ สี่แสนกว่านี้ฉันจะชดใช้ให้อย่างแน่นอน ฉันก็จะสั่งสอนไอ้สองคนที่ไม่มีมารยาทนี้อย่างหนักอย่างแน่นอน ให้พวกเขาเข็ดหลาบ”
หลังจากพูดเสร็จ ประภูเดินไปตรงหน้าปานศักดิ์และธยานีย์ ยกมือขึ้นอย่างไร้ความปรานี ตบไปที่ใบหน้าของทั้งสองด้วยกำลังทั้งหมด
“พวกแกสองคนที่ไม่เอาไหน ฉันยังรอให้พวกแกเชิดชูให้มีเกียรติ ปรากฏว่าพวกแกสองคนนอกจากสร้างความเดือดร้อนให้กับฉันแล้ว อย่างอื่นไม่มีอะไรเลย ครั้งนี้ยังมาหาเรื่องนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ถึงที่อีก”
“คนอื่นเขาจะกินข้าวยังไงพวกแกยังจะไปยุ่ง ทำไมตอนที่ฉันกินข้าวพวกแกไม่มาบอกว่าฉันเป็นคนบ้านนอก?”
“วันนี้ไม่ตีพวกแกสองคนให้ตระหนักถึงปัญหาของตัวเอง ฉันก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นนายใหญ่ของตระกูลนบวรแล้ว!”
ประภูตบลงไปที่หน้าของปานศักดิ์และธยานีย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนไม่กล้าขัดขืน ในแววตาเต็มไปด้วยความเสียใจ
“พ่อ พวกเรารู้ตัวว่าผิดแล้ว พ่อได้โปรดยกโทษให้เราด้วย จากนี้ไปพวกเรากล้าอีกต่อไปแล้ว”ปานศักดิ์ร้องไห้แล้วพูดกับประภู
“พวกแกขอโทษฉันจะมีประโยชน์อะไร ยังไม่รีบไปขอโทษนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์อีก!”ประภูตะโกนอย่างโกรธๆ
ปานศักดิ์และธยานีย์ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าพ่อของพวกเขากำลังช่วยหาทางออกให้พวกเขาสองคน ดังนั้นจึงรีบเดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ไออ้วนและดำเกิง
“นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ พี่ชายทั้งสองคน พวกเรารู้ตัวว่าผิดแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราคิดไปเองมากเกินไป นายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์และพี่ชายทั้งสองได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยเถอะ ไม่อย่างนั้นฉันและน้องสาวก็จะถูกพ่อทุบตีตาย”ปานศักดิ์ขอโทษด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ธยานีย์รีบพยักหน้าตาม ดูท่าทางเหมือนว่าจะรับรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง
“ถามพวกเขาสองคนเถอะ ฉันยังไงก็ได้”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ทั้งสองคนรีบมองไปทางไออ้วนและดำเกิง
ไออ้วนและดำเกิงสบตากัน พวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้ว่าอยากจะถือสาเอาความเด็กสองคนนี้ แค่ต้องการให้พวกเขารู้ถึงความผิดของตัวเอง
ตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ขอโทษด้วยความจริงใจ แล้วเหตุการณ์ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว
ไออ้วนเอ่ยปากยกโทษให้พวกเขา แล้วสั่งสอนทั้งสองคนไปไม่กี่คำ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงแล้ว ประภูขอบคุณพวกเขาอย่างซาบซึ้ง และสัญญาว่าจากวันนี้ไปจะเข้มงวดสั่งสอนพวกเขาสองคนขึ้นไปอีก ไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ไม่นาน ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น
รพีพงษ์ให้ท่านคทาจัดนักแสดงศิลปะให้ถอนตัวออกไป แต่เวทีที่พวกเขาตั้งขึ้นมายังไม่ได้เอารื้อถอนออกไป แต่ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเวทีประลองที่เรียบง่ายอย่างรวดเร็ว
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ ต่างก็สงสัยเล็กน้อย ตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองรู้สึกว่าที่รพีพงษ์ทำแบบนี้อาจจะเพื่อให้คนมาประลองเพิ่มความสนุกสนานกัน
ผนึกสินและครองสุขทั้งสองคนกลับรู้ดีว่ารพีพงษ์ทำเวทีประลองเพื่ออะไร
น่าจะเตรียมไว้ให้สำหรับคนของตระกูลภูธน
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้ไม่นาน รพีพงษ์และอารียาอุ้มขวัญนลินปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน รพีพงษ์ก็พูดคุยกับผู้คนไปไม่กี่ประโยค ให้ทุกคนดื่มกินกันให้เต็มที่
หลังจากนั้นอาหารค่ำของงานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น ทุกคนก็นั่งลง หลายคนที่ต้องการหาเพื่อนก็ดื่มเหล้าผูกมิตรทำความรู้จักกัน ในสวนลานบ้าน ก็ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อารียาและขวัญนลินได้รับผลกระทบ งานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้ไม่นาน รพีพงษ์ให้พวกเธอสองคนกลับไปที่ห้อง แล้วให้ครองภพนำกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของลอบสังหารมาคุ้มครองอย่างลับๆ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นรพีพงษ์ก็สามารถรับรู้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
เวลาประมาณสองทุ่ม ขณะที่ทุกคนกำลังดื่มกันอย่างมีความสุข มีเสียงนาฬิกาที่ดังกึกก้องดังขึ้นที่บนกลางอากาศในคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ทำให้ทุกคนตกใจ
ทุกคนเงยหน้าขึ้น มองไปกลางอากาศ เห็นเพียงบนหลังคา ไม่รู้ว่ามีร่างไม่กี่ร่างโผล่ขึ้นมาตอนไหน ต่อจากนั้น นาฬิกาเรือนใหญ่ที่สูงกว่าสองเมตรก็บินลงมาจากด้านหลังหลังคา
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนก็กลัวมากจนตื่นตระหนกทันที รีบลุกขึ้นและวิ่งกระจายไปรอบๆ นาฬิกาเรือนนี้ก็คงจะมีไม่ต่ำกว่าหลายร้อยกิโล ถ้ากระแทกโดนบนตัวพวกเขา สามารถกระแทกพวกเขาจนกลายเป็นเนื้อบดได้
“เด็กรพีพงษ์ แกฆ่าน้องชายของฉัน ยังมีอารมณ์มาจัดงานเลี้ยงฉลองอีก ฉันไม่มีของขวัญดีๆอะไร วันนี้มามอบนาฬิกาให้แก หวังว่าแกจะรับมันไว้!”
เสียงที่หนักแน่นดังขึ้นมา และในใจผู้คนก็สั่นอย่างฉับพลัน
“พระเจ้า ตกลงเป็นใครกันแน่ นาฬิกาขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายร้อยโลกกลับถูกโยนลงมาจากหลังคา นี่คงต้องใช้รถแม็คโครถึงเคลื่อนย้ายได้?”
“จบแน่จบแน่ ตระกูลลัดดาวัลย์มีเรื่องกับศัตรูที่น่ากลัวอีกแล้ว งานเลี้ยงวันนี้ไม่สามารถจัดต่อไปได้แล้ว”
“น่ากลัวมากจริงๆ ในละครยังไม่กล้าถ่ายทำแบบนี้เลย มาถึงก็โยนนาฬิกาเรือนใหญ่ที่มีน้ำหนักร้อยกว่ากิโล สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมาก”
รพีพงษ์เตรียมตัวพร้อมนานแล้ว เมื่อเห็นนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อีกโยนลงมา ก็ไม่แปลกใจอะไร เรื่องแบบนี้ เมื่อก่อนเขาก็เคยทำมาก่อน
เมื่อเห็นว่านาฬิกาเรือนใหญ่กำลังจะกระแทกลงบนพื้น ด้านในยังมีคนไม่กี่ที่วิ่งหนีออกมาไม่ทัน ร่างของรพีพงษ์ก็กลายเป็นเลือนรางขึ้นมา ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็อยู่ใต้นาฬิกานั่นแล้ว
พลังวิเศษเสนในร่างกายของเขาไหลเวียน พลังอานุภาพพลุ่งพล่านขึ้นมา จากนั้นใช้แรงที่เท้า ร่างลอยขึ้นไปในอากาศ ฟาดฝ่ามือลงบนเรือนร่างของนาฬิกาเรือนใหญ่ นาฬิกาที่เสียงดังกึกก้องก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน นาฬิกาที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลเดินตามวิถีเดิม ก็บินกลับไป
“ขอบคุณสำหรับเจตนาดีของแก ของสิ่งนี้ตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้ คืนให้แกดีกว่า!”
ทุกคนในเหตุการณ์ก็แตกตื่นกันขึ้นมา