พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่822 กำลังวังชามากเกินไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่822 กำลังวังชามากเกินไป
บทที่822 กำลังวังชามากเกินไป
หลังจากที่ปัณณธรได้ยินคำพูดของจิรภัทร ก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ในปากก็พึมพำ: “กลั่นยาชั้นเลิศออกมาไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นไปไม่ได้”
จิรภัทรพุ่งไปทางปัณณธร ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร เห็นได้ชัดว่าตั้งใจที่จะไม่ปล่อยให้ปัณณธรรอดพ้นไปได้
ปัณณธรดึงสติกลับคืนมาได้ มองไปที่จิรภัทรด้วยสายตาเหยียดหยาม เอ่ยปากพูดว่า: “กลั่นไม่ออกมาเป็นเพราะแกไม่มีความสามารถ อย่าโยนความผิดไปที่ใบทำยา ในเมื่อแกกลั่นออกมาไม่ได้ ทำไมไม่เอาใบทำยามาให้ฉันดู แกกลัวว่าฉันจะโดดเด่นกว่าเจ้าสำนักอย่างแกใช่มั้ย”
ทั้งสองคนต่อสู้กันในทันที ต่างคนต่างก็มีใจที่จะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย
ทุกคนในเหตุการณ์มองไปที่การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างกะทันหัน ในใจก็เกิดความทอดถอนใจอย่างลึก ลูกศิษย์เหล่านั้นของสำนักเทพยาเซียนก็คาดไม่ถึง ผู้อาวุโสใหญ่ที่พวกเขาเคารพนับถือ กลับเป็นคนแบบนี้
รพีพงษ์จ้องมองไปที่ทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นก็เคลื่อน ตรงไปที่หน้าทั้งสองคน เขาฟาดฝ่ามือไปที่บนตัวปัณณธร ปัณณธรที่ได้รับบาดเจ็บรับฝ่ามือนี้ของรพีพงษ์ไม่ไหว หลังจากที่กระอักเลือดออกมา ใบหน้าก็ยิ่งซีดเซียวมากขึ้น
รพีพงษ์คว้าคอของปัณณธรทันที เอ่ยปากว่า: “เดรัจฉานอย่างแก ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ตอนนี้ฉันจะส่งแกไปเจอกับพญายม หวังว่าชาติหน้าแกจะสร้างบุญสร้างกุศล และกลายเป็นคนใหม่”
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์ก็ใช้แรง จะบีบคอของปัณณธรให้หัก
“เดี๋ยวก่อน”เมื่อจิรภัทรเห็นสิ่งนี้ รีบหักห้ามไว้
รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่จิรภัทรแวบหนึ่ง เอ่ยปากถาม: “ทำไม คุณยังอยากจะไว้ชีวิตเดรัจฉานนี้อีกเหรอ?”
จิรภัทรยิ้มขอโทษให้รพีพงษ์ เอ่ยปากว่า: “น้องรพีเข้าใจผิดแล้ว เขาทำผิดครั้งใหญ่แบบนี้ ต่อให้มีเหตุผลมากมายเพียงใด ก็ไม่เพียงพอที่จะละเว้นโทษตายให้กับเขาได้ และเขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทพยาเซียนของเรา ลับหลังทำเรื่องแบบนี้แต่ฉันกลับไม่ได้ให้ความสนใจ ฉันก็มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นกัน ดังนั้นเรื่องที่จะฆ่าเขา ให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ จะได้ไม่ทำให้มือของน้องรพีสกปรก”
เมื่อได้ยินคำพูดของจิรภัทร รพีพงษ์ก็เลิกคิ้ว คิดในใจคำขอของเขาก็ไม่มีอะไร เนื่องจากตายด้วยเงื้อมมือของใครก็เหมือนกัน บางทีให้เดรัจฉานตนนี้ตายอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าสำนักคนนี้ ยิ่งสามารถทำให้ผู้อาวุโสใหญ่เผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานที่ไม่มีที่สิ้นสุดก่อนตาย
เขายื่นมือส่งมอบปัณณธรให้กับจิรภัทร จิรภัทรรับปัณณธรมาแล้ว สีหน้าก็กลายเป็นเยือกเย็นขึ้นมาในทันที
สำหรับการกระทำของผู้อาวุโสใหญ่ ในใจของเขาเกลียดชังเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ชั่วช้าต่ำทราม ทำได้เพียงให้เขาในตายด้วยเงื้อมมือของตัวเอง ในใจของเขาถึงจะทำใจได้
ปัณณธรจ้องมองไปที่จิรภัทรแวบหนึ่ง เอ่ยปากว่า: “เด็กน้อยจิรภัทร ตายอยู่ในเงื้อมมือของแก กูไม่ยอม! แกไม่คู่ควรที่จะเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทพยาเซียน!”
จิรภัทรส่งเสียงเย็นชา ตะโกนว่า: “ในเมื่อแกไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะฆ่าแกด้วยเงื้อมมือของฉัน ปัณณธร หวังว่าชาติหน้าแกจะเข้าใจ การกลั่นยาที่ดีๆออกมาได้หนึ่งเม็ด ไม่ได้หมายความว่าแกจะใช้วิธีการใดก็ได้ เพียงแค่นี้ แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการตำแหน่งเจ้าสำนักของสำนักเทพยาเซียนแล้ว!”
หลังจากพูดเสร็จ จิรภัทรยกมือขึ้นสะสมพลัง ฟาดฝ่ามือลงไปที่บนหน้าอกของปัณณธร
ดวงตาทั้งสองของปัณณธรเบิกกว้างทันที หลังจากที่กระอักเลือดออกมาแล้ว ทั้งร่างกายก็อ่อนตัวลงไป และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
จิรภัทรวางร่างของปัณณธรลงบนพื้น ให้เขานอนลงดีๆ ถือได้ว่าเป็นความเหมาะสมที่ให้กับเขาเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากนั้นจิรภัทรลุกขึ้น หันกลับไปทางรพีพงษ์ สองมือประสานโค้งคำนับให้เขา พูดเสียงดังว่า: “จิรภัทร ขอเป็นตัวแทนของผู้อาวุโสและลูกศิษย์ในสำนักเทพยาเซียน แสดงคำขอโทษอย่างจริงใจต่อน้องรพีพงษ์ ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจนายผิด เกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ หวังว่าน้องรพีพงษ์จะใจกว้าง ให้อภัยกับความผิดพลาดของพวกเรา”
ทันทีที่คำพูดของเขาลดลง ผู้อาวุโสทุกคนในสำนักเทพยาเซียนก็กัดฟันลุกขึ้นจากพื้น และโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งไปทางรพีพงษ์
แม้ว่าลูกศิษย์ในสำนักเทพยาเซียนจะไม่ได้เข้าร่วมการรุมโจมตีรพีพงษ์ แต่พวกเขาก็เลื่อมใสความแข็งแกร่งของรพีพงษ์อย่างสุดซึ้ง เมื่อเห็นผู้อาวุโสทุกคนโค้งคำนับให้รพีพงษ์ พวกเขาก็สองมือประสานเคารพให้กับรพีพงษ์ ต่างคนต่างก็แสดงความเคารพต่อรพีพงษ์
เมื่อรพีพงษ์เห็นคนในสำนักเทพยาเซียนขอโทษด้วยความจริงใจ รวมทั้งเรื่องที่ปัณณธรทำเป็นการกระทำส่วนตัวที่เกิดจากความคิดของตัวเอง จิรภัทรและคนอื่นๆก่อนหน้านั้นก็เป็นเพราะหลงเชื่อคำพูดของปัณณธร ถึงได้ลงมือกับรพีพงษ์ ดังนั้นจึงตั้งใจที่จะไม่ถือสาพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ ฝั่งของสำนักเทพยาเซียนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบถึงจะถูก
“เรื่องราวตรวจสอบชัดเจนก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”รพีพงษ์เอ่ยปาก
เมื่อเห็นรพีพงษ์ให้อภัย จิรภัทรก็โล่งใจ รพีพงษ์ยังหนุ่มขนาดนี้ ก็แสดงประสิทธิภาพในการต่อสู้ที่น่ากลัวออกมาได้ ถ้าครั้งนี้เป็นปรปักษ์กับรพีพงษ์ สำหรับสำนักเทพยาเซียน จะเป็นหายนะที่น่ากลัว
“เด็กเหล่านี้ก็รบกวนเจ้าสำนักช่วยส่งตัวกลับไปด้วย”รพีพงษ์หันหน้ามองไปทางอุเอสึงิ ฮารุ และกลุ่มเด็กที่ยืมอยู่ข้างหลังอุเอสึงิ ฮารุ
ในเวลานี้สายตาของอุเอสึงิ ฮารุมองไปทางรพีพงษ์ มีความสดใสที่เปล่งประกายออกมาเหมือนกัน
“เรื่องนี้นายไม่ต้องห่วง ฉันจะให้ลูกศิษย์ในสำนักไปตามหาครอบครัวของพวกเขา เรื่องนี้ฉันจะจัดการดูแลตามความเหมาะ”จิรภัทรเอ่ยปาก
รพีพงษ์พยักหน้า จิรภัทรไปจัดให้ลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนไปจัดการเรื่องของเด็กเหล่านั้นทันที
เมื่อเห็นจิรภัทรจัดการเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์เดินไปที่ข้างๆจิรภัทร กระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า: “เจ้าสำนักจิรภัทร ฉันมีเรื่องที่จะขอคำชี้แนะจากคุณ ไม่รู้ว่าคุณจะสะดวกมั้ย?”
จิรภัทรยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “สะดวกอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าน้องรพีพงษ์มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“คุณเคยกินยาที่เรียกว่ายาชั้นเลิศมั้ย?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“เรื่องนี้ไม่เคยอยู่แล้ว ยาชั้นเลิศเป็นสมบัติล้ำค่าของในบรรดายา ไม่สามารถที่จะกินตามใจชอบได้ แต่ได้ยินมาว่ายาชั้นเลิศนอกจากมีฤทธิ์ยาที่ดีแล้ว ก็ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เหมือนกับยาที่พวกเรากิน แม้ว่าจะมองไม่ออกว่ามีผลข้างเคียงอะไร จริงๆแล้วมันทำร้ายรากฐาน กินมากเกินไป จะส่งผลกระทบที่ไม่สามารถไถ่ถอนต่อความแข็งแกร่งได้”จิรภัทรพูดด้วยความอิจฉา
“ไม่มีผลข้างเคียงก็จริง เพียงแต่ว่า ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าบนร่างกายของตัวเองร้อน ที่สำคัญ….อะแฮ่มๆ ความคิดปั่นป่วนเล็กน้อย ไม่ทราบว่าเจ้าสำนักจิรภัทร จะสามารถช่วยดูให้ฉันหน่อยได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?”รพีพงษ์เอ่ยปากอย่างเขินอาย
จิรภัทรช่วยจับชีพจรของรพีพงษ์ทันที จากนั้นจ้องมองไปที่รพีพงษ์แล้วตรวจอย่างละเอียดสักพัก จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง โน้มตัวไปที่หูของรพีพงษ์ เอ่ยปากถาม: “น้องรพีพงษ์ ไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนั้น คือคนรักของนายหรือเปล่า?”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ไม่ใช่ ทำไมเหรอ? อาการของฉัน เกี่ยวอะไรกับหล่อนด้วยเหรอ?”
จิรภัทรหัวเราะแฮะๆ แล้วพูดว่า: “อาการของนายไม่เกี่ยวอะไรกับหล่อน เพียงแต่ยาชั้นเลิศนั้นทำให้นายมีกำลังวังชามากเกินไป แต่หล่อนสามารถช่วยนายแก้ไขอาการนี้ได้”
รพีพงษ์มึนงง ไม่เข้าใจความหมายของจิรภัทร แล้วถาม: “แก้ไขยังไง?”
ทันใดนั้นจิรภัทรก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดว่า: “เรียกหล่อนมาพร้อมกัน แล้วตามฉันมาเถอะ”