พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ
บทที่799 พ่อบ้านมืออาชีพ
อาจารย์เห็นปฏิกิริยาของรพีพงษ์ จึงยิ้มพลางถามว่า “ทำไม แกรู้จักกลุ่มสิงโตหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับกลุ่มสิงโตให้ฟัง และบอกถึงมีคนของกลุ่มสิงโตอยากให้ตนเข้าร่วมกลุ่มด้วย
หลังจากที่อาจารย์ได้ยินแล้วนั้น ยิ้มพลางกล่าว “ดูๆไปการไปหาหยกโยงจิตที่กลุ่มสิงโตจะยากกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเสียอีก ในเมื่อพวกเขาอยากให้แกเข้าร่วม รอให้แกติดต่อกลุ่มสิงโตได้ก่อน อยากหาหยกโยงจิตให้เจอ ก็ไม่ยากอะไรแล้ว”
“แต่พ่อของผมได้ย้ำไว้แล้วว่าอย่าหาเรื่องคนของกลุ่มสิงโต ไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับกลุ่มสิงโตมากน้อยแค่ไหน?” รพีพงษ์กล่าว
อาจารย์มีท่าทางตรึกตรอง กล่าว “พ่อของแกบอกแกว่าอย่าไปหาเรื่องคนของกลุ่มสิงโต อาจเพราะรู้ความร้ายกาจของกลุ่มสิงโต กลัวว่าแกจะทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเข้า ไม่ใช่เป็นเพราะกลุ่มสิงโตมีปัญหาอะไร”
“ตามที่ผมเข้าใจ ทั้งประเทศจีนพูดได้ว่ากลุ่มสิงโต เป็นกลุ่มที่ระดับต้นๆของโลก เทียบกับตระกูลใหญ่เหล่านั้นแล้ว บริสุทธิ์กว่ามาก รักษาศิลปะการต่อสู้ตลอดมา ปรมาจารย์เน่ยจิ้ง ก็อยู่ในกลุ่มของกลุ่มสิงโต”
ได้ยินคำพูดนี้ของอาจารย์ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว ไม่คาดคิดว่าปรมาจารย์เน่ยจิ้งจะเป็นของกลุ่มสิงโต
ถ้าดูตามนี้ ความสามารถของกลุ่มสิงโต ก็ไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะผู้ที่ยอมที่ตะปกป้องศิลปะการต่อสู้ไว้นั้น ไม่มีความคิดชั่วร้ายแน่นอน
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ที่พ่อเตือนเขาไว้ในตอนนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะความสามารถของกลุ่มสิงโตเก่งกาจจริงๆ จึงกลัวเขาจะไปมีปัญหากับคนของกลุ่มสิงโตโดยไม่ตั้งใจ
“นอกจากกลุ่มสิงโตจะรักษาศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้อีกมากมายที่แกไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งที่แกเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้หยุดไว้เพียงแค่เปลือกนอนเท่านั้น ถ้าแกมีโอกาส การได้เข้าร่วมกลุ่มสิงโตก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่แย่นะ อย่างมากแกก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับใบนี้มากขึ้นไปอีก” อาจารย์พูดต่อ
รพีพงษ์พยักหน้า รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้ระวังกลุ่มสิงโตไว้อยู่บ้างจริงๆ
แล้วหลังจากที่ได้เห็นอาจารย์แสดงพลังออกมาแล้วนั้น รพีพงษ์รู้สึกได้ว่าตัวเองยังรู้จักกับโลกนี้น้อยไป ถ้ามีโอกาสล่ะก็ เขาก็อยากจะรู้ความลับของโลกนี้ให้มากขึ้นไปอีก
เสียดายเขาไม่รู้ว่าคนของกลุ่มสิงโตอยู่ที่ไหน ทำได้เพียงรอคนของกลุ่มสิงโตมาหาเขาในครั้งต่อไปแล้วค่อยถาม
“สิ่งที่ควรพูดก็พูดใกล้จะหมดแล้ว ฉันมีเวลามากสุดก็สามปี หากภายในสามปี รวบรวมหยกโยงจิตไม่ครบ ฉันทำได้เพียงเผชิญกับภัยพิบัตินั้นแล้ว” อาจารย์กล่าวอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“อาจารย์ สบายใจได้ ผมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาหยกโยงจิตที่เหลือมาให้อาจารย์ให้ได้” รพีพงษ์กล่าวอย่างหนักแน่น
อาจารย์พยักหน้า จากนั้นก็หยิบหยกที่อยู่ในมือยื่นให้รพีพงษ์ กล่าว “หยกโยงจิตนี้แกเอาไว้ พกติดตัวไว้ก่อน มีประโยชน์ต่อจิตใจ เพิ่มความเร็วของปฏิกิริยาโต้ตอบและความคิด เป็นสิ่งที่หาได้ยาก”
รพีพงษ์ไม่ปฏิเสธ ยื่นมือไปรับหยกโยงจิตนั้น เพราะเขาต้องค้นหาหยกโยงจิต ต้องรู้ว่าหยกโยงจิตมีลักษณะเป็นอย่างไร มีตัวอย่างอยู่กับตัวก็จะสะดวกขึ้นมานิดนึง
หลังจากที่อาจารย์ได้บอกกล่าวต่อรพีพงษ์หมดแล้ว ก็ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ต่ออีกสองวัน และได้ส่งให้ปวัตปวิชพี่น้องทั้งสองอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์ต่อในช่วงนี้ ฟังคำสั่งรพีพงษ์
แฝดทั้งสองคนเรียนศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ ไม่เคยได้ผ่านโลกมาก่อน ดังนั้นจึงดีใจที่ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์ต่อไป
สิ่งสำคัญที่สุดตระกูลลัดดาวัลย์เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเกียวโต มีเงินมีอำนาจ ช่วงหลายวันมานี้ทั้งคู่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์อย่างค่อนข้างสบาย ตอนนี้ถึงแม้รพีพงษ์จะไล่พวกเขาทั้งคู่ไป พวกเขาทั้งสองก็ไม่อยากไปแล้ว
สองวันให้หลัง อาจารย์จะต้องไปเตรียมตัวสำหรับภัยพิบัติอีกสามปีข้างหน้า ดังนั้นจึงเดินทางออกจากเกียวโต แล้วได้ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ ให้เขาเจอหยกโยงจิตแล้ว ก็ติดต่อเขาไป
หลังจากที่อาจารย์ได้ออกไปแล้ว รพีพงษ์ก็ได้บอกเรื่องที่ตนจะไปหาหยกโยงจิตให้กับอารียาฟัง
อารียาได้ยินก็ค่อนข้างไม่สบายใจ เพราะรพีพงษ์เพิ่งกลับมาได้ไมานาน ก็ต้องไปอีกแล้ว เธอรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่มาก
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ขวัญนลินเกือบจะไม่รู้แล้วว่าพ่อตัวเองเป็นใคร
รพีพงษ์ก็รู้ว่าที่ตัวเองทำนี้มันไม่ดีต่ออารียาและขวัญนลินสองแม่ลูก แต่บุญคุณของอาจารย์ล้นฟ้า เขาไม่สามารถมองดูอาจารย์เจอกับภัยพิบัติโดยไม่สนใจใยดีใดๆได้
เขาก็อยากมีชีวิตที่มีความสุขและปลอดภัยกับสองแม่ลูก แต่ความหวังแบบนี้ ทำได้เพียงรอให้นานกว่านี้หน่อยถึงจะเป็นจริงได้
เพื่อเป็นการชดเชยอารียาสองแม่ลูก รพีพงษ์สัญญาว่าจะอยู่กับพวกเขาหนึ่งเดือนเต็มๆ จากนั้นค่อยไปตามหาหยกโยงจิต
อารียารู้ว่ารพีพงษ์เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกคน ที่ใส่อารมณ์ก็แค่ชั่ววูบ ไม่มีทางขัดขวางไม่ให้รพีพงษ์ไปทำเรื่องของตัวเองได้ ดังนั้นไม่นานก็ยกโทษให้รพีพงษ์
เพื่อให้รพีพงษ์ได้รับรู้ความรู้สึกเป็นพ่อเพียงพอในขณะที่ขวัญนลินกำลังเติบโต ดังนั้นในช่วงหนึ่งเดือนที่รพีพงษ์อยู่ในบ้าน การกระทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับขวัญนลิน รพีพงษ์เป็นคนจัดการทั้งหมด
รพีพงษ์จะต้องเป็นพ่อบ้านเต็มตัวในช่วงหนึ่งเดือนนี้ มิเช่นนั้นอารียาจะไม่อนุญาตให้รพีพงษ์ออกไป
รพีพงษ์ตอบรับ รู้สึกว่าสิ่งที่อารียาขอนั้นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไร ก็แค่ดูแลลูกป้ะ เรียนรู้สักหน่อยก็ได้แล้ว
แต่ตอนที่รพีพงษ์ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนผ้าอ้อมของขวัญนลิน ถูกขวัญนลินเยี่ยวใส่ทั้งตัว ถูกขวัญนลินทำให้เป็นทุกข์ทั้งคืนจนนอนไม่หลับ เขาจึงได้รับรู้ถึงความยากลำบากในการเลี้ยงลูก
ความยากในการเลี้ยงเด็กเน่ยจิ้งขั้นกลาง ก็ยากพอๆกับการจะเป็นแดนดั่งเทพ
เมื่อรับรู้ถึงความยากลำบากตรงนี้แล้ว รพีพงษ์จึงจะรับรู้ได้ถึงสิ่งที่อารียาทำเพื่อครอบครัว ว่าไม่ต่างจากเขาเลย
หลังจากที่เอาลูกให้รพีพงษ์แล้วนั้น อารียารู้สึกเบาขึ้นเยอะ จึงฉวยโอกาสนี้ เดินซื้อของทุกวัน วิ่งออกกำลังกาย มาส์กหน้า เริ่มใช้ชีวิตผ่อนคลาย
ในขณะที่รพีพงษ์กำลังวุ่นอยู่กับการที่ขวัญนลินไม่กินข้าวอยู่นั้น อีกฝั่งหนึ่งของอาคารที่ห่างออกไปไม่ไกลจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์
ในห้องที่พื้นที่ไม่ใหญ่นัก ชายสวมชุดยาวสีดำยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่าง กำลังมองไปที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ที่อยู่ไม่ไกล
สักพัก ชายชุดดำ ได้ส่งเสียงออกมาว่า “รพีพงษ์ ช่วงนี้แกไม่เลวเลยนะ เลี้ยงลูกมีความสุขขนาดนี้”
“เสียดายเวลาของฉันไม่พอแล้ว คนของญี่ปุ่นกำลังจะมาถึงเกียวโต ฉันจะต้องจัดการแก ให้ได้ในช่วงเวลานี้”
“ฉันรู้ดีถึงช่วงเวลาที่ที่เมียแกออกจากบ้านในช่วงนี้แล้ว ฉวยโอกาสใช้ชีวิตช่วงที่มีความสุขนี้ไว้ให้ดีๆ เพราะ อีกไม่นานแกจะตายด้วยน้ำมือของฉัน!