พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง
บทที่820 กลลวงตาที่ปรากฏใหม่อีกครั้ง
เมื่อรพีพงษ์เห็นท่าทางของจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคน ยิ่งเชื่อว่ายาในมือของตัวเองเป็นของจริง
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใส่ยาเข้าไปในปากของตัวเองในทันที เม็ดยาละลายในปาก รพีพงษ์รู้เพียงว่าเส้นลมปราณในร่างกายของตัวเองสดชื่น ต่อจากนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนขึ้นมา
จิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนก็ไม่ชักช้าอีกต่อไป และต่างคนต่างกินยาในมือของตัวเองอย่างรวดเร็ว
พลังอานุภาพที่แข็งแกร่งทั้งสามก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ว่ายาที่จิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนกินจะสู้ยาชั้นเลิศไม่ได้ แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในบรรดายา ก็มีผลต่ออานุภาพในการเพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน
เพียงแต่ว่าพลังอานุภาพของพวกเขาเมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว สุดท้ายแล้วยังแย่กว่ามาก ทั้งสำนักเทพยาเซียน ถูกปกคลุมไปด้วยพลังอานุภาพที่เปล่งออกมาจากบนตัวรพีพงษ์
ลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนสัมผัสถึงพลังอานุภาพของรพีพงษ์ บางคนที่ความแข็งแกร่งต่ำก็สั่นสะเทือนขึ้นมาทันที
รพีพงษ์รู้สึกว่าสภาพของตัวเองเหมือนกับใช้วิธีลับ พลังที่กำลังจะหมดลงในร่างกายก็พลันเต็มเปี่ยมขึ้นไปในทันที
เพียงแต่พลังของเม็ดยานั้นอ่อนแอกว่าวิธีลับไปบ้าง ที่สำคัญวิธีลับคือการบีบศักยภาพของร่างกาย แต่ยาเม็ดเป็นเพียงพลังภายนอกทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ไม่รู้สึกว่าร่างกายกำลังจะระเบิดเหมือนตอนที่ใช้วิธีลับ
เขารู้สึกถึงพลังของตัวเองอย่างละเอียด และได้สัมผัสกับความรู้สึกถึงขีดจำกัดของแดนปรมาจารย์อีกครั้ง
เขาในตอนนี้ ระยะทางแดนดั่งเทพที่อาจารย์บอก อยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งก้าว
เขามองไปที่จิรภัทรและคนอื่นๆ รู้สึกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมีแดนปรมาจารย์มากกว่าสิบคน ตัวเองในตอนนี้ก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย
“เด็กคนนี้มียาชั้นเลิศด้วย จะประมาทเด็กคนนี้ไม่ได้ พวกเราลุยพร้อมกัน ใช้พลังทั้งหมดปราบเขาไว้!”จิรภัทรเอ่ยปากตะโกน
จากนั้นเขาและปัณณธรทั้งสองคนก็เป็นผู้นำพุ่งไปทางรพีพงษ์
แววตาของปัณณธรที่มองไปที่รพีพงษ์เปลี่ยนเป็นความโลภ เขาทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับตระกูลอุเอสึงิ ก็เพื่อได้ใบสั่งยาของยาชั้นเลิศมา ต้องการที่จะกลั่นยาชั้นเลิศออกมา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดาย
จิรภัทรเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทพยาเซียนมานานหลายปีขนาดนี้ มีเพียงครั้งเดียวในชีวิตที่สามารถกลั่นยาชั้นเลิศออกมาได้
แต่ตอนนี้อยู่บนตัวของรพีพงษ์กลับปรากฏยาชั้นเลิศ สิ่งนี้ทำให้ปัณณธรคาดเดาว่ายังมียาชั้นเลิศอยู่บนตัวรพีพงษ์
ถ้าหากยังมีอยู่จริง ถ้าอย่างนั้นวันนี้พูดอะไร เขาก็จะฆ่ารพีพงษ์ทิ้ง แล้วแย่งยาชั้นเลิศมาจากตัวเขา
ทุกคนเริ่มต่อสู้กันอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้รพีพงษ์กลายเป็นง่ายดาย ภายใต้การค้ำจุนพลังของยาเม็ด ความเร็วของเขาก็เร็วขึ้นบ้าง นอกจากจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนแล้ว ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่เหลือก็ยากที่จะไล่ตามเขาได้
“ฝ่ามือดาวฟ้า!”
“ฝ่ามือเชิญพระจันทร์!”
“ฝ่ามือธันเดอร์!”
……
ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไป กระบวนท่วงท่าเหล่านั้นของรพีพงษ์ก็ฟาดไปบนตัวของยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ และคนที่ไม่สามารถทนต่อพลังของรพีพงษ์ได้ก็ตกลงมาจากหลังคาทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่ยังคงต่อสู้กับรพีพงษ์ก็เหลือเพียงแปดคน
ในการต่อสู้ครั้งนี้รพีพงษ์ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่เหนือกว่าอย่างเต็มที่ ไม่ได้ยืนนิ่งเฉยให้คนทุบตีเหมือนเสาไม้อยู่ที่เดิม แต่ต่อสู้ไปรอบๆกับพวกเขา พยายามห่างกันให้มากที่สุด เผชิญหน้าครั้งละสองถึงสามคนเท่านั้น ถึงสามารถทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ได้ทีละคน
หากการต่อสู้ในเวลานี้เกิดขึ้นบนเวทีประลอง รพีพงษ์ไม่มีทางที่จะสุขุมขนาดนี้
เนื่องจากเวทีประลองก็ใหญ่แค่นั้น รพีพงษ์คนเดียวเผชิญหน้ากับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์สิบกว่าคน เพียงแค่ต้านทานกับท่วงท่าที่พวกเขาฟาดมา ก็ยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีกลับ
โชคดีที่ความแข็งแกร่งของยอดฝีมือแดงปรมาจารย์ในสำนักเทพเซียนยาไม่เท่ากัน รพีพงษ์อาศัยความเร็วสลัดออกไปได้ไม่น้อย หากอยู่ในระดับเหมือนกับจิรภัทรและปัณณธร ต่อให้จากมีการปลุกเสกจากยาเม็ด ตอนนี้รพีพงษ์ก็คงจะล้มลงไปแล้ว
เมื่อเห็นว่าปรมาจารย์ที่เหลืออีกแปดคนยังคงไล่ตามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รพีพงษ์ก็ใคร่ครวญ รู้สึกว่าไม่สามารถเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่อย่างนั้นต่อให้ช่วงหลังๆจะถ่วงเวลาก็อาจถ่วงจนตายอยู่ในเงื้อมมือของคนเหล่านี้
เหตุการณ์การต่อสู้กับบดีศวรพวกเขาทั้งสี่ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา การโจมตีสุดท้ายของเขา ใช้พลังทั้งหมด โจมตีให้บดีศวรพวกเขาทั้งสี่คนบินออกจากนอกเวทีประลองทันที และในบรรดานั้นก็คร่าชีวิตไปสองคน
ตามการคาดเดาของรพีพงษ์ ท่วงท่านั้นของเขาอาจทำให้เกิดความเสียหายที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น แต่ในขณะนั้นบนเวทีประลองมีเพียงบดีศวรพวกเขาทั้งสี่คนเท่านั้น ดังนั้นจึงมองไม่ออกท่วงท่านั้นมีขีดจำกัดอยู่ที่เท่าไหร่
ในเวลานี้เขายังต้องเผชิญกับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ที่เหลืออยู่อีกแปดคน ไม่รู้ว่าหลังจากที่ใช้ช่วงท่านี้ออกมาแล้ว แดนปรมาจารย์ทั้งแปดคนนี้จะเหลืออีกกี่คนที่ยังคงยืนอยู่ได้
โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย รพีพงษ์ได้ถ่ายทอดพลังทั้งหมดในร่างกายของตัวเองลงในฝ่ามือ เริ่มหลบขึ้นไปบนหลังคาอย่างรวดเร็วเพื่อสะสมพลัง
“ให้ตายเถอะ เด็กคนนี้เร็วเกินไป ไม่มีทางไล่ตามทัน”ปัณณธรสบถอย่างลับๆในใจ
ในเวลานี้เขาสังเกตเห็นว่าพลังอานุภาพบนตัวรพีพงษ์เริ่มเกิดการเปลี่ยน เหมือนราวกับลูกศรอันแหลมคมที่จะถูกยิงออกมา กระบวนการสะสมพลังงานก็เริ่มขึ้น
เขามีความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี อดไม่ได้ที่จะชะลอความเร็วลงไปบ้าง
หลังจากหายใจไม่กี่ครั้ง รพีพงษ์ก็สะสมพลังได้สำเร็จ จากนั้นก็หันกลับไปอย่างกะทันหัน ยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งแปดที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง
“ท่วงท่าสุดท้าย ดูว่าพวกคุณทั้งแปด จะสามารถต้านทานได้หรือเปล่า!”
หลังจากพูดเสร็จ ฝ่ามือของเขาก็ฟาดออกไปทางด้านหน้า พายุไซโคลนขนาดใหญ่รอบตัวๆก็ปรากฏขึ้น จากนั้นผู้คนที่ดูความครึกครื้นเห็นฝ่ามือที่รพีพงษ์ฟาดออกไปกะทันหัน ฝ่ามือลวงตาขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมากลางอากาศ
“ฝ่ามือธันเดอร์!”
“ไม่ดี ทุกคนรีบกระจายตัว! ความแข็งแกร่งของเด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก!”ในเวลานี้จิรภัทรตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ซ่อนตัวไปทางด้านข้างด้วยความเร็ว
ปัณณธรคาดการณ์ไว้ก่อนอยู่แล้ว ก่อนที่จิรภัทรจะตะโกน ก็กำลังจะหลบหลีก
หลังจากที่ยอดฝีมือปรมาจารย์ที่เหลืออยู่แปดคนได้ยินคำพูดของจิรภัทรต่างก็หยุดลงมาทันที พยายามซ่อนตัวไปด้านข้าง
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ท่วงท่าของรพีพงษ์ก็ได้ฟาดออกมาแล้ว พวกเขาต้องการหลบในเวลานี้ มันก็สายเกินไปแล้ว
กลลวงตาฝ่ามือนั้นฟาดตรงไปบนตัวยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งแปดคนของสำนักเทพยาเซียน กระแสพลังที่มองไม่เห็นก็พัดเข้าหาบนตัวพวกเขา วินาทีต่อมา พวกเขาทั้งหมดสูญเสียจุดศูนย์ถ่วง และตกลงไปสู่พื้นดิน
เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ทั้งหลายที่ล้มลงกับพื้นก็กระอักเลือดออกมา
มีเพียงจิรภัทรและปัณณธรทั้งสองคนเท่านั้นที่พลังแข็งแกร่ง รวมทั้งกินยาเม็ด หลังจากล้มลงบนพื้นแทบจะไม่รักษารูปร่างให้คงอยู่ต่อไป แต่สีหน้าของทั้งสองคนก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวลง สุดท้ายก็ไม่อดกลั้นไว้ไม่ได้ เลือดก็ปรากฏที่มุมปาก