พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่797 แดนดั่งเทพ
บทที่797 แดนดั่งเทพ
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาจารย์แล้วนั้น ก็ชะงัก เขามองว่า พลังวิเศษเสนถ้าเทียบกับเน่ยจิ้ง แข็งแกร่งมากกว่าหลายเท่า นี่น่าจะเป็นวิชาที่ผู้เรียนศิลปะการต่อสู้อยากฝึกฝนมากที่สุด
ไม่ว่าฝีมือเป็นอย่างไร หลังจากที่รู้เกี่ยวกับพลังวิเศษเสนแล้วนั้น ต้องหาวิธีฝึกฝนมันแน่นอน เพราะเมื่อถ้ามีพลังวิเศษเสน นั่นหมายถึงฝีมือจะเก่งกาจกว่าคนอื่นถึงสิบเท่า แม้จะตั้งใจฝึกฝนเน่ยจิ้งมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้แบบนี้
ตอนนั้นหลังจากที่ชินาธิปรู้ว่าในตัวรพีพงษ์มีพลังวิเศษเสนอยู่นั้น แม้แต่ความแค้นที่มีต่อนันยชก็ไม่ล้างแค้นแล้ว ร้องขอให้รพีพงษ์สอนพลังวิเศษเสนให้กับเขา แค่เท่านี้ก็รู้แล้วว่าพลังวิเศษเสนดึงดูดผู้คนมากมายขนาดไหน
แต่ทว่าตอนนี้รพีพงษ์อยากสอนพลังวิเศษเสนให้กับอาจารย์ แต่อาจารย์กลับปฏิเสธเขา นี่ทำให้เขามึนงงไปชั่วขณะ
“อาจารย์ เน่ยจิ้งเทียบไม่ได้กับความมหัศจรรย์ของพลังวิเศษเสนนั้น ถ้าคุณฝึกฝนพลังวิเศษเสน ความสามารถจะไม่ได้เพิ่มแค่ขั้นเดียวเท่านั้น แม้จะพูดว่านี่คือโอกาสของผม แต่อาจารย์เป็นคนสอนความสามารถให้ผมทั้งหมด ผมบอกวิธีการฝึกฝนพลังวิเศษเสนให้กับอาจารย์ เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว” รพีพงษ์กล่าว
อาจารย์ยิ้ม แล้วกล่าว “แกมีความคิดนี้ก็พอแล้ว แต่พลังวิเศษเสนสำหรับฉัน ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายนักแล้ว” อาจารย์กล่าว
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของอาจารย์ ก็เกิดตกใจขึ้นทันใด ที่อาจารย์พูดว่าพลังวิเศษเสนไม่มีประโยชน์อะไรกับเขาไม่นัก งั้นก็น่าจะเป็นไปได้ว่า ฝีมือของอาจารย์ได้ไปไกลกว่าระดับปรมาจารย์แล้ว ดังนั้นพลังวิเศษสำหรับอาจารย์แล้ว ความสามารถของเขาได้ไปถึงขั้นที่คนธรรมดาทั่วไปคิดไม่ถึงแล้ว ดังนั้นสำหรับเขาพลังวิเศษเสน ไม่มีประโยชน์อะไรมากแล้ว
ภายในระยะเวลาอันสั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าอาจารย์ในสายตาเขา ได้มีความลึกลับเพิ่มขึ้นอีก
ตอนนั้นที่รพีพงษ์ถามอาจารย์ว่าเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์หรือไม่ อาจารย์ตอบว่านั้นเป็นเรื่องเมื่อกว่าสามสิบปีที่แล้ว กลับไม่ได้ยอมรับว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือปรมาจารย์
รพีพงษ์คิดว่าฝีมืออาจารย์อยู่ระดับปรมาจารย์ เพราะตอนนั้นที่เขาเพิ่งรู้จักปรมาจารย์ จะไปคิดได้ไงว่ายังมีขั้นที่สูงกว่าระดับปรมาจารย์
ตอนนี้อาจารย์พูดแบบนี้ รพีพงษ์ก็มั่นใจ ว่าฝีมือของอาจารย์ ต้องสูงกว่าระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน
และก็ไม่รู้ว่าความสามารถของอาจารย์น่ากลัวมากมายขนาดไหน รพีพงษ์ยังหวังว่าจะมีโอกาสได้ดูอาจารย์แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ออกมา ไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เห็นหรือไม่
“อาจารย์ ฝีมือของคุณ เกินกว่าระดับปรมาจารย์ ไปถึงขั้นที่สูงกว่าแล้วใช่หรือไม่?” รพีพงษ์ถาม
อาจารย์ยิ้ม กล่าว “สูงกว่าระดับปรมาจารย์ มีที่ระดับสูงกว่านั้นจริงๆ”
รพีพงษ์ได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ แวบแรกก็คิดว่า อาจารย์ไม่ได้ตอบเขาโดยตรง นี่หมายถึง ยังมีระดับสูงกว่าปรมาจารย์จริงๆ แต่อาจารย์จะเป็นระดับนั้นไหม มิอาจรู้ได้
จากประสบการณ์ แม้ตอนนี้อาจารย์จะบอกว่าตัวเองอยู่ระดับสูงกว่าปรมาจารย์ รพีพงษ์ก็ไม่สงสัย
แต่อาจารย์พูดแบบนี้ เพราะไม่อยากบอกว่าตัวเองอยู่ระดับไหนแน่นอน ดังนั้นรพีพงษ์ก็ไม่กล้าถามคำถามนี้
“ฉันได้ดูวิดีโอที่วันนั้นแกต่อสู้กับบดีศวรแล้ว ในตอนสุดท้าย หมัดนั้นของแก เต็มเปี่ยมด้วยออร่า ใช่ไหม?” อาจารย์ถาม
รพีพงษ์พยักหน้า แม้ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ถามคำถามนี้ แต่นี่ทำให้รพีพงษ์สงสัยเป็นอย่างมาก
ในเว็บไซต์สามารถเห็นวิดีโอนี้ได้ทั่วไปใช่ไหม รพีพงษ์ต้องคิดว่าตัวเองมโนไปอย่างแน่นอน
“เอาจริงๆ ผมแอบสงสัยว่าออร่าที่ถูกปล่อยออกไปนั้นเป็นความมโนของผมเองเสียอีก เพราะการต่อสู้ทั่วไป จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นได้อย่างไร” รพีพงษ์กล่าว
อาจารย์ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “สิ่งที่แกเห็น ไม่ใช่จินตนาการ ดูที่มือฉัน”
รพีพงษ์มองอาจารย์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่าอาจารย์จะมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ใช่จินตนาการ
เขาก็มหน้ามองที่มือของอาจารย์ อยากรู้ว่าอาจารย์จะให้เขาดูอะไร
นิ้วของอาจารย์ราวกับมีด แล้วชี้ไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ถาม “รับรู้อะไรได้บ้างไหม?”
รพีพงษ์ดูที่มือของอาจารย์อย่างขะมักขะเม่น พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่อยู่บนมือของอาจารย์ มีพลังมหาศาลรวมกันอยู่ พลังมหาศาล เกรงว่าจะมากกว่าวันนั้นที่รพีพงษ์ปล่อยออกมาเสียอีก
เขาตะลึง พลังที่ร้ายกาจขนาดนี้ อาจารย์สามารถควบคุมได้อย่างไร้ที่ติ เพียงแค่เรื่องการควบคุม ตอนนี้รพีพงษ์ก็เทียบไม่ได้แล้ว
ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจ้องมองอยู่ที่มือของอาจารย์ ปากของอาจารย์ก็ทำมุมแสดงออกถึงการมีเลศนัย จากนั้น รพีพงษ์ก็ได้เห็นบนนิ้วสองนิ้วของอาจารย์ มีออร่าปรากฏขึ้นมาทันใด และยังดูชัดเจนอีกด้วย ชัดเจนกว่าที่เขาทำได้ในวันนั้นเป็นร้อยเท่า
“เป็น…..เป็นไปได้ไง!” รพีพงษ์ส่งเสียงตกใจ
อาจารย์ขยับนิ้วสองนิ้วนั้น ออร่าที่ราวกับมีดนั้นได้บางเบาลง มีเสียงดังกระหึ่มขึ้น จากนั้น รพีพงษ์ก็เห็นบนดินปรากฏช่องยาวๆ ทำเอาตะลึงไปตามๆกัน
รพีพงษ์ยืนขึ้น มองไปที่อาจารย์อย่างคาดไม่ถึง มีแต่เรื่องที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงตอนนี้ก็ตะลึงจนอ้าปากค้าง
อาจารย์เห็นรพีพงษ์ตะลึง ก็กล่าว “เมื่อกี๊ฉันแค่แสดงให้แกดู แกคงไม่อยากให้ฉันซ่อมแซมสนามให้หรอกนะ?”
“ไม่……ไม่ครับ” รพีพงษ์จ้องอาจารย์อย่างตะลึง ไม่คาดคิดว่าอาจารย์ไม่มีแค่สามารถควบคุมออร่าในมือได้ ความสามารถนี้ทำให้คนตะลึงได้จริงๆ ไม่แปลกที่ตระกูลใหญ่ทั้งหกไม่อยู่ในสายตาของอาจารย์ การกระทำเมื่อกี๊ แม้จะเป็นยอดฝีมือประมาจารย์ ก็เกรงว่าจะเอาไม่อยู่
เดิมทีเขาคิดว่าพลังวิเศษเสนของเขาเก่งกาจแล้ว ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เขายังห่างจากความเก่งกาจที่แท้จริง อยู่มาก
“อาจารย์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม การโจมตีของอาจารย์เมื่อกี๊ ชั่งน่ากลัวได้ขนาดนี้?” รพีพงษ์รีบถาม
อาจารย์ได้เก็บออร่าในนิ้วของตัวเอง ยิ้มพลางกล่าว “นี่ นี่คือความสามารถที่ระดับปรมาจารย์ทำได้ ในการต่อสู้ครั้งนั้นของแก ตอนสุดท้าย ได้ไปถึงขั้นนี้แล้วเล็กน้อย ดังนั้นในมือจึงได้มีออร่าเกิดขึ้นมา”
ทันใดนั้นรพีพงษ์ ก็ไม่คาดคิดว่าพลังของตัวเองจะไปถึงระดับที่น่าเกรงขามนี้แล้ว ยากนักที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นได้
แต่เพียงแค่แม้หมัดนั้นจะร้ายกาจขนาดไหน ก็ไม่ร้ายกาจเท่าพลังที่อาจารย์แสดงออกมาอย่างใจชอบได้
“อาจารย์ นี่มันระดับไหนกันแน่? ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้?” รพีพงษ์พยายามกดความตื่นตระหนกที่มีในใจของตัวเองไว้ แล้วมองไปที่อาจารย์พลางถาม
“ระดับนี้คือแดนดั่งเทพ มาถึงแดนนี้ได้ ปล่อยเน่ยจิ้ง ฆ่าคนผ่านอากาศ และสามารถควบคุมเน่ยจิ้งได้ สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า”
“เน่ยจิ้งแปรสภาพ ยอดเยี่ยมที่สุด คือแดนดั่งเทพ”