พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ
บทที่766 อาจารย์โอบนิธิ
เจ้าอาวาสรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกรของรพีพงษ์ ตอนนี้มือขาของเขาหักไปอย่างล่ะข้าง แม้คิดจะหนีก็หนีไม่รอด ดังนั้นจึงทำได้เพียงอ้อนวอนรพีพงษ์ “ไม่กล้า ไม่กล้า ฉันจะบอกคุณทุกอย่าง ได้โปรดปล่อยฉันไป”
จากนั้น เจ้าอาวาสก็บอกรพีพงษ์ว่าอารียาได้ถูกส่งขึ้นไปบนวัดมังกรแล้ว นักบวชสองคนนั้นจะมอบอารียาให้กับอาจารย์โอบนิธิ อาจารย์โอบนิธิจะทำอย่างไรกับอารียานั้น พวกเขามิอาจรู้ได้
รพีพงษ์หน้าตาบูดบึ้ง จากนั้นได้ถามประวัติของอาจารย์โอบนิธิ เจ้าอาวาสได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้รพีพงษ์ฟัง ไม่ปิดบังแต่อย่างใด
ที่แท้อาจารย์โอบนิธิอะไรนี่ เป็นนักศิลปะการต่อสู้โบราณ ฝีมือถึงแดนปรมาจารย์ ฝีมือระดับเขา แม้ในโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณ ก็น่าจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
แต่เป็นเพราะสไตล์การใช้ชีวิตของเขา ได้เอาภรรยาของนายใหญ่ของตระกูลขุนนางทำเป็นเมีย เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป อาจารย์โอบนิธิได้ถูกนายใหญ่ของตระกูลขุนนางไล่ฆ่า หาทางออกไม่ได้ เขาทำได้เพียงหลบหนีไปจากที่นี่
ต่อมาเขายุผิงเปิดแหล่งท่องเที่ยว ผู้พัฒนารู้จักอาจารย์โอบนิธิโดยบังเอิญ รู้ว่าเขาเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ฝีมือดี ก็ได้ปรึกษากับอาจารย์โอบนิธิว่าจะสร้างวัดมังกรขึ้น
อาจารย์โอบนิธิหนีมาจากตระกูลขุนนาง เพราะกลัวจะโดนไล่ตามถึงที่ รู้สึกว่าไปเป็นพระบนเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร ดังนั้นจึงได้ตอบตกลงนักพัฒนาไป
นักพัฒนาสร้างให้ อาจารย์โอบนิธิเป็นพระอาจารย์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเทีย่วที่เขายุผิง
ชีวิตของอาจารย์โอบนิธิบนเขานี้ไม่ขาดแคลนใดๆ เพียงแค่ค่าธูปก็พอที่จะให้เขาได้มีชีวิตไปหลายชั่วอายุแล้ว ปัญหาเดียวคือในวัดไม่มีผู้หญิง อาจารย์โอบนิธินี่เป็นคนลามก จึงเพ่งเล็งไปที่ผู้หญิงวัยรุ่นที่มาเที่ยวที่นี่
ผู้หยิงที่หายตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะหลงทาง ล้วนเป็นเพราะเห็นวัดเล็กนั้น แล้วมาเพียงคนเดียวอีก จึงได้เข้าทางของอาจารย์โอบนิธิ
ถ้าผู้ชายเห็นวัดเล็กนั้น คนด้านในไม่มีทางเปิดประตูออกให้แน่นอน
เมื่อฟังอธิบายจบ รพีพงษ์ก็ยิ่งโมโห ไม่คาดคิดว่าพระอรหันต์แบบนี้จะเลวน่ารังเกียจได้ขนาดนี้
พระอาจารย์มองรพีพงษ์อย่างระส่ำระสาย กล่าว “น้องชาย ฉันได้พูดทุกอย่างที่ฉันรู้ให้ฟังหมดแล้ว หนึ่งในนั้นเป็นความลับที่อาจารย์โอบนิธิไม่เผยแพร่ คุณได้หักแขนขาของฉันแล้วอย่างล่ะข้าง ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วยเถิด”
รพีพงษ์ก้มหน้ามองเขา กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ไว้ชีวิตแก ให้แกไปทำลายชีวิตคนอื่นต่องั้นหรอ? เมื่อเทียบแกกับอาจารย์โอบนิธิแล้ว ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย แกไปรอที่นรกก่อนแล้วกัน ไม่นาน อาจารย์โอบนิธินั่นก็จะตามแกไป”
พูดจบ รพีพงษ์ก็บีบคอของเจ้าอาวาส ใช้แรงบิด หันคอไป
จากนั้นรพีพงษ์ก็ออกมาจากวัดเล็กนั้น แล้วลอยไปยังบนยอดเขาอย่างรวดเร็ว
อาจารย์โอบนิธิมีการแสดงรอบบ่าย น่าจะไม่มีเวลาทำอะไรอารียา ถ้าเขาไปเร็วกว่านี้ ก็สามารถหยุดสิ่งที่ไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นกับอารียาไว้ได้
……
วัดมังกร
อาจารย์โอบนิธิอยู่ในสนามคนเดียว นักบวชทั้งสองเอาอารียาที่ผูกติดอยู่กับเก้าอี้วางลง แอบไว้ในห้อง
ขณะนี้ประตูของห้องถูกเปิดออก พระรูปหนึ่งสวมชุดจีวรสวยหรู ใบหน้าทรงกลม กำลังเดินเข้ามา นั่นคืออาจารย์โอบนิธิ
นักบวชทั้งสองรีบหันหลัง โค้งคำนับให้กับอาจารย์โอบนิธิ หนึ่งในนั้นกล่าว “อาจารย์ ครั้งนี้ต้องถูกใจอาจารย์แน่นอน ครั้งนี้มันของดีชัดๆ”
อาจารย์โอบนิธิตาเป็นประกาย จากนั้นก็เดินไปที่เก้าอี้นั่น ตั้งใจมองไปยังอารียาที่กำลังสลบอยู่ ยิ้มพลางกล่าว “เป็นของดีจริงๆด้วย ครั้งนี้จะขอสบายตัวสักครั้ง แต่บ่ายนี้ฉันมีการแสดง คนสวย ฉันทำได้แค่รอให้การแสดงจบก่อนแล้วถึงจะมาให้ความสุขคุณได้นะ”
พูดจบ อาจารย์โอบนิธิมองไปยังนักบวชสองคน แล้วกล่าว “เอาเธอไปขังไว้ในห้องลับก่อนละกัน ครั้งนี้พวกแกทำได้ไม่เลว มีของรางวัลให้พวกแก พรุ่งนี้มาที่ห้องฉัน ฉันจะถ่ายทอดกังฟูให้”
นักบวชทั้งสองดีใจ หลังจากที่คำนับอาจารย์โอบนิธิแล้วนั้น ก็พาอารียาไปยังห้องลับที่อาจารย์โอบนิธิกล่าวไว้
ณ ลานวัดมังกร
ขณะนี้มีแขกจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี้แล้ว ทุกคนล้วนกำลังรองานหลักของวันนี้ อาจารย์โอบนิธิ
ไกด์คนนั้นที่ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้เดินตามขณะนี้ได้พาลูกทัวร์ของตัวเองมาถึงจุดนัดพบแล้ว เพราะไกด์คนนี้ค่อนข้างแพง ดังนั้นที่ที่ได้จึงค่อนข้างอยู่ด้านหน้า
หลังจากที่ผลอุทัยและอรรจยาทั้งสองยืนอยู่กับที่ ด้วยการรอคอย เพราะการดูการแสดงของอาจารย์โอบนิธินั้นเป็นเรื่องที่พวกเขารอมานานแล้ว แล้วผลอุทัยยังรอให้การแสดงจบก่อนจากนั้นจะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์โอบนิธิ
“น่าแปลกใจจริงๆ ทำไมภายหลังไม่เห็นรพีพงษ์กับภรรยาเขาแล้วล่ะ แม้พวกเขาจะตามไม่ทัน ตอนนี้ก็น่าจะไล่ทันแล้วนะ หรือพวกเขาไม่สนใจในการแสดงของอาจารย์โอบนิธิหรอ?” ผลอุทัยกล่าวอย่างสงสัย
“จะสนทำไม คุณคิดดีกว่าว่าอีกเดี๋ยวเจออาจารย์โอบนิธิแล้วจะพูดอะไร” อรรจยาหันไปพูดกับผลอุทัย
ผลอุทัยพยักหน้า ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะสนใจคนอื่นจริงๆ
“รพีพงษ์นั่นไม่ชอบอาจารย์โอบนิธิไม่ใช่หรอ ไม่แน่เขาอาจจะกลัวว่าคำพูดที่เขาพูดเหล่านั้นจะไปเข้าหูอาจารย์โอบนิธิได้ กลัวว่ามาถึงนี่แล้วจะถูกอาจารย์โอบนิธิจัดการ” อรรจยาพึมพำ
ผ่านไปไม่นาน คนที่มือข้างหนึ่งถือไมโครโฟนไว้ปรากฏตัวบนเวที คนนี้คือพิธีกรของการแสดงของอาจารย์โอบนิธิ รับผิดชอบสร้างบรรยากาศในงาน
พิธีกรพูด ทำเอาการรอคอยของทุกคนในงานเริ่มรอไม่ไหว จากนั้นเขาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เชิญอาจารย์โอบนิธิขึ้นเวทีทันที
ตอนนี้อาจารย์โอบนิธิยืนอยู่บนยอดอุโบสถ ทุกคนล้วนประหลาดใจ
จากนั้น อาจารย์โอบนิธิก็ลงมาจากยอดอุโบสถ ลอยลงมา ยังกลางสนาม ทุกคนที่เห็นเริ่มคึกคักขึ้นมา
เพื่อศักดิ์ศรีของตนเอง อาจารย์โอบนิธิไม่พูดอะไรมาก เริ่มการแสดงของตัวเองโดยตรง
เขาปล่อยหมัดวิเศษต่อหน้าผู้คน จากนั้นก็ทำการแสดงใช้มือทุบก้อนหินแตก ใบไม้สับก้อนหิน เข็มทะลุก้อนหินเป็นต้น
ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนปรบมือไม่ขาดสาย ส่งเสียงไม่หยุด คนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อดูการแสดงของจารย์โอบนิธิจบแล้วนั้น ก็อยากจะไหว้ครู มีบางคนก็โทรหาครอบครัวในตอนนั้น ว่าให้พวกเขาโอนเงินมา วันนี้จะไหว้ครู
อรรจยาจ้องอาจารย์โอบนิธิอย่างเลื่อมใส กล่าว “อาจารย์โอบนิธิเก่งกาจขนาดนี้ รพีพงษ์จะเทียบกับท่านได้ไงกัน ถ้าตอนนี้รพีพงษ์อยู่ที่นี่ล่ะก็ ให้เขาขึ้นไปต่อสู้กับอาจารย์โอบนิธิ เขาจะต้องตกใจจนเยี่ยวราดแน่ๆ”
เธอเพิ่งพูดจบ เสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้นมาสะท้านวัดมังกร
“ไอ้หัวล้านไร้ยางอาย! เอาเมียฉันคืนมา ไม่งั้นฉันจะทำลายล้างวัดมังกรของแกซะ!”