พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่77
บทที่77 ใครกล้าให้ฉันหย่ากับเธอ
เจตนิพัทธ์คิดไม่ถึง ว่าเธียรวิชญ์จะมาปรากฏตัวจริงๆ และที่เขาพูดเมื่อกี้เธียรวิชญ์ก็ได้ยินหมดแล้ว ทำให้เขา รู้สึกเสียวสันหลังว๊าบ
เขากลืนน้ำลาย มองเธียรวิชญ์อย่างนอบน้อม เอ่ยปาก ขึ้น”ท่าน ….ท่านประธาน ท่านมาได้อย่างไรครับ เมื่อกี้ ผมแค่ล้อเล่นกับไอ้สวะนี้เท่านั้นเอง”
“นายว่าใครเป็นไอ้สวะ”เธียรวิชญ์ถามโดยที่สีหน้ายัง ไม่เปลี่ยน ความเก่งกาจของรพีพงษ์เขารู้ดี นอกจากนี้ ทุกอย่างของเขาในตอนนี้รพีพงษ์ให้มาทั้งนั้น เขาจึงทน ไม่ได้ที่ใครจะว่ารพีพงษ์ไม่ดี
เจตนิพัทธ์คิดว่าเธียรวิชญ์กำลังถามว่ารพีพงษ์เป็นใคร เขาจึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ บอกกับเธียรวิชญ์ว่า”ท่าน ประธานครับ คนๆนี้คือไอ้สวะที่มาจากเมืองริเวอร์ วันนี้ มันบุกรุกห้องทำงานผมครับ คิดจะขโมยเอกสารลับของ บริษัทเรา เมื่อกี้ผมกำลังจะเก็บมัน ท่านก็มาพอดี”
“ท่านจะต้องจัดการไอ้สวะนี่อย่างหนักเลยนะคะ ไม่งั้น ความลับขององค์กรเรา จะโดนขโมยไป”
พอเธียรวิชญ์เห็นเจตนิพัทธ์พูดแบบนี้ ในใจรู้สึก เดือดดาลขึ้นมา บังอาจพูดถึงผู้มีพระคุณแบบนี้ ดูท่าวัน นี้ไม่สั่งสอนไม่ได้เสียแล้ว
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมือขึ้น ตบลงบนหน้าเจตนิ
พัทธ์หนึ่งฉาด ด่ากราดว่า”ฉันว่านายต่างหากที่เป็นสวะ นายมีสิทธิมาพูดอะไรในนี้ด้วยหรือไง” เจตนิพัทธ์คิดไม่ถึงว่าเธียรวิชญ์จะลงมือกับตน ในใจก็
รู้สึกขึ้นบังคับ แต่ว่าก็ไม่กล้าต่อ
ต้านเธียรวิชญ์ ต่อให้โดนตี ก็ยังคงยิ้มเจื่อนๆให้เรียร
วิชญ์
“ท่านประธานพูดถูกครับ ผมไม่มีสิทธิพูดที่นี่ ท่าน ประธานตบลงมาก็ถูกแล้ว”เจตนิพัทธ์เออออห่อหมกด้วย
เธียรวิชญ์จ้องเขม็งไปที่เจตนิพัทธ์อย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงมองรพีพงษ์ ยิ้มให้พูดว่าไม่เป็นไรนะ”
รพีพงษ์ส่ายหน้า พูดขึ้น”ให้เขาออกไปก่อนเถอะ”
เธียรวิชญ์พยักหน้า จากนั้นจึงถีบก้นเจตนิพัทธ์ออกไป พูดขึ้น”ได้ยินหรือยัง ไสหัวออกไปซะ”
เจตนิพัทธ์ไม่กล้าหือ จึงรีบไสหัวออกไปจากออฟฟิศ
อย่างทุลักทุเล
เธียรวิชญ์เดินไปหยุดข้างรพีพัทธ์ ค้อมเอวแล้ว ยิ้ม”เจตนิพัทธ์มันไม่รู้สถานภาพของพี่ ก็เลยไม่ค่อย เกรงใจ ถ้าพี่ไม่สบอารมณ์ ผมจะจัดการให้”
“เอาหนังสือสัญญานี่ให้ผมก่อนเถอะ เรื่องของเจตนิ พัทธ์ค่อยว่ากัน”รพีพงษ์พูด
เธียรวิชญ์พยักหน้า พร้อมกับหยิบเอกสารออกมาจาก กระเป๋าเอกสาร
ด้านนอกประตูสำนักงาน เจตนิพัทธ์กุมหน้ากุมก้ันไว้ สีหน้าไม่สบอารมณ์
“ซวยจริง ท่านประธานมาเวลานี้ได้ไง ไอ้รพีพงษ์ก็โชค ดีจริงๆ ดูท่าเขาสองคนจะรู้จักกันจริงๆ แต่ก็ไม่น่าจะลึก ซึ้ง”
“แม่งเอ๊ย รอให้ท่านประธานไปก่อนเถอะ จะเก็บ
ไอ้
สวะอย่างรพีพัฒน์ให้หนักเชียว ถ้าไม่ใช่มัน จะโดนตบ
มาฉาดใหญ่เหรอ”
หลังจากที่เจตนิพัทธ์บ่นพึมพำ มาตอนนี้เขาเองก็ยังไม่ เชื่อว่ารพีพงษ์เป็นคนเรียกเธียร
วิชญ์มา คิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
สำหรับความสัมพันธ์ของรพีพงษ์กับเธียรวิชญ์ เจตนิ พัทธ์ยังคงฟันธงว่าพวกเขาสองคนอย่างมากก็แค่รู้จัก กัน อย่างไรก็ตามเธียรวิชญ์ก็เป็นถึงประธานบริษัทของ บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ป คงจะไม่ลดตัวลงมาเสวนากับไอ้ สวะหรอก
“เอาเป็นว่าตำแหน่งผู้จัดการของกูจะไม่หลุดไปเพราะ เรื่องโง่ๆแบบนี้แน่ ขอแค่โครงการนี้ยังอยู่ในมือกู ไม่ช้าก็ เร็วอารียาก็ต้องตกเป็นของกู รพีพงษ์ ฝากไว้ก่อนเถอะ ถึง ต้องมีวันที่ถึงเสียใจ”
เธียรวิชญ์จัดหนังสือสัญญาให้ดี ส่งให้รพีพงษ์ พอรพี พงษ์อ่านหนังสือสัญญาคร่าวๆ จึงเปิดปากถาม”แบบนี้โอ เคแล้วไหม”
เธียรวิชญ์พยักหน้าพูดขึ้น”ขอแค่ให้มีคนในตระกูล ฉัตรมงคลเซ็นชื่อลงในหนังสือสัญญาฉบับนี้ หนังสือก็ จะมีผลทันที โครงการนี้ก็ขอมอบให้ตระกูลฉัตรมงคล แล้วกัน”
รพีพงษ์พยักหน้า เก็บหนังสือสัญญา รอกลับไปให้วารี ยาเซ็นชื่อ
ต่อมาเขาก็เล่าเรื่องเจตนิพัทธ์ให้เธียรวิชญ์ฟัง พอ เธียรวิชญ์ได้ฟัง ก็ทำสีหน้าประหลาดใจ คิด
ไม่ถึงว่าเจตนิพัทธ์จะอาศัยจังหวะโครงการนี้ สอด แทรกเรื่องตัวเมียของรพีพงษ์
ด้วยอารมณ์ของเธียรวิชญ์แล้ว แน่นอนว่าเขาไม่เก็บ คนอย่างเจตนิพัทธ์ไว้ในบริษัทแน่
หากแต่รพีพงษ์เป็นฝ่ายรั้งเอาไว้ บอกว่าก็แค่ถอนจาก ตำแหน่งผู้จัดการก็พอ
เขาไม่อยากให้เจตนิพัทธ์รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของตัวเอง เลยแม้แต่น้อย แค่ถอดออกจากผู้จัดการ เจตนิพัทธ์ก็คง คิดว่ารพีพงษ์รายงานเธียรวิชญ์แล้วล่ะ คงรายงานว่า ความสามารถทางการทำงานของเขาไม่เพียงพอ
เธียรวิชญ์พยักหน้า สำหรับคำสั่งของรพีพงษ์ เขา ปฏิบัติตามเคร่งครัดเสมอ
ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นเจตนิพัทธ์ยืนอยู่
ข้างๆ
พอเจตนิพัทธ์เห็นเธียรวิชญ์ออกมา ก็รีบรุดหน้าขึ้นไป
รับ
“เรื่องที่เหลือก็มอบให้นายแล้วกัน พี่ไปก่อน”รพีพงษ์ เปิดปากพูด
เธียรวิชญ์พยักหน้า ส่งรพีพงษ์เข้าลิฟต์
หลังจากที่เขาหันหน้ามองเจตนิพัทธ์ เจตนิพัทธ์ก็รีบ ยิ้มขึ้น “ท่านประธานครับ ผมสั่งให้คนไปจัดเตรียมน้ำชา ให้นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก นับแต่วันนี้ นายไปเป็นหัวหน้าแผนก บุคคล ตำแหน่งผู้จัดการฉันจะจัดหาคนใหม่ โครงการนี้ นายก็อย่าเข้ามาแทรกแซงเลย ต่อไประวังหน่อย บริษัท เราไม่รับบุคลากรไร้ความสามารถ”เธียรวิชญ์พูดด้วยน้ำ เสียงเย็นชา
เจตนิพัทธ์รู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาดฉับพลัน เขาตัว แข็งที่อไปทั้งตัว
“ท่านประธานครับ ทำไมล่ะครับ ผมก็ดูแลบริษัทได้ดีนี่ ครับ” เจตนิพัทธ์พูดอย่างร้อนรน
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดมากแล้ว ไปรายงานตัวที่ฝ่ายบุคคลไป ฉันจะบอกพวกเขาเอง”
เธียรวิชญ์ไม่ได้สนใจเจตนิพัทธ์อีก หมุนตัวกลับเข้า เจตนิพัทธ์ยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าผิดหวัง เขาคิดไม่
ลิฟต์ไป
ถึงว่า เพียงเพราะรพีพงษ์มาแค่ครั้ง
เดียว ก็จะทำให้ตัวเขาหลุดจากตำแหน่งผู้จัดการเสีย แล้ว
“ไอ้บ้ารพีพงษ์ นายจะต้องพูดจาให้ร้ายต่อหน้าท่าน ประธานแน่ๆเลย ไอ้บ้าสมควรโดนมีดแทงสักพันเล่ม ก กับมึงอยู่ร่วมกันไม่ได้แล้วล่ะ!
เสียงคำรามสิ้นหวังของเจตนิพัทธ์ดังก้องไปทั่วทาง เดิน และในเวลานี้ ไม่มีใครมาสนใจ
เขาสักคน
คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล
อารียากำลังเดินพลุ่งพล่านอยู่ในห้องรับแขก วันนี้เธอ อยู่ที่บริษัท แต่จู่ๆนภทีป์ก็เรียกเธอมา ทำให้เธอรู้สึกไม่ ค่อยสงบใจ
สำหรับวันนี้ตอนที่อยู่ที่บริษัท เธอก็ได้ยินเสียงคน วิพากษ์วิจารณ์แล้ว บอกว่านภทีปจะให้เธอเลิกกับรพี พงษ์ แล้วแต่งกับเจตนิพัทธ์
!
เดิมที่เธอคิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอนภทีป์เรียกเธอมา จู่ๆเธอก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา
ไม่นานนัก นภทีป็ก็ลงมาจากช้างบน ส่วนคนที่อยู่ ข้างๆเขา คือชริทร์ทิพย์ผู้ที่ชักสีหน้าเจตนาไม่ดี
ชริทร์ทิพย์ยิ้มให้นภทีป์ ด้วยสายตาทีเล่นที่จริง
พออารียาเห็นรอยยิ้มของชรินทร์ทิพย์ ในใจก็รู้สึก ตุ้มๆ ต่อมๆ
พอนภทีปนั่งลงบนโซฟา อารียาจึงรีบรุดหน้า เปิดปาก ถาม”คุณปู่คะ เรียกหนูมาทำไมหรือคะ มีธุระอะไรหรือ คะ”
นกทีปมองชรินทร์ทิพย์ แล้วเอ่ยปากถาม “แคลร์ โครงการของซันบับเบิลคุยไปถึงไหนแล้ว”
อารียารู้สึกตึงเครียด สองมือกำแน่น
“ยัง ….ยังคุยไม่เสร็จเลยค่ะ”
นภทีป์แค่นเสียงเย็นชา เปิดปากพูด”ปู่เคยบอกแล้ว โครงการนี้สำหรับตระกูลฉัตรมงคลของเรา มันสำคัญ มาก ถ้าหลานคุยไม่สำเร็จ ต่อไปไม่ต้องเข้าบ้านตระกูล ฉัตรมงคลแล้ว”
“คุณปู่คะ ขอเวลาหนูอีกหน่อยเถอะ หนูจะพยายาม ค่ะ”อารียาวอนขอ
ชรินทร์ทิพย์ที่อยู่ข้างๆรีบพูดค่อนแคะ”เลิกตอแหลสักที่เถอะ เธอคิดว่าคุณปู่ไม่รู้เหรอว่าเธอจะคุยโครงการนี้ ไม่สำเร็จ ฉันเคยได้ยินมาแล้ว ผู้จัดการของตระกูล ฉัตรมงคล จะให้เธอหย่ากับรพีพงษ์ แล้วแต่งกับเขา เขา ถึงจะยอมยกโครงการนี้ให้ตระกูลฉัตรมงคลของเรา”
อารียาร้อนรนขึ้นมา เปิดปากพูด “พูดจาเลอะเทอะ ไม่มีเรื่องแบบนี้! ”
“เชอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เรื่องนี้เจตนิพัทธ์เป็นคน บอกฉันเอง”ชรินทร์ทิพย์ไม่ลดละ
“คุณปู่คะ อย่าไปฟังค่ะ ไม่มีเรื่องแบบนี้”อารียารู้ถึง ผลลัพธ์ว่าถ้านภทีป์รู้เรื่องนี้เข้าจะเป็นอย่างไร เลยร้อน ใจมาก
“พอแล้ว แคลร์ ไม่ต้องปิดบังปู่แล้ว”นภทีปักล่าว
“ตอนที่แกแต่งกับรพีพงษ์เป็นความต้องการของย่าแก ปู่ไม่ก้าวก่าย แต่ตอนนี้ย่าแกไม่อยู่แล้ว ต่อให้แกเลิกกับ รพีพงษ์ก็ไม่มีใครว่าอะไร”
“เธอเป็นหลานสาวที่โดดเด่นในตระกูลฉัตรมงคล แต่ง กับสวะอย่างรพีพงษ์ มันไม่ยุติธรรมเกินไป ปู่เห็นว่าเจต นิพัทธ์อายุน้อย มีอนาคตดี อายุแบบนี้ก็เป็นผู้จัดการซัน บับเบิลได้แล้ว คู่ควรกับแก”
“พอแกกลับไปแล้ว ก็บอกรพีพงษ์ด้วยนะ แล้วไปเซ็น หย่าด้วย แล้วปู่จะคุยเรื่องแกกับเจตนิพัทธ์เอง แบบนี้ก็ดี ต่อแกด้วย ดีต่อตระกูลฉัตรมงคลด้วย ดีต่อส่วนรวม”
นกที่ป์แทบจะไม่ฟังความเห็นของอารียาเลย ตัดสินใจ แทนเธอทั้งหมด
พออารียาได้ฟัง ก็รีบส่ายหน้า เปิดปากพูด”คุณปู่คะ ความสัมพันธ์ของหนูกับรพีพงษ์ดีมาก ไม่ต้องหย่า เรื่อง แต่งงานของหนู ให้หนูตัดสินใจเองเถอะค่ะ”
นภทีปัจ้องอารียาเขม็ง แล้วพูดขึ้น”ปู่หวังดีกับแก สวะ อย่างรพีพงษ์มีอะไรดี แค่เห็นก็รำคาญลูกตา พัฒนา ตระกูลฉัตรมงคลไม่ได้ เพราะตัวซวยอย่างมัน แกจะ ต้องหย่า! ”
สีหน้าอารียาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขารู้ว่านภทีป์ เปรียบดังเป็นสวรรค์ของตระกูลฉัตรมงคล เธอแทบจะ ไม่มีโอกาสปฏิเสธ
“คุณปู่คะ เจนยังไม่ได้แต่งงาน เจตนิพัทธ์ต้องยินดี แต่งกับเธอแน่ ให้เจนแต่งเถอะค่ะ”จู่ๆอารียาเปิดปากพูด
ชรินทิพย์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเปิดปากพูด”อย่ามาซี้ซัวะ พูดตรงนี้นะ ฉันจะต้องแต่งเข้าบ้านเศรษฐี จะไปแต่งกับ เจตนิพัทธ์ได้ไง เธอไม่ต้องคิดไปเลย”
นภทีปีป์พยักหน้าพูดขึ้น”เรื่องนี้ก็เอาตามนี้แล้วกัน แก กลับไปหย่ากับรพีพงษ์ ถ้าไม่หย่า ต่อไปก็ไม่ต้องเข้า ตระกูลฉัตรมงคลอีก”
พูดจบก็ลุกขึ้นเดินขึ้นบ้านไป
สีหน้าอารียาเต็มไปด้วยความผิดหวัง น้ำตาไหล
เธอไม่เข้าใจ ชีวิตตัวเองแท้ๆ ทำไมต้องให้คนอื่นวาง
หมากด้วย
ในตอนที่เธอคิดว่าโอกาสกำลังพลิกผลัน เงาร่างผอม ก็เดินเข้ามาในคฤหาสน์
รพีพงษ์!
“ผมรพีพงษ์จะมีอารียาเป็นภรรยาคนเดียวครับ ผมจะ ดูว่าใครจะกล้าให้ผมหย่ากับเธอ! “