พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่769 ของรัก
บทที่769 ของรัก
เสียงร้องครวญครางดังมาจากคุกใต้ดิน ร่างกายของอาจารย์โอบนิธิอ่อนแรงลง เลือดไหลออกมาจากเป้าเขาโดยตรง
เหล่าผู้หญิงที่กำลังมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลล้วนปิดตาตัวเองทั้งหมด
อาจารย์โอบนิธิเจ็บปวด จนเสียงเปลี่ยนเป็นเสียงแหลม เขากำลังมองรพีพงษ์ที่ท่าทีเยือกเย็นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองอย่างเสียใจ คิดว่าเขาเป็นปีศาจที่มาจากแดนนรก
รพีพงษ์ก้มหน้ามองอาจารย์โอบนิธิ แล้วถาม “ไง รู้สึกยังไง? ตอนนี้ต้นเหตุได้ถูกจัดการแล้ว ต่อไปไม่อยากทำเรื่องแบบนั้นแล้วใช่ไหม?”
“ไม่กล้าแล้ว ฉันไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว” อาจารย์โอบนิธิใกล้จะร้องออกมาแล้ว
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ตอนนี้พูดแบบนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไปแล้ว แกไม่มีทางมีอนาคตอีกต่อไปแล้ว”
ร่างกายของอาจารย์โอบนิธิสั่น แล้วรีบอ้อนวอนขอรพีพงษ์ว่า “น้องชาย ไว้ชีวิตฉันเถอะ คุณดูสิฉันเป็นแบบนี้แล้ว เป็นไอ้สวะจริงๆแล้ว การลงโทษแบบนี้ยังไม่พออีกหรอ? ไว้ชีวิตฉันหน่อยเถอะ อนาคตแม้ฉันจะไปเป็นขอทาน ก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้แล้ว”
รพีพงษ์ดูแคลน กล่าว “เรื่องที่มึงทำ ชดใช้ด้วยสิบชีวิตก็ไม่พอ ให้กูไว้ชีวิตมึง? ฝันไปเถอะ!”
อาจารย์โอบนิธิมองไปรอบๆ แล้วกล่าว “เพียงแค่คุณไว้ชีวิตฉัน ฉันสามารถมอบของที่ฉันรักทุกอย่างให้คุณ”
“ขอโทษ กูไม่สนใจวะ” รพีพงษ์กล่าว
“คุณอย่าเพิ่งพูดแบบนี้ รอให้คุณเห็นของรักของฉันก่อน คุณไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ ฉันรับรอง ว่าเป็นของดีแน่นอน” อาจารย์โอบนิธิกล่าว
รพีพงษ์กลอกตา แล้วกล่าว “เอาออกมาให้กูดู”
อาจารย์โอบนิธิชี้ไปที่ตู้เหล็ก แล้วกล่าว “อยู่ในตู้เหล็กนั่น ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้แล้ว ขยับไม่ได้แล้ว ดังนั้นรบกวนน้องชายไปหยิบเองแล้วกัน แต่วางใจได้ ที่นั่นไม่มีปุ่มกดอะไรแน่นอน ถ้าไม่เชื่อถามผู้หญิงพวกนั้นก็ได้ พวกเธอมักจะเห็นฉันเปิดตู้นั้นบ่อยๆ”
รพีพงษ์หันไปมองผู้หญิงพวกนั้น หญิงเหล่านั้นพยักหน้าให้รพีพงษ์ แสดงท่าทีว่าเชื่อได้
รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของตู้นั้น จ้องไปที่ตู้ พบว่าไม่ได้ล็อคไว้ คิดว่าแม้อาจารย์โอบนิธิจะมีเล่ห์กลมากมาย ก็ไม่มีทางพึ่งตู้นี้หลอกคนได้ ดังนั้นจึงยื่นมือไปเปิดตู้นั้น
ด้านในไม่มีปุ่มกดอะไรจริงๆ ด้านในมีผ้าห่อสีดำวางอยู่
รพีพงษ์ยื่นมือไปหยิบผ้าห่อดำนั้น วางไว้บนตู้ เปิดดู พบว่าด้านในมีขวดสามใบ หยกก้อนใหญ่ และไม้สีดำ
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่รพีพงษ์เห็นไม้สีดำนี้แล้ว รู้สึกสบายตัว ผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก
“พวกนี้มันคืออะไร?” รพีพงษ์ถาม
อาจารย์โอบนิธิไม่ปิดบัง กล่าว “หนึ่งในขวดหยกสามใบนั้น ได้บรรจุ ยาพิษเมื่อกี๊ ที่ข้างบนเขียนคำว่ายาพิษไว้ก็คือขวดนั้นแหละ แม้ไม่รู้ว่าทำไมยาพิษนี้ไม่มีฤทธิ์กับคุณ แต่เมื่อก่อนฉันใช้มันกับอาจารย์ ไม่เคยพลาดมาก่อน”
“ข้างบนเขียนว่าถอนพิษ ก็คือยาถอนพิษของยาพิษนั้น สามารถให้คนที่โดนยาพิษหายเป็นปกติได้ และที่ด้านบนเขียนว่าพลังคำนี้ ได้ใส่ยาเพิ่มพลังไว้ มีทั้งหมดสามอัน เมื่อนานมาแล้ว ฉันได้ใช้ไปหนึ่งอัน ดังนั้นในขวดจะเหลือสองอัน แม้ฉันจะไม่รู้ว่ายานี้เรียกว่าอะไร แต่ผลลัพธ์ของยา ดีกว่ายาเม็ดไอกิแดนอีก แต่ผลข้างเคียงคือมีพลังเกินไป”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์โอบนิธิ สายตาของรพีพงษ์ก็มองไปยังขวดที่เขียนว่าพลังอยู่หลายครั้ง แม้จะเคยได้ยินยาเม็ตไอกิแดน ก่อนหน้านี้เขาได้กินยาเม็ตไอกิแดนนี้ต่อสู้กับปภาวิชญ์ รู้ถึงความสามารถของตัวยาดี
หากเป็นไปตามที่อาจารย์โอบนิธิพูดจริงล่ะก็ ยาที่ใส่ไว้ในขวดนี้ดีกว่ายาเม็ตไอกิแดนเสียอีก และถ้าผลข้างเคียงคือมีพลังเกินไปล่ะก็ ยานี้ถือเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากจริงๆ
เพราะไม่มีผลข้างเคียงที่ทำให้หลอดเลือดแตก ยาแบบนี้สามารถใช้เป็นยาเพิ่มพลังชีวิตได้ ใช้ในตอนที่ต้องต่อสู้กับศัตรู
อาจารย์โอบนิธิอยู่อย่างสงบในวัดมังกรมานาน ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมียอดฝีมือที่น่าเกรงขามอย่างรพีพงษ์มาถึงที่ได้ ดังนั้นจึงไม่ได้พกยาติดตัวไว้
“หยกและไม้ดำก้อนนี้ใช้ทำอะไร?” รพีพงษ์ถาม
“หยกนั้นใช้ทำอะไรฉันไม่ค่อยมั่นใจ แต่ฉันเคยสอบถามมาก่อนแล้ว วัสดุของหยกนี้หาได้ยาก ใช้เงินซื้อก็ซื้อไม่ได้ และถ้าติดตัวไว้นานๆก็จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย” อาจารย์โอบนิธิกล่าว
รพีพงษ์บึนปาก ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่ แต่ดูๆไปแล้วหยกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พูดว่าเป็นสิ่งล้ำค่าก็ไม่เลว
“ไม้ดำนั้น เพียงแค่คุณใช้เวลาจ้องมองมันนานๆ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสงบเยือกเย็นสุดๆ ฉันไม่รู้ว่าไม้นี้มีที่มาจากไหน แต่ของสิ่งนี้ให้ผลลัพธ์เกินกว่าจะคาดเดาได้ และฉันคิดว่าไม้นี้น่าจะเป็นยาล้ำค่าอะไรสักอย่าง ถ้าอนาคตคุณรู้ที่มาของมัน ไม่แน่อาจมีประโยชน์อย่างมหาศาลก็ได้นะ” อาจารย์โอบนิธิกล่าวต่อ
รพีพงษ์จ้องไปที่ไม้นั้น รู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายลงอีกครั้ง สำหรับการผ่อนคลายของสิ่งนี้ มีประโยชน์อย่างมาก
“มึงเอาของพวกนี้มาจากไหน?” รพีพงศ์จ้องไปที่อาจารย์โอบนิธิแล้วมองของในถุงว่าเป็นของดีจริงๆ
“เอาจริงๆ ของที่อยู่ในถุงนี้ทั้งหมด รวมทั้งถุงนี้ด้วย เป็นตอนที่ฉันถูกตามไล่ฆ่า แล้วแอบในหุบเขาลึก เจอในถ้ำๆหนึ่ง ในถ้ำมีโครงกระดูก ที่อยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว ถึงนี้พบเจอบนโครงกระดูก”อาจารย์โอบนิธิอธิบาย
รพีพงษ์ไตร่ตรองสักครู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เรื่องที่จะเจอของดีหรือของลี้ลับในถ้ำนั้น เขาไม่มีทางเชื่อ คิดว่าเรื่องแบบนี้มีแค่ในนิยายเท่านั้น แต่หลังจากที่ได้เข้ามาในโลกของศิลปะการต่อสู้แล้วนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้
เพราะศิลปะการต่อสู้และตระกูลส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลบซ่อน บางสำนักถึงขั้นย้ายไปในป่าลึก ในถ้ำมีของแบบนี้เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่รพีพงษ์ค่อนข้างแปลกใจว่าโครงกระดูกในถ้ำนั้นมาได้ยังไง ในถุงนี้ ใช้เพิ่มพลังให้กับคนแล้วยังมีผลข้างเคียงคือจะมีพลังเกินไปอีก นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาพึงจะมี
ไม่คิดมาก รพีพงษ์มัดถุงนั้นไว้ ติดไว้กับร่างกายของตัวเอง
อาจารย์โอบนิธิเห็นรพีพงษ์หยิบของพวกนี้ไป ก็มีความหวังขึ้น แล้วกล่าว “ฉันได้ให้ของรักทุกอย่างไปกับคุณแล้ว ตอนนี้ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”
รพีพงษ์หันไปมองอาจารย์โอบนิธิ กล่าว “ใครบอกมึงว่ากูเอาของพวกนี้ไป แล้วจะปล่อยมึง?”
สีหน้าของอาจารย์โอบนิธิเปลี่ยนไป แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “แกไอ้เลวทรามต่ำช้า หลอกกู!”
“ต่ำช้า? ถ้าพูดจริงๆ แค่นี้มันเทียบกับสิ่งที่มึงทำไม่ได้หรอก? มึงทำความชั่ว ผู้หญิงเหล่านี้ถุกมึงทำลาย มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไป?”
“กูจะพามึงออกไป ให้คนภายนอกได้เห็น มึงไอ้พระอรหันต์อะไรนั่น น่ารังเกียจมากขนาดไหน!”