พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่81
บทที่81 มอบสิทธิทั้งหมดให้อารียาบริหาร
เมื่อระลอกคลื่นฝูงชนที่มีอยู่เห็นนภทีป์เข้า ทุกคนต่าง เงียบกริบ ทุกคนต่างล่าถอยสองสามก้าว
ที่พวกเขามาที่บ้านศศินัดดาในครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้ขอ อนุญาตนกที่ปัมาก่อน นอกจากนี้ฟังจากความหมายนภทีป์ แล้ว ดูเหมือนจะช่วยตัดสินใจแทนรพีพงษ์ จึงไม่มีใครกล้า เสนอหน้าอะไรในตอนนี้
พี่ใหญ่กับพี่สองที่เรียดได้ว่าอานาจสูงสุด ดุที่สุดก็ยังต้อง เงียบเป็นนกน้อย หลบอยู่ด้าน
หลังพวกเขา
พอชรินทร์ทิพย์เห็นว่าคนที่มาคือนภทีป์ หัวใจก็เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ นึกถึงคำพูดที่ตัวเองพูดว่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเมื่อครู่ เธอรู้สึกขาทั้งสองข้างอ่อนยวบลงมาทันที
นภที่ป์รู้ความจริงของเรื่องนี้ดี วันนั้นยังบอกเองอีกว่าห้าม เธอเข้ามาก้าวก่ายเรื่องบริษัท ตอนนี้เธอระดมคนมากมายมา หาเรื่องรพีพงษ์ นภทีป์ย่อมไม่ปล่อยเธอแน่
ที่สำคัญไปกว่านั้น เมื่อกี้เธอเผลอพูดไม่ดีใส่นภทีป์ เกรงว่า ในจุดนี้ นกที่ป์อาจจะบันดาลโทสะได้
“คุณ…คุณปู่ มาได้ไงคะ ที่นี่โทรมจะตาย คุณปู่กลับไป พักผ่อนที่คฤหาสน์เถอะค่ะ”ชรินทร์ทิพย์รีบออกปากพูด
นภที่ป์จ้องชรินทร์ทิพย์ด้วยสีหน้าเขียวปัด เดิมทีวันนี้เขา คิดอยากจะไปซันบับเบิลกับ รพีพงษ์อีกครั้ง เพื่อกู้ สถานการณ์ความร่วมมือ
เพื่อเรื่องราวในครั้งนี้ เขาก็คิดว่าจะยอมลดทิฐิให้กับสวะ อย่างรพีพงษ์แล้ว เขามองว่าเขามาหาด้วยตัวเอง ก็นับว่าให้ เกียรติรพีพงษ์มากแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดคิดไม่ถึงคือ ชรินทร์ทิพย์กับระดมคน จำนวนมากมาบุกบ้านศศินัดดาเพื่อเรียกร้องให้รพีพงษ์กับ อารียาหย่ากัน แถมยังโยนความผิดตัวเองให้รพีพงษ์อีก ต่าง หาก ทำให้เขารู้สึกว่าชรินทร์ทิพย์ไม่ได้เห็นคำพูดเขาอยู่ใน สายตา ดูหมิ่นบารมีของ เขา
แถมเมื่อกี้ชรินทร์ทิพย์ยังพูดออกมาได้ว่าเขาไม่รู้จักผิด ชอบชั่วดี ในฐานะประมุขแห่ง บ้านฉัตรมงคล นภที่ปย่อมไม่ ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านแน่นอน
เขาจ้องมองชรินทร์ทิพย์อย่างดุดัน จากนั้นยกมือขึ้น ตบลง บนใบหน้าชรินทร์ทิพย์ฉาด แรง
นี่เป็นครั้งที่สองที่นภทีกับเธอ เธอเองก็ไม่กล้าหือแม้แต่
น้อย
บรรดาญาติบ้านฉัตรมงคลเห็นฉากนี้เข้า ต่างก็ใจหายลง ไปอยู่ตาตุ่ม หรือว่าท่านผู้เฒ่า อารมณ์ร้ายขึ้น ปกติเขารัก และทะนุถนอมหลานสาวคนนี้มาก ตอนนี้ถึงกับลงมือแล้ว
“ดูท่าฉันยังลงโทษแกไม่มากพอสินะ แกลืมแล้วใช่ไหมว่าปู่ พูดกับแกไว้ว่าไง แกยังมีหน้ามาหาเรื่องที่นี่ตอนนี้อีก หรือแก อยากให้ปู่ไล่แกออกจากบ้านนักหรือไง”นภทีป์พูดเสียงเย็น ชา
สีหน้าของชรินทร์ทิพย์ซีดเผือดขึ้นมาทันที”คุณปู่คะ หนู ผิดไปแล้ว ยกโทษให้หนูเถอะค่ะ”
เธอยื่นมือออกมากระตุกแขนของนภทีป์ พร้อมด้วยสีหน้า สลดรันทด
นภทีปแค่นเสียงเย็นชา สะบัดมือชรินทร์ทิพย์ออก
ในเวลานี้มารดาของชรินทร์ทิพย์ทนดูไม่ได้อีกต่อไป เดิน ขึ้นหน้าพูดว่า”คุณท่านคะ เมื่อกี้ที่เจนพลั้งพูดออกไปเพราะ แกงนงงนิดหน่อย แต่เจนไม่ได้ตั้งใจนะคะ อย่าเพราะเรื่องนี้ ขับไล่เจนออกไปเลย”
“จริงด้วยค่ะ คุณท่าน หนูเจนทำเพื่อบ้านฉัตรมงคลนะคะ ครั้งนี้รพีพงษ์ทำให้ความร่วมมือกับซันบับเบิลพังพินาศถ้าจะ ไล่ก็สมควรนะคะ”
“ถ้าจะไล่รพีพงษ์ไป ก็เพราะครั้งนี้รพีพงษ์ เขาอยู่ต่อที่บ้าน ฉัตรมงคลไม่ได้จริงๆ!
คนกลุ่มหนึ่งต่างโยนความผิดไปที่รพีพงษ์ ต่างอยากอาศัย จังหวะนี้ให้นภทีป์ไล่รพีพงษ์ ออกจากบ้านฉัตรมงคล
นภทีป์ไม่เคลื่อนไหวใดๆ สีหน้ายังคงนิ่งประดุจเหล็กไหล พูดขึ้นว่า”ใครบอกพวกแกว่าเรื่องครั้งนี้รพีพงษ์เป็นคนก่อ รพี พงษ์เอาหนังสือสัญญาซันบับเบิลกลับมาแล้ว แต่เพราะ อี ฉิบหายนี่แหละทำลายมันลงกับมือ ตอนนี้ยังจะป้ายความผิด ให้รพีพงษ์อีก! ”
เมื่อทุกคนฟังคำพูดของนภทีป์ ต่างมีสีหน้าที่ตกตะลึง แล้ว มองไปที่ชรินทร์ทิพย์อย่าง เหลือเชื่อ
“คุณท่านคะ เจนจะ ไปทำลายหนังสือสัญญา ได้ยังไงคะ ผิดคนแล้วมั้ง”มารดาของชรินทร์ทิพย์แก้ต่างแทน
“เรื่องนี้ฉันเห็นกับตา จะผิดไปได้อย่างไร ความหมายของ แก ว่าฉันแก่เลอะเลือน เหรอ”นภทีป์แค่นเสียงเย็นชา
มารดาของชรินทร์ทิพย์ไม่กล้าพูดอะไรต่อทันที
ในเวลานี้อารียาเดินขึ้นหน้า เปิดปากพูด”คุณปู่คะ เดิมที่หนู กับรพีพงษ์ก็ไม่ได้อยากจะตามเรื่องนี้ต่อหรอก แต่เจนทำเกิน ไปแล้ว พาคนมาวุ่นวายที่บ้านมากมาย ครั้งนี้คุณปู่ต้องช่วย ออกหน้าให้หลานนะคะ”
ชรินทร์ทิพย์รีบพูดขึ้น”คุณปู่คะ หนูผิดไปแล้ว ยกโทษให้ หนูเถอะนะคะ ต่อไปหนูยังต้องแต่งเข้าตระกูลลัดดาวัลย์ที่ เมืองเกียวโตอีกนะคะ คุณปู่จะไล่หนูไม่ได้นะคะ”
เดิมทีนภทีปก็อยากจะลงโทษชรินทิพย์แรงๆอยู่หรอก แต่ พอได้ยินแบบนี้ จึงใจอ่อนขึ้นมาทันที
ชรินทร์ทิพย์อาศัยตระกูลลัดดาวัลย์ให้เป็นต้นไม้ใหญ่ แน่นอนว่าเขาไม่กล้าไล่ชรินทร์ ทิพย์แน่นอน
“หนูแคลร์ หนูเจนยังเด็กไปหน่อย ไม่รู้ประสา เรื่องนี้ก็จบ
แค่นี้แล้วกัน แล้วปู่จะบอกให้ทุกคนเงียบปากเอง แล้วชดเชย
ให้พวกแก คิดว่าไงล่ะ”นภทีป์เปิดปากพูด
อารียารู้สึกใจโหวง ชรินทร์ทิพย์ทำกันขนาดนี้ นภทีป์ยัง คิดปกป้อง
“พวกแกจำไว้นะ ต่อไปห้ามบังคับรพีพงษ์กับหนูแคลร์หย่า กันอีก ถ้าใครกล้าก็ไสหัวออกไปจากตระกูลฉัตรมงคล! “นภ ที่ปูประกาศก้อง
ทุกคนในห้องต่างเงียบกริบ แม้ว่าจะชังน้ำหน้ารพีพงษ์ แต่ก็ ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งนภทีป์
พอพูดจบ นภที่ป์ก็มองไปทางรพีพงษ์ ยิ้มแล้วพูดว่า”รพี พงษ์ ลำบากแกแล้วนะคราวนี้ ซันบับเบิลตอบรับร่วมมือกับ พวกเรา ก็ไม่น่าจะกลับคำ วานแกช่วยไปเอาหนังสือสัญญา อีกฉบับมาหน่อยนะ”
ศศินัดดาที่อยู่อีกฝั่งได้ยินเข้า จึงรีบเข้าไปผลักรพีพงษ์ที หนึ่ง พูดว่า”มัวตะลึงอะไรอยู่ล่ะ รีบตอบรับไปสิ”
รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจศศินัดดา เปิดปากพูดขึ้น”ผมไปเอา
หนังสือสัญญามาอีกฉบับได้ครับ แต่ว่าโครงการนี้ในคราวนี้
จะต้องมอบให้แคลร์เป็นผู้บริหารเท่านั้นนะครับ ห้ามให้คนอื่น
เข้ามาก้าวก่าย”
บรรดาอาซิ้มอาม่าทั้งหลายรู้ว่ามีผลประโยชน์มากมายให้ ตักตวงจากโครงการนี้ ถ้าโครงการนี้มอบให้อารียาเป็นผู้ดูแล คนเดียว พวกเขาก็ไม่มีโอกาสตักตวงแล้วสิ
ดังนั้นทุกคนต่างประท้วงขึ้นมา เสียงเอะอะเซ็งแซ่
นกทีปัจ้องเขาเขม็ง เปิดปากพูด”ตอนที่ให้เสียสละเพื่อวงศ์ ตระกูลไม่เห็นมีใครโผล่หัวมา พอมีผลประโยชน์ต่างก็เบียด เสียดกันเข้ามา เรื่องนี้ให้ฟังรพีพงษ์ โครงการนี้ให้หนูแคลร์ ทั้งหมด คนอื่นห้ามก้าวก่าย”
คนกลุ่มนั้นเงียบปากลงทันที ต่างมองรพีพงษ์ด้วยสายตา
ชิงชัง
“ในเมื่อกล้ายื่นข้อเสนอให้คุณท่านแล้ว ก็จะคอยดูความ สามารถแก”ศศินัดดาพึมพำ แต่เห็นว่ารพีพงษ์พูดออกหน้าให้อารียา จึงไม่กล้าว่าอะไรแรงมาก
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ว่ากันตามนี้แล้วกัน รอให้สัญญามา ค่อยให้หนูแคลร์เซ็น”นภทีปเปิดปากพูด
รพีพงษ์พยักหน้า
จากนั้นเลขาจึงค่อยๆพยุงนภที่ป้ออกไป และก็พาชรินทร์ ทิพย์ออกไปด้วย
พวกอาซิ้มอาม่าต่างก็ไม่อยู่หาความเซ็งเหมือนกัน ต่างออก ไปพร้อมกัน หากแต่ก่อนไป พวกเขาได้หันมองรพีพงษ์ครั้ง หนึ่ง บอกว่าสวะอย่างรพีพงษ์ กลับแย่งผลประโยชน์จากบ้าน ฉัตรมงคลไปได้
พอไล่คนพวกนี้ไปแล้ว อารียาจึงถอนหายใจออกมาด้วย ความโล่งใจ หันไปมองศศินัดดากับศักดา แล้วพูดว่า “ทีนี้เชื่อ แล้วใช่ไหมคะ”
ศศินัดดาเบ้ปาก ท่าทางหาเรื่อง พูดว่า “ต่อให้เรื่องครั้งนี้ไม่ เกี่ยวกับเขาก็เถอะ แต่ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นตัวซวย ไม่ได้”
“อย่าให้ฉันจับข้อผิดของเขาได้นะ จับได้เมื่อไหร่ ฉันจะไล่
มันออกทันที”
พูดจบ เธอกับศักดาจึงออกไปจากห้อง
อารียามองรพีพงษ์ ในใจรู้สึกรวดร้าว พูดขึ้นว่า “ทำให้คุณ ต้องลำบากไปด้วยเลย”
รพีพงษ์ยิ้ม พูดขึ้น”เรื่องราวคลี่คลายได้ก็ดีแล้ว” อารียาพยักหน้า จากนั้นจึงรับไปทำงาน
รพีพงษ์ไปที่ซันบับเบิลอีกครั้ง และขอหนังสือสัญญาอีก ฉบับจากเธียรวิชญ์ รอให้อารียา เลิกงานแล้ว เขาจึงให้เธียร วิชญ์เอาหนังสือสัญญามา
ความร่วมมือของบ้านฉัตรมงคลกับซันบับเบิลเริ่มต้นขึ้น อย่างเป็นทางการ ส่วนนภทีป์ก็ มอบโครงการนี้ให้อารียาบริ
หารจริงๆ
บรรดาพงศาคณาญาติตระกูลฉัตรมงคลต่างอิจฉาตาร้อน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ให้อารียา เป็นคนบริหารโครงการ รพี พงษ์เป็นคนร้องขอออกมา ทุกคนต่างโบ้ยให้เป็นความผิด รพีพงษ์ และคอยหาเรื่องด่าว่าเขาอยู่ร่ำไป
หลังจากที่รับช่วงโครงการจากซันบับเบิล อารียาก็งานยุ่ง ขึ้นมาทันที ทุกวันหลังเลิกงานก็เหนื่อยจนปวดเนื้อปวดตัวไป หมด ส่วนรพีพงษ์ก็จะคอยนวดให้เธอทุกวัน
นานวันเข้า เวลากลางคืน อารียาก็จะนอนราบบนเตียง รอ ให้รพีพงษ์มาช่วยเธอผ่อนคลาย บางที่มือของรพีพงษ์อาจจะ ไม่ทันระวังไปโดนอะไรเข้า อารียาก็ไม่มีปฏิ กริยาอะไร
เมื่อเห็นสีหน้าแสนสบายของอารียา หลายครั้งรพีพงษ์ก็ เกิดอารมณ์รุก แต่ทุกครั้งเวลาที่เขาอยากจะทำอะไรบ้าง อารี ยาก็มักจะหลับไปเสียก่อน รพีพงษ์ก็ได้แต่รามือ
เพราะอารียาได้โครงการของซันบับเบิลมา เธอจึงได้ขึ้น เงินเดือนตามไปด้วย เงินเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวของก่อนหน้า คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นศศินัดดา เพื่อให้อารียาตั้งใจ
ทำงาน เธอจึงทำอาหารอร่อยมา บำรุงทุกวัน และเป็นเพราะแบบนี้ ความชิงชังที่ศศินัดดามีต่อรพีพงษ์จึงได้บรรเทาลงเล็กน้อย แน่ นอนว่า ต่อให้บรรเทาลงแค่ไหน ทั้งคู่ก็ยังคงเหมือนน้ำกับไฟอยู่ดี
บ่ายวันนี้ รพีพงษ์เดินอยู่คนเดียวบนท้องถนน ธฤตญาณก็ โทรมาหาเขาพอดี บอกว่าเจอ เรื่องยุ่งยากเข้านิดหน่อย บอก ให้เขามาที่สตาร์กายหน่อย
ไม่กี่วันนี้รพีพงษ์ก็คอยแต่จะครุ่นคิดเรื่องบ้าน ตอนเดินก็ คอยคิดอยู่ตลอดว่าซื้อบ้านแบบไหนดี
ในตอนที่เขากำลังคิดเพลิดเพลิน จู่ๆก็ได้ยินเสียงวุ่นวายอยู่ ข้างหู เขาเงยหน้าขึ้น เห็น กลุ่มชายฉกรรจ์ยืนมุงแผงผลไม้ ในแผงนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ โดนพวกชายฉกรรจ์ขู่จน ตกใจ
“ไอ้เด็กเวร ทำไมลูกท้อของแกมันรสชาติทุเรศแบบนี้วะ ยัง กล้าคิดเงินอีกเหรอ จะบอกอะไรให้วันนี้กมีธุระใหญ่ต้องทำ ไม่มีอารมณ์มาเสียเวลากับมึง ไม่งั้นกูพังแผงมึงไปแล้ว”
หัวโจกเป็นชายฉกรรจ์ที่สักลายเสื้ออยู่บนแผ่นอก ท่าทาง ดุร้าย ลักษณะท่าทางเหมือน โจร รอบๆไม่มีใครกล้าเข้า ใกล้
“พ่อผมป่วย ต้องใช้เงินรักษาเงินขายผลไม้เนี่ยเงินช่วย ชีวิตพ่อผม ขอร้องเถอะครับขอเงินผมเถอะ”เด็กน้อยร้องไห้ พลางพูดพลาง
หัวโจกจ้องเขม็งไปที่เด็กน้อย จากนั้นจึงหยิบลูกท้อไปอีก สองลูกแล้วพูดว่า”แม่งเอ๊ย แกยังกล้านะ พี่น้อง อยากกิน อะไรหยิบเลย กูจะดูว่าใครกล้าคิดเงินเสือสายฟ้าอย่างกู!
คนพวกนั้นรีบแห่กันหยิบผลไม้ ราวกับจิ้งจอกโหยก็ไม่ปาน
รอบๆมีผู้ใหญ่มุงดูเต็มไปหมด แต่ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว เลยไม่มีใครกล้าพูดแทนเด็ก น้อย
เด็กน้อยเห็นผลไม้บนแผงใกล้โดนหยิบจนหมด จึงร้องไห้ เสียงดังมาก
คนพวกนั้นไม่ได้คิดเลยว่าทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง จึงหยิบผล ไม้แล้วเดินต่อ
ในเวลานี้เอง รพีพงษ์ขึ้นบังหน้าคนกลุ่มนี้ พูดเสียงเย็น ชา”หยิบของแล้ววางเงินด้วย เป็นเรื่องศีลธรรม พวกแกไป แบบนี้ คิดว่าคงไม่เหมาะ”