พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่762 การแสดงชี่กง
บทที่762 การแสดงชี่กง
เขายุผิงตั้งอยู่ที่แถบมณฑลเสฉวน อาการชื้น ทิวทัศน์สวยงาม บวกกับภูมิประเทศที่แตกต่าง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวที่นี่
และที่เขายุผิงได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะวิวทิวทัศน์สวย แต่ที่ผู้คนมาที่นี่ ส่วนมาก เพราะบนยอดเขายุผิง มีวัดวัดหนึ่งชื่อวัดมังกร
วัดมังกรเป็นวัดที่เก่าแก่ แต่เพิ่งสร้างขึ้นบนเขาได้ไม่นาน ตอนแรกที่โฆษณานั้น ว่าได้อัญเชิญพระอาจารย์ลัทธิเต๋าขั้นสูงมา แล้วยังเล่าถึงตอนที่สร้างวัดมังกรด้วยว่าเกิดเรื่องปาฏิหาริย์อะไรขึ้นบ้าง บวกกับบางคนที่บอกว่าตัวเองมาขอพรที่วัดมังกร ผ่านไปไม่นานก็เป็นไปดั่งใจหวัง ไม่นาน ชื่อเสียงของเขายุผิงวัดมังกรก็ดังขึ้นมา
หลังจากนั้น เพื่อดึงดูดคนจำนวนมากมาสักการะที่วัด วัดมังกรจึงเริ่มใช้ศิลปะการต่อสู้ดึงดูดสายตาคน ได้เผยแพร่พระอาจารย์ลัทธิเต๋าขั้นสูงเป็นยอดฝีมือยุทธภพของวัดมังกร มีฝีมือที่ค่อนข้างสูง ผ่านไปสักระยะ ยอดฝีมือท่านนี้จะแสดงฝีมือให้กับทุกคนได้เห็น
ผู้คนเหล่านั้นที่เห็นพระอาจารย์แสดงฝีมือนั้นก็ล้วนประหลาดใจ ต่างก็บอกว่าเป็นยอดฝีมือที่ไปได้ไกล
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อเห็นฝีมือของพระอาจารย์ท่านนี้แล้วก็เกิดความคิดที่อยากเป็นลูกศิษย์ อาจารย์ก็ไม่ปฏิเสธคนเหล่านี้ เพียงแค่มีเงินมากพอจ่ายค่าเล่าเรียน ก็สามารถที่จะอยู่เพื่อศึกษาศิลปะการต่อสู้กับพระอาจารย์ได้แล้ว
ได้ยินมาว่าค่าเล่าเรียนต่อปีอยู่ที่สองแสน แม้เป็นแบบนี้ ก็ยังคงมีผู้ขวักไขว่ไปมาอย่างไม่ขาดสายมาไหว้สักการะพระอาจารย์อยู่ดี
ตอนนั้นมีแชมป์ศิลปะการต่อสู้ระดับประเทศสงสัยในฝีมือของพระอาจารย์ จะได้มาท้าทายความสามารถของพระอาจารย์ถึงวัดมังกร แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับพระอาจารย์ไป
การประลองครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงของวัดมังกรยิ่งโด่งดังเข้าไปอีก ผู้ที่มาบูชากราบไหว้พระอาจารย์มีมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขายุผิงครึกครื้นขึ้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
ได้ยินมาว่าคนจำนวนไม่น้อยที่เรียนศิลปะการต่อสู้กับพระอาจารย์ ฝีมือได้กว่าแชมป์ศิลปะการต่อสู้นั่นเสียอีก บ้างก็เก่งกว่าบู๊ลิ้มในทีวีเสียอีก
แต่ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จนั้นยังไม่มีใครรู้ได้ สิ่งที่ผู้คนได้ยินนั้นก็เป็นเพียงข่าวลือ
ตอนแรกที่คิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนนั้น รพีพงษ์เห็นการแนะนำบางส่วนของเขายุผิงวัดมังกร ดังนั้นสุดท้ายจึงเลือกมาเที่ยวที่นี่ แล้วก็ไปดูข่าวลือเกี่ยวกับพระอาจารย์ท่านนั้นเสียหน่อยว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่
ตามการคาดเดาของรพีพงษ์ ความเป็นไปได้เรื่องพระอาจารย์นี้น่าจะเป็นไปได้น้อย นี่น่าจะเป็นเพราะตั้งใจโปรโมทให้เป็นแบบนี้มากกว่า แต่พระอาจารย์คนนี้อาจเป็นยอดฝีมือเน่ยจิ้งนั้นก็มีความเป็นไปได้อยู่มาก
รพีพงษ์ค่อนข้างแปลกใจว่าพลังของพระอาจารย์ท่านนี้จะเหมือนพลังของพระแก่ชันษาในนิยายที่เขียนไว้หรือไม่ ดังนั้นจึงพาอารียามาดูให้เห็นกับตา
และพอดีที่พระอาจารย์ของวัดมังกรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะการต่อสู้ท่านหนึ่ง ดังนั้นด้านล่างเขายุผิงจึงได้มีการแสดงชี่กงนี้ขึ้นมา เพื่อฉวยจังหวะในความนิยมชมชอบพระอาจารย์ท่านนั้น
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้ว รพีพงษ์และอารียาได้เดินไปที่ป้ายที่แขวนว่าการแสดงชี่กงนั้น
ตรงนั้นเป็นเวทีการแสดงที่สร้างขึ้น รอบๆมีผ้าล้อมไว้ อยากเข้าไปชมการแสดง ก็ต้องจ่ายค่าตั๋วเป็นธรรมดา
รพีพงษ์ไปซื้อตั๋วสำหรับสองคน พาอารียาเดินไปยังจุดตรวจบัตร
“การแสดงแบบนี้มีอะไรน่าดู บนโลกนี้ไม่มีชี่กงอยู่ด้วยซ้ำ ก็แค่เรื่องหลอกลวง”
แม้ตอนนี้ฝีมือของรพีพงษ์ได้ไปถึงขั้นแดนปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว แต่อารียาไม่เคยเห็นฝีมือของรพีพงษ์มาก่อนเลย ดังนั้นจึงเข้าใจฝีมือของรพีพงษ์ ว่ายังคงอยู่ในขั้นพื้นฐานอยู่ คิดว่าที่ชกต่อยเก่งนั้น เป็นเพราะร่างกายกำยำและมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างเร็ว
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา กล่าว “หลอกลวงไม่หลอกลวงก็ชั่ง ดูเพื่อความบันเทิงก็พอแล้ว”
เขาไม่รู้ว่าในโลกนี้มีชี่กงหรือไม่ แต่สิ่งที่เขารู้คือในโลกนี้มีเน่ยจิ้งอยู่ และยังมีพลังวิเศษเสนนี้อยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นการแสดงชี่กง เขาก็อยากรู้ว่าชีกงนี้ เหมือนกับเน่ยจิ้งหรือไม่
ขณะนี้รอบๆเวทีเต็มไปด้วยผู้คน หลังจากที่รพีพงษ์พาอารียาเข้าไปแล้ว ก็หาที่ๆใกล้ๆเวที แล้วหยุดลง
ผ่านไปไม่นาน การแสดงได้เริ่มขึ้น โชว์แรกๆเป็นการแสดงทั่วไป เช่นอกทุบหิน ไม่มีความน่าสนใจอะไรมากนัก
โชว์ท้าย มีอาจารย์ชี่กงท่านหนึ่งออกมา เริ่มประลองกับยอดฝีมือที่ดูๆแล้วมีความสามารถอย่างมาก อาจารย์ชี่กงท่านั้นจัดการยอดฝีมือเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย ดูไม่เหมือนเป็นการแสดง แต่เป็นการประลองจริงๆ
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีส่งเสียงออกมา ว่าชอบการแสดงชุดนี้
รพีพงษ์จ้องไปที่อาจารย์ชี่กงท่านนั้นสักพัก จึงได้รู้ว่าชี่กงนี้เป็นอย่างไรกันแน่
อาจารย์ชี่กงท่านนี้น่าจะเคยเรียนวิชาหายใจออก แต่เรียนไม่หมด แม้จะมีประโยชน์ คือทำให้ในร่างกายมีพลังเน่ยจิ้ง แต่ต่างจากอานุภาพของเน่ยจิ้งอยู่มาก ก็เหมือนกับตอนแรกที่อนันยชปรับเปลี่ยนการหายใจออกแบบขั้นต้นให้กับคนของตระกูลนิธิวรสกุล
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ ความสามารถของอาจารย์ชี่กงนี่ก็เยี่ยมกว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างมาก และท่าทีของเขา ก็น่าจะผ่านการเรียนมาก่อน ไม่เหมือนามท้องถนนพวกนั้น
“ว้าว สามี ไม่คาดคิดว่าอาจารย์ชี่กงนี่จะเก่งกาจเหมือนกันนะ เมื่อกี๊คนจำนวนมาก ก็ถูกเขาจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อเทียบกับคุณ น่าจะต่างจากคุณอยู่นิดหน่อย สามีฉันเก่งที่สุด” อารียาพูดต่อรพีพงษ์
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ท่าพวกนั้นก็แค่กังฟูเด็กๆ สามีเธอเป็นกังฟูที่แท้จริง ถ้าผมขึ้นไป ต่อยจนพวกเขาล้มลงกับพื้นไปในระยะเวลาไม่กี่วินาที”
“ชิ หลงตัวเองชะมัด ยังคิดว่าตัวเองจะชนะอาจารย์ชี่กงท่านี้ได้อีก ตลกจริงๆ” ขณะนี้ด้านหลังของทั้งสองมีเสียงประชดประชันขึ้นมา
รพีพงษ์และอารียาหันหลังไป พบว่าคนที่อยู่หลังพวกเขานั้น เป็นคู่รัก
สองคนที่ประชดประชันเขา เป็นคู่รักที่เป็นฝ่ายหญิง
“พวกคุณอย่าถือสาเลย แฟนผมพูดตรงเกินไป อย่าเก็บมาใส่ใจ แต่พวกคุณก็ดูถูกอาจารย์ชี่กงเกินไปจริงๆแหละ ท่านนี่ได้เรียนกังฟูกับพระอาจารย์วัดมังกรมาแล้ว ความสามารถสูงนะ ดูๆแล้วคุณก็ไม่ใช่ว่าจะต่อยคนเป็นหนิ ถ้าขึ้นไปจริงๆ ไม่แน่แป๊ปๆก็ลอยออกนอกเวทีล่ะ” ชายคนนั้นยิ้มพลางกล่าว
“ไอ้หยา คุณพูดแบบนี้กับพวกเขาทำไม ให้พวกเขาหลงตัวเองไปนั่นแหละ แล้วยังเป็นกังฟูอีกนะ ฉันว่ากังฟูแบบขี้โม้หนะสิไม่ว่า” ผู้หญิงเยาะเย้ยอย่างไม่พอใจ
รพีพงษ์มองไปที่สองคนนี้อย่างเซ็งๆ นานๆอารียาจะชมเขาสักหน่อย เขาเพิ่งจะดีใจ ไม่คาดคิดว่าสองคนนี้จะทำลายบรรยากาศเสียอย่างนั้น เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“พวกคุณยังไม่เคยเห็นฝีมือผมเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าผมขี้โม้?” รพีพงษ์ถามกลับ
คู่รักคู่นี่สบตากัน แล้วแสดงออกด้วยท่าทีเหยียดหยาม
“ยังต้องดูอีกหรอ ลักษณะแบบนี้ ไม่แน่แม้แต่แฟนฉันก็ยังชนะไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะต่อยกับอาจารย์ชี่กงคนนี้หรอก บางทีก็ไม่ควรโอ้อวดเกินไป ไม่งั้นอาจกลายเป็นเรื่องตลกได้นะ” หญิงสาวพลางพูด ก็มองบนต่อรพีพงษ์
“ชั่งเหอะ อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาเลย” อารียาลากแขนรพีพงษ์ไป
ในขณะเดียวกันนี้เอง อาจารย์ชี่กงที่อยู่บนเวทีมองไปรอบ กล่าว “ฉันรู้ว่าในที่นี้มีคนที่ไม่เชื่อในความสามารถของฉัน ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสทุกท่าน ไม่ทราบว่าสหายที่มาจากแดนไกล มีใครอยากจะลิ้มลองฝีมืออันร้ายกาจของฉันบ้าง?”