พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่804 สำนักเทพยาเซียน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่804 สำนักเทพยาเซียน
บทที่804 สำนักเทพยาเซียน
รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของครองภพ ก็หันหน้าไปถามเขา ว่า “แกรู้จักสำนักเทพยาเซียน?”
ครองภพหยักหน้า กล่าว “ผมก็แค่เคยได้ยินข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับสำนักเทพยาเซียนมา กล่าวว่าสำนักเทพยาเซียนนี้เป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ ที่นั่นมีวัตถุดิบล้ำค่าในการทำยาอย่างมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีวัตถุดิบกว่าร้อยและพันปีอยู่ด้วย”
“นักกลั่นยาที่ฝีมือดีได้เปิดตำหนักอยู่ที่นั่น ได้ยินมาว่าสำนักเทพยาเซียนมีมากว่าร้อยกว่าปีแล้ว เป็นศูนย์รวมของยอดฝีมือ แล้วทุกคนก็ต่างผลิตยา แล้วสภาพแวดล้อมเป็นใจ บวกกับพวกเขามีพรสวรรค์ในการทำยา คนของสำนักเทพยาเซียนล้วยฝีมือเก่งกาจมาก แม้จะไม่มีคนที่มีพรสวรรค์ แต่พวกเขาก็สามารถพึ่งฝีมือของตัวเองผลักดันขึ้นไปได้
“ยาส่วนมากของสำนักเทพยาเซียนถูกขนานนามว่าเป็นยาวิเศษ มีคนใหญ่คนโตล้วนไปรักษาโรคที่สำนักเทพยาเซียน ได้ยินมาว่าเพียงแค่หาสิ่งของที่คนของสำนักเทพยาเซียนชอบ ก็สามารถแลกกับยาที่ตัวเองต้องการได้แล้ว”
“แต่นี่ก็เป็นเพียงข่าวลือ จริงหรือไม่ไม่มีใครรู้ ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะมีคนเรียกตัวเองว่าคนของสำนักเทพยาเซียน”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของครองภพก็คิดว่า เพียงแค่ดูจากชายชุดดำมอบยาให้กับห้าตระกูลใหญ่ สำนักเทพยาเซียนนี้ ก็พอจะดูออกแล้วว่ามีฝีมือมากขนาดไหน
ชายชุดดำได้ยินครองภพเล่าเรื่องเกี่ยวกับสำนักเทพยาเซียนแล้วนั้น ก็รู้สึกภูมิใจ รู้สึกว่าภูมิใจมากที่ตัวเองเป็นคนของสำนักเทพยาเซียน
“ความเก่งกาจของสำนักเทพยาเซียน ข่าวลือนี้ไม่ใช่จะอธิบายได้ทั้งหมด เหมือนกับตระกูลใหญ่ศิลปะการต่อสู้ทั้งหลาย ในสายตาฉันของสำนักเทพยาเซียน ก็เป็นแค่ตัวตลกเท่านั้นแหละ” ชายชุดดำกล่าว
ครองภพไม่พูดพร่ำทำเพลงตบไปที่หน้าของชายชุดดำหนึ่งฉาด กล่าว “กูให้มึงพูดหรอ?”
แม้ข่าวลือของสำนักเทพยาเซียนที่ได้ยินมาจะดูเก่งกาจจริง แต่ชายชุดดำนี้เป็นคนที่ถูกครองภพคาดคั้น ถ้าอยากตีก็ต้องตี มิเช่นนั้นถ้าความรุนแรงออกลงมา จะบีบยากแล้ว
ชายชุดดำอดกลั้น คิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ตัวเองใช้พลังไม่ได้ แล้วจะเห็นเน่ยจิ้งขั้นกลางได้ไงกัน
เน่ยจิ้งขั้นกลาง ของสำนักเทพยาเซียน ดูแลเรื่องทั่วไปแทนเขา
รพีพงษ์จ้องไปที่ชายชุดดำ ถาม “ในเมื่อเทพยาเซียนของพวกแกร้ายกาจขนาดนี้ มียอดฝีมือแดนดั่งเทพมั้ย?”
“แดนดั่งเทพ? คืออะไร?” ชายชุดดำชะงัก ดูออกว่าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแดนดั่งเทพมาก่อน
รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของชายชุดดำ ก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาคิดว่าคนของเทพยาเซียนที่หยิ่งยโสขนาดนี้ จะต้องเป็นแดนที่เก่งกาจแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่าชายชุดดำนี้จะไม่รู้ว่ามีแดนดั่งเทพอยู่ นั่นก็หมายถึงสำนักเทพยาเซียนเก่งกว่าตระกูลใหญ่ศิลปะการต่อสู้โบราณเล็กน้อยเท่านั้น
อาจเพราะจำนวนยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ของพวกเขามากกว่าตระกูลใหญ่พวกนั้นแค่เท่านั้นเอง
สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือ ยาของสำนักเทพยาเซียนบางทีอาจจะยอดเยี่ยมมากจริงๆก็ได้นะ สามารถให้คนธรรมดาพึ่งยานี้ดันขึ้นไปได้
ในขณะเดียวกันก็แสดงว่าแดนดั่งเทพที่หายาก สำนักเทพยาเซียนนี้มีความพิเศษแต่กลับไม่มีแดนดั่งเทพ ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าแดนดั่งเทพไม่มีทางพึ่งภายนอกได้
“บอกมาว่าสำนักเทพยาเซียนของแกมีแดนปรมาจารย์ทั้งหมดกี่คน” รพีพงษ์กล่าว
“สำนักเทพยาเซียนของฉันมีแดนประมาจารย์ทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน หนึ่งในนั้นมียอดฝีมือขั้นสุดยอดอยู่ห้าท่าน แบบฉันก็สิบคน แล้วก็เพิ่งเข้าแดนปรมาจารย์อีกห้าคน แม้จะบวกกับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหมดของหกตระกูลใหญ่ ก็ไม่เยอะเท่ากับสำนักเทพยาเซียนของฉัน” ชายชุดดำกล่าวอย่างสะใจ
รพีพงษ์และครองภพได้ยินแล้วนั้น ก็ไม่คาดคิดว่าสำนักเทพยาเซียนจะมียอดฝีมือแดนปรมาจารย์มากมายขนาดนี้ นี่มันเกือบครึ่งของวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยแล้ว
ความจริงรพีพงษ์คิดว่าสำนักเทพยาเซียนจะเก่งกาจ มียอดฝีมือแดนปรมาจารย์สักเจ็ดแปดคนก็แน่นแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีถึงยี่สิบเอ็ดคน ดูๆไปการพึ่งยา เพิ่มเพิ่มพลัง มันง่ายอย่างนี้นี่เอง
“ลูกพี่ สำนักเทพยาเซียนน่ากลัวไปแล้ว มียอดฝีมือแกนปรมาจารย์ตั้งยี่สิบกว่าคน ถ้าสำนักเทพยาเซียนเพ่งเล็งพวกเราล่ะก็ จบเห่แน่ ไม่งั้นเราปล่อยมันไปดีมั้ย?” ครองภพพูดกับรพีพงษ์เบาๆ
ชายชุดดำเห็นครองภพตกใจกับสำนักเทพยาเซียน ก็มองไปรอบๆ แล้วกล่าว “ฉันว่าแกรีบปล่อยฉันไปจะดีกว่า ฉันจะไม่ติดใจอะไร เรื่องครั้งนี้ถือว่าพอแค่นี้ มิเช่นนั้นเมื่อคนของสำนักเทพยาเซียนรู้ว่าฉันถูกพวกแกจับตัวไว้ แล้วยังโดนดูถูกขนาดนี้ พวกเขาจะต้องมาทำลายล้างตระกูลลัดดาวัลย์เล็กๆของแกแน่นอน!”
รพีพงษ์บึนปาก มองไปที่ชายชุดดำ ถาม “บอกฉันหน่อยได้มั้น คนของสำนักเทพยาเซียน จะรู้ได้ไงว่าแกถูกจับ?”
ชายชุดดำชะงัก ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ ตอนนี้รพีพงษ์ถามอย่างกะทันหัน เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร
สำนักเทพยาเซียนแค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นที่ที่ตัดขาดจากโลก ห่างจากเกียวโตเป็นหลายพันไมล์ เรื่องที่ชายชุดดำถูกจับนั้นแม้จะลือไปถึงที่นั่นก็ต้องรออีกหลายวันกว่าจะมาถึง
ยิ่งไปกว่านั้นไมมีใครรู้ว่าเขาถูกจับ ตอนที่รพีพงษ์จับเขาก็เป็นชานเมืองว่างเปล่า เขาเป็นคนเลือกสถานที่เอง แม้สำนักเทพยาเซียนมั่นใจว่าเขาหายตัวไป มาค้นหา ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่ารพีพงษ์จับเขาไว้
แม้แต่จะล้างแค้นให้ชินาธิป นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของชายชุดดำ คนของสำนักเทพยาเซียนไม่มีใครรู้ว่าเขามาเกียวโต เพื่อฆ่ารพีพงษ์
ชายชุดดำสิ้นหวัง ไม่คาดคิดว่าตนเองจะติดกับดักเสียแล้ว
รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของชายชุดดำ ก็เข้าใจแล้วว่าคนของสำนักเทพยาเซียนไม่มีทางรู้ได้ว่าเขาอยู่ในมือของรพีพงษ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล
“ฝีมือของสำนักเทพยาเซียนของพวกแกไม่ธรรมดา แต่ในสายตาอของฉัน ไม่มีอะไรที่น่าหวั่นเกรง แม้พวกเขาจะรู้ว่าแกอยู่ในมือของฉัน ก็แค่แก็ไขปัญหาอีกครั้งก็แค่นั้น” รพีพงษ์กล่าว
เขาไม่ได้โอ้อวด แต่หลังจากที่ได้ผ่านการต่อสู้ครั้งที่แล้วมา รพีพงษ์รู้ความสามารถของตัวเองดี บวกกับที่อาจารย์ได้อยู่ที่ตระกูลลัดดาวัลย์สองวันที่ผ่านมา รพีพงษ์ได้ผ่านอาจารย์เกี่ยวกับเน่ยจิ้งภายนอกไว้เยอะ รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ ว่าฝีมือได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว
ยอดฝีมือยี่สิบเอ้ดคนถึงแม้ฟังแล้วน่ากลัว แต่ถ้ารพีพงษ์ต้องเผชิญกับพวกเขา ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ อย่างน้อย ถ้าสู้ไม่ได้ อยากจะหนี ก็ไม่มีใครห้ามไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นยอดฝีมือทั้งหมดของแดนปรมาจารย์ของสำนักเทพยาเซียนมาหาเรื่องรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ที่แกมาเกียวโต ก็เพื่อล้างแค้น?” รพีพงษ์ถามอีกครั้ง
นัยน์ตาของชายชุดดำเป็นประกาย แต่ไม่ได้ตอบรพีพงษ์
รพีพงษ์สังเกตุเห็นกระดาษบนโต๊ะที่วางซ้อนๆกันอยู่ ก็เดินเข้าไป แล้วเปิดดู
บนกระดาษเป็นรูปของเด็กผู้หญิง สวยงามมาก ด้านล่างภาพวาด เขียนว่า อุเอสึงิ ฮารุ
นัยน์ตารพีพงษ์เล็กลง อุเอสึงินามสกุลนี้ เป็นนามสกุลของตระกูลประเทศญี่ปุ่นที่มีหยกโยงจิต