พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่839 ชะงัก
บทที่839 ชะงัก
ฝนสุดาได้ยินคำพูดนี้ของฮารุฮิ กันตะ หันมองรพีพงษ์ ตอนนี้รพีพงษ์เป็นลูกพี่ของเธอ จากนั้นจะทำอะไรต่อ ก็ต้องฟังลูกพี่เป็นธรรมดา
รพีพงษ์ดื่มเหล้าสักหน่อย รู้สึกเริ่มน่าสนใจ เมื่อได้ยินฮารุฮิ กันตะจะเรียกปรมาจารย์มา ก็รู้สึกชอบใจ
ตอนนี้ยังไม่ดึก เล่นกับฮารุฮิ กันตะต่อไปคงไม่เป็นไร
“ปรมาจารย์ที่แกพูดถึงนั้น คงไม่ใช่คนที่เก่งกว่าอันธพาลนิดหน่อยใช่มั้ย?” รพีพงษ์ถาม
ฮารุฮิ กันตะกล่าวอย่างดูแคลน ว่า “ความสามารถของปรมาจารย์ดีกว่าพวกสวะพวกนี้เยอะ จะบอกให้นะ ปรมาจารย์ท่านี้มาจากประเทศจีน ที่ประเทศจีน พวกเขาล้วนเรียกเขาว่าปรมาจารย์ ฝีมือของเขา เกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แกกล้าให้ฉันเรียกเขามาป่ะล่ะ?”
รพีพงษ์ยักคิ้ว ไม่คาดคิดว่าจะมีปรมาจารย์ จึงยิ้มพลางกล่าวว่า “งั้นฉันรอที่นี่แล้วกัน แกเรียกเขามา”
ฮารุฮิ กันตะเห็นรพีพงษ์ตกหลุมพรางคำท้าทายของเขา ก็ดูแคลน ไม่พูดพร่ำทำเพลงหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมา โทรไปหาบดีศวร
เขามองว่า เพียงแค่บดีศวรมา ก็สามารถจัดการรพีพงษ์ผู้ที่อวดเก่งได้แล้ว
“ฉันบอกกับปรมาจารย์แล้ว ปรมาจารย์จะมาอย่างรวดเร็ว ถ้าแกกล้าพอ ก็รออยู่นี่อย่าไปไหน” ฮารุฮิ กันตะพูดกับรพีพงษ์อย่างเสียงดัง
รพีพงษ์เดินไปที่บาร์ แล้วนั่งลง
ฝนสุดารีบเดินไป นั่งข้างๆรพีพงษ์ แล้วถาม “ปรมาจารย์ที่เขาพูดถึง ใช่แดนปรมาจารย์ที่อาจารย์พูดในตอนนั้นหรือเปล่า?”
ตอนนั้นที่ฝนสุดาและรพีพงษ์ทำสมาธิกับอาจารย์บนเขา ก็รู้เกี่ยวกับการแบ่งขั้นของวงการบู๊อยู่บ้าง
ตอนนั้นเธอรู้ว่ายอดฝีมือแดนปรมาจารย์น่าเกรงขาม ตอนนี้ได้ยินฮารุฮิ กันตะพูดแบบนี้ ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมา
รพีพงษ์พยักหน้า กล่าว “น่าจะใช่”
“งั้นพวกเราจะรอบ้าอะไรที่นี่ รีบไปสิ ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์น่ากลัวมาก ถ้ามาจริงๆ พวกเราก็จบเห่ดิ?” ฝนสุดาตาโต เธอไม่รู้ว่าตอนนี้รพีพงษ์ฝีมือระดับไหน
อุเอสึงิ ฮารุที่อยู่ข้างๆยิ้มออกมา กล่าว “คุณฝนสุดา คุณไม่ต้องเป็นห่วง คุณชายเก่งกาจมาก แม้จะมีแดนปรมาจารย์ล้อมเขาไว้สิบกว่าคน คุณชายก็เอาตัวรอดได้”
ฝนสุดามองรพีพงษ์อย่างตะลึง กล่าว “แดนปรมาจารย์สิบกว่าคนล้อมไว้? จริงป้ะเนี่ย?”
“จริงที่สุด ฉันเห็นมากับตา” อุเอสึงิ ฮารุกล่าวอย่างจริงจัง
ฝนสุดาอึ้งไปชั่วขณะ เธอไม่รู้เลยว่าไม่ได้เจอรพีพงษ์นานขนาดนี้ แล้วฝีมือจะเก่งกาจไปถึงระดับไหนแล้ว
“กินเหล้าต่อดีกว่า รอให้จัดการกับปรมาจารย์ท่านั้นแล้ว พวกเราก็ควรจะกลับได้แล้ว” รพีพงษ์ยิ้มพลางกล่าว
……
ในระหว่างทางไปคลับโกเบริเวอร์
บดีศวรพาลูกศิษย์ของตระกูลวัชรชัยไปหลายคน ท่าทางโหดเหี้ยม
“ไม่คาดคิดว่าวันนี้พวกเราเพิ่งจะคุยเรื่องร่วมมือกับตระกูลฮารุฮิสำเร็จ แล้วจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันออกโรง ต้องเคลียร์ปัญหาให้หมดทุกอย่าง มิเช่นนั้นคนของตระกูลฮารุฮิจะต้องสงสัยในฝีมือของพวกเราแน่” บดีศวรพูดกับศิษย์ของตระกูลวัชรชัย
ศิษย์เหล่านั้นพยักหน้า หนึ่งในนั้นยิ้มพลางกล่าวว่า “ประเทศญี่ปุ่นไม่เหมือนประเทศจีน ที่นี่ไม่มีศิลปะการต่อสู้ แม้จะมีพวกนินจาอยู่บ้าง ก็ลึกลับทั้งนั้น ปกติจะไม่เปิดเผยตัวทางโลก ฉันรู้สึกว่าครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถึงเวลานั้นพวกเราออกหน้าก็พอแล้ว นายใหญ่มองดูก็พอแล้ว”
ศิษย์คนอื่นๆพยักหน้าตามๆกัน เห็นด้วยความคิดนี้อย่างมาก
บดีศวรก็ไม่รู้สึกว่าคำพูดของศิษย์คนนี้จะเกินไปหรือยังไง สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ดังนั้นจึงไม่ต้องขัดคอใดๆ
“เดี๋ยวถึงแล้ว พวกแกลงมือก่อน ถ้าจัดการไม่ได้ ฉันค่อยออกโรงเอง นี่เป็นโอกาสที่จะแสดงฝีมือให้คนของตระกูลฮารุฮิ พวกเราต้องทำให้ดี” บดีศวรกล่าว
ศิษย์ทั้งหลายพยักหน้า ด้วยสายตาตื่นเต้น
ในผับ
ฮารุฮิ กันตะมองไปที่รพีพงษ์ทั้งสามคนที่กำลังนั่งชิลๆอย่างโมโห แป๊ปๆก็ด่าออกมา
“เดี๋ยวรอให้ปรมาจารย์มาถึง ดูว่าพวกแกยังจะชิลได้อีกมั้ย”
ไม่นาน บดีศวรก็พาลูกศิษย์มาถึงในคลับโกเบริเวอร์ พวกเขาเห็นฮารุฮิ กันตะที่กำลังโมโหยืนอยู่ ศิษย์ของตระกูลวัชรชัยอยากทำออกมาให้ดี จึงรีบเดินไปด้านหน้าของฮารุฮิ กันตะ
“คุณชายฮารุฮิ กันตะ มิทราบว่าใครหาเรื่องคุณชาย ให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา เรื่องนี้ เราจะจัดการแทนคุณเอง” หนึ่งในลูกศิษย์กล่าว
ฮารุฮิ กันตะเห็นคนของตระกูลวัชรชัยมา ก็ยิ้มออก แล้วกล่าว “พวกคุณมาถึงสักที คนที่อวดเก่งต่อหน้าผมอยู่นั้น ขอพวกคุณกรุณาจัดการมันให้ผมด้วย มิเช่นนั้นศักดิ์ศรีของตระกูลฮารุฮิ จะถูกย่ำยี”
พูดพลาง ฮารุฮิ กันตะก็ชี้ไปที่รพีพงษ์
“คุณชายฮารุฮิ กันตะสบายใจได้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำอยู่แล้ว”
ลูกศิษย์พวกนั้นหันไปมองทางรพีพงษ์ เตรียมตัวต่อสู้
แต่หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นเป็นใครแล้วนั้น ก็ต้องชะงักทันที
เดิมทีเท้าที่จะก้าวเดินออกไปก็แข็งทื่ออยู่กับที่
“ร……รพีพงษ์? เป็นเขาได้ไงกัน?”
คนของตระกูลวัชรชัยเหล่านี้แม้จะลืมกำพืดของตัวเอง แต่ก็ไม่มีทางลืมลักษณะของรพีพงษ์ได้
คนนี้แหละ ที่ทำให้ตระกูลวัชรชัยเจอกับวิกฤต ถ้าไม่ใช่เขา ตระกูลวัชรชัยก็ไม่มีทางถูกบีบมาที่ประเทศญี่ปุ่นได้
แต่ทว่าโลกบังเอิญพรหมลิขิต พวกเขาได้เจอกับรพีพงษ์ที่นี่อีกแล้ว แล้วยังเป็นภารกิจแรกที่คุณชายตระกูลฮารุฮิให้พวกเขาทำด้วย
คนของตระกูลวัชรชัยรู้ดีอย่างมากเกี่ยวกับฝีมือของรพีพงษ์ ตอนนั้นรพีพงษ์ต่อกรกับคนของวงการบู๊ของจีนเพียงลำพัง พวกเขาเห็นมันมากับตา ไม่มีใครรู้ดีถึงความน่ากลัวของรพีพงษ์เท่าพวกเขาอีกแล้ว
ตอนนี้ฮารุฮิ กันตะให้พวกเขาไปต่อสู้กับรพีพงษ์ พวกเขากลัวจนก้าวเท้าไม่ออกแล้ว
ฮารุฮิ กันตะเห็นพวกศิษย์ของตระกูลวัชรชัยไม่ลงมือ ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา จึงถาม “มีปัญหาอะไรมั้ย?”
ศิษย์ของตระกูลวัชรชัยเหงื่อออกตามตัว ตอนนี้ไม่ใช่มีปัญหาธรรมดา แต่เป็นปัญหาระดับโลกแล้วล่ะ คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นมันคือนักฆ่าเลยนะ ถ้าพวกเขาไปล่ะก็ เกรงว่าจะไม่มีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้ไปได้
ขณะนี้บดีศวรเดินมายังด้านหน้าของฮารุฮิ กันตะ เห็นศิษย์ของตระกูลวัชรชัยเหล่านี้ไม่ขยับ ก็รู้สึกแปลกใจ
ฮารุฮิ กันตะเห็นบดีศวรมา จึงรีบเดินไป แล้วกล่าว “ปรมาจารย์บดีศวร ผมต้องการให้พวกคุณแก้ไขปัญหา ที่นั่งอยู่ตรงนั้นไง ศิษย์ของคุณไม่รู้เป็นอะไร ยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน ไม่งั้นคุณลงมือเองมั้ย ด้วยฝีมือของคุณ จัดการไอ้เด็กนั่น ก็น่าจะเป็นเรื่องแค่เศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น”
บดีศวรพยักหน้า กล่าว “คุณชายฮารุฮิ กันตะวางใจได้ ผมจะจัดการแทนคุณเอง”
พูดจบ เขาก็เดินไปที่รพีพงษ์
เมื่อเห็นหน้าของรพีพงษ์ ปฏิกิริยาของรพีพงษ์ ก็เปลี่ยนไปเหมือนกับศิษย์ของตระกูลวัชรชัยพวกนั้น