พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ
บทที่810 คุณถอดเสื้อผ้าทำไมหรอ
“นายใหญ่พูดว่าการที่ครั้งนี้มาสำนักเทพยาเซียนเพื่อเอาวัตถุดิบยานั้นสำคัญกับตระกูลอุเอสึงิมาก ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ แต่ผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียนที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเรานั้นเป็นคนลามก เขารู้ถึงตัวตนของฉัน ดังนั้นตอนที่ต่อรองกัน ผู้อาวุโสนั้นเน้นย้ำให้ฉันตามมาด้วย ทำตามคำขอร้องของเขา เพียงแค่ฉันทำให้เขาพอใจ เขาจึงจะให้วัตถุดิบยาเหล่านั้นมา”
อุเอสึงิ ฮารุ เซ็ง
“ตอนแรกฉันคิดว่านายใหญ่ไม่มีทางตกลงเงื่อนไขนี้ แต่เขาไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำแล้วก็ตอบตกลงไป เมื่อกี๊หลังจากที่ดูใบรายการแล้ว ฉันเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมนายใหญ่ถึงตอบตกลงง่ายขนาดนี้ ที่แท้สิ่งที่พวกเขาจะแลกเปลี่ยนกัน ก็คือของพวกนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของอุเอสึงิ ฮารุ รพีพงษ์ก็ขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “คุณเป็นคนของอุเอสึงิ พวกเขาจะยอมสละคุณเพื่อของพวกนี้”
อุเอสึงิ ฮารุสิ้นหวัง แล้วกล่าว “แม้ฉันจะนามสกุลอุเอสึงิ แต่ฉันก็เป็นแค่คนใช้ของตระกูลอุเอสึงิเท่านั้น พวกเขาให้ฉันทำอะไร ฉันก็ต้องทำ ที่ฉันมีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะบุญคุณของตระกูลอุเอสึงิ ดังนั้นคำสั่งของพวกเขา ฉันไม่ทำไม่ได้”
และ แม่ของฉันก็อยู่ในมือของพวกเขา ถ้าฉันไม่ฟังคำสั่งของพวกเขา ชีวิตของแม่ฉันก็อยู่ในอันตราย ฉันไม่มีทางดูแม่เป็นอันตรายได้”
จากนั้นอุเอสึงิ ฮารุก็เล่าสิ่งที่ตนได้เผชิญมาให้กับรพีพงษ์ฟัง
ที่แท้อุเอสึงิ ฮารุเป็นเพียงลูกสาวของนายใหญ่และคนใช้คนหนึ่งของตระกูลอุเอสึงิ ภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิเป็นหญิงแกร่ง ไม่มีทางรับได้ที่สามีของตัวเองไปมีลูกกับคนอื่น ดังนั้นตอนที่คนใช้คลอดอุเอสึงิ ฮารุ พวกเธอทั้งสองต้องตาย
แต่ต่อมาถูกคนใช้เก่าแก่ของตระกูลอุเอสึงิขวางไว้ คนใช้เก่าแก่นั้นคิดว่าพวกเธอทั้งสองมีชีวิตอยู่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคุณค่า ในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับต้นๆของประเทศญี่ปุ่น บางครั้งก็ต้องแต่งงานกับตระกูลอื่นเพื่อผลประโยชน์
ภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิไม่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นเครื่องมือในการแต่งงาน มีอุเอสึงิ ฮารุไว้ ก็เผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
เพราะนายใหญาของอุเอสึงิเลี้ยงอุเอสึงิ ฮารุไว้ ก็เหมือนกับเลี้ยงหมา
ดังนั้นสองแม่ลูกก็ได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
แล้วอุเอสึงิ ฮารุก็เริ่มใช้ชีวิตอย่างทรมาน ที่นายใหญ่ปล่อยเธอให้มีชีวิต ก็เพราะเธอมีประโยชน์ในบางเวลา เธอเหมือนเครื่องมือ ที่ไหนต้องการ ก็ใช้ที่นั่น
เพื่อให้เครื่องมือนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตระกูลอุเอสึงิเริ่มเลี้ยงดูเธอ ให้เธอฝึกฝนอย่างเข้มงวด บวกกับภรรยาของนายใหญ่ตระกูลอุเอสิงิเห็นเธอแล้วไม่เข้าตา ก็มักจะให้คนที่ฝึกฝนเธอด่าทอเธอ ถึงขั้นเพิ่มเนื้อหาในการฝึกฝนเข้าไปอีก มีหลายครั้ง ที่อุเอสึงิ ฮารุเกือบตายในระหว่างการฝึกฝน
แต่โชคดีที่ อุเอสิงิ ฮารุทนมาได้ แล้วไปเป็นเน่ยจิ้งขั้นกลางที่อายุน้อยที่สุดของตระกูลอุเอสึงิ
ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้ใช้สิ่งที่เรียนมา เพื่อทำประโยชน์ให้กับตระกูลอุเอสึงิบ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าภารกิจแรก ก็คือไปสำนักเทพยาเซียน ใช้ร่างกายตัวเองแลกเปลี่ยนกับความชอบพอของผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน
แม่ยังอยู่ในมือของตระกูลอุเอสึงิ เธอก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
แม่ เป็นความหวังเดียวบนโลกนี้ของอุเอสึงิ ฮารุ ความรู้ ความอ่อนโยน แม่ของเธอเป็นผู้สอนทั้งหมด ดังนั้นแม้ต้องแลกด้วยชีวิต เธอก็ไม่อยากให้แม่ของตัวเองต้องตกทุกข์ได้ยากเพราะเธอ
เมื่อฟังอุเอสึงิ ฮารุพูดจบ รพีพงษ์ก็รู้สึกสงสาร แต่ก็เท่านั้น
รพีพงษ์ไม่รู้ว่าสิ่งที่อุเอสึงิ ฮารุพูดนั้นจริงเท็จแค่ไหน แม้เธอจะพูดให้ซาบซึ้งขนาดไหน ก็ดูไม่ออกว่ากำลังดกหกอยู่ รพีพงษ์ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้
เขาไม่ได้ฆ่าอุเอสึงิ ฮารุ เพราะตอนที่ไปสำนักเทพยาเซียนต้องให้เธอร่วมมือด้วย
และอุเอสึงิ ฮารุจำต้องรู้เกี่ยวกับตระกูลอุเอสึงิมากมายแน่นอน ถ้าฆ่าเธอล่ะก็ รพีพงษ์ก็จะพลาดโอกาสไปเลย
“ผมไม่คิดมาก่อนว่าตระกูลอุเอสึงิจะทำการแลกเปลี่ยนด้วยชีวิตคนแบบนี้ แล้วก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าคนของตระกูลอุเอสึงิจะเล่นไสยศาสตร์แบบนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน คุณก็ฆ่าฉันให้ตายเสียตอนนี้เลย ฉันไม่ไมีทางโกรธแค้นใดๆ” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “ผมเชื่อที่คุณพูด ผมจะไว้ชีวิตคุณ แต่คุณต้องฟังผม ถ้าคุณคิดจะทำอะไร ผมจะเอาชีวิตคุณด้วยเร็ว คุณน่าจะรู้ดีถึงฝีมือของผมนะ”
“และถ้าคุณทำดี ต่อไปผมก็จะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นความจริง ผมอาจคิดที่จะช่วยแม่ของคุณออกจากตระกูลอุเอสึงิได้ คิดว่าไง?”
อุเอสึงิ ฮารุมองรพีพงษ์อยู่ไม่นาน ก็ตาเป็นประกาย สักพัก เธอก็พยักหน้า กล่าว “ได้ ฉันฟังคุณ”
พูดจบ เธอก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก
รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็แปลกใจ ถาม “คุณถอดเสื้อผ้าทำไม?”
อุเอสึงิ ฮารุมองไปที่รพีพงษ์ กล่าว “ชีวิตของฉันอยู่ในมือของคุณชาย ฉันรู้ว่าแม้ฉันจะพูดแบบนี้มันค่อนข้างเข้าข้างตัวเอง แต่ตั้งแต่เล็กจนโต ผู้ชายที่เห็นฉันล้วนอยากทำเรื่องนั้นกับฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีแบ็คเป็นตระกูลอุเอสึงิ เกรงว่าฉันคงจะถูกขายไปตามผับบาร์แล้ว ตอนนี้ฉันจะฟังคุณชายทุกอย่าง สิ่งแรกที่จะทำคือ ทำให้คุณชายผ่อนคลาย”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินแล้วนั้น ก็ไม่เข้าใจว่าอุเอสึงิ ฮารุเป็นคนแบบนี้หรือผู้หญิงประเทศญี่ปุ่นเป็นแบบนี้ทุกคน
“ขอโทษนะ แม้คุณจะสวย แต่ผมไม่ชอบคุณ ผมมีเมียแล้ว แล้วยังมีลูกสาวที่น่ารักอีกด้วย” รพีพงษ์กล่าว
อุเอสึงิ ฮารุชะงัก ผู้ชายที่เธอพบเจอมา มีครึ่งหนึ่ง ที่มีลูกมีเมยแล้ว ดังนั้นเธอจึงมองว่า ต้องไม่ต่อต้านเรื่องนี้สิจึงจะถูก
“คุณชายวางใจได้ ฉันจะปริปากเงียบ ไม่มีทางให้ลูกและเมียของคุณรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด” อุเอสึงิ ฮารุพูดจบ ก็ถอดชุดต่อ
รพีพงษ์เซ็ง ชักตาไปที่อุเรสึงิ ฮารุ กล่าว “ถ้าคุณยังทำแบบนี้ อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”
อุเอสึงิ ฮารุรับรู้ได้ถึงอารมร์ของรพีพงษ์ รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น จึงได้หยุดถอดเสื้อ
“ยืนขึ้นเตรียมพร้อม อีกไม่กี่ยอดเขา ก็จะถึงสำนักเทพยาเซียนแล้ว ถึงตอนนั้นต้องการการร่วมมือจากคุณ ผมอยากรู้ ว่าในสำนักเทพยาเซียนมีเทพเซียนยังไง ถึงได้ทำเรื่องที่น่าโมโหได้ขนาดนี้”
พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินไปด้านหน้าของอุเอสึงิ ฮารุ หยิบไฟแช็คขึ้นมา แล้วจุดไฟเผาชุดเขา
อุเอสึงิ ฮารุมองแผ่นหลังของรพีพงษ์ นัยน์ตา ไม่เคยเป็นประกายแบบนี้มาก่อน