พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่861 เจ้านายกลุ่มสิงโต
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่861 เจ้านายกลุ่มสิงโต
บทที่861 เจ้านายกลุ่มสิงโต
สายตาของรพีพงษ์จ้องมองชายชรา หรี่ตาลงอย่างกะทันหัน เขาไม่รู้สึกถึงพลังอานุภาพใดๆบนตัวของชายชรา ดูไปแล้วก็เหมือนราวกับคนธรรมดา ไม่มีภัยคุกคาม
แต่สัญชาตญาณของรพีพงษ์ได้กลิ่นที่เป็นอันตรายที่เลือนรางจากบนตัวชายชรา
ในใจรพีพงษ์รู้ดี ถ้าคนปกติดูไปแล้วเหมือนคนธรรมดา อย่างนั้นเขาก็เป็นคนธรรมดา แต่ถ้าคนที่ผิดปกติดูไปแล้วเหมือนคนธรรมดา ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงท่านหนึ่ง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รพีพงษ์ก็ไม่มีทางเชื่อว่าชายชราคนนี้เป็นคนแก่ธรรมดา
เขาหยิบมุรามาสะถือไว้ในมือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เพื่อป้องกันอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ฮารุฮิ สินและคนอื่นๆมองชายชราที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้ด้วยใบหน้าแปลกใจ ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าชราคนนี้ไม่ใช่เพื่อนของตระกูลฮารุฮิ
ยิ่งไปกว่านั้นภาษาที่เขาพูดคือภาษาจีน รพีพงษ์เดาได้อย่างรวดเร็วว่าคนคนนี้มุ่งมาหาเขาโดยเฉพาะ
“ท่านเป็นใคร?”รพีพงษ์จ้องมองไปที่ชายชราแล้วถาม
สายตาของชายชราจับจ้องมองไปที่ตัวรพีพงษ์ พูดด้วยรอยยิ้ม: “กลุ่มสิงโต”
เมื่อได้ยินคำสามคำนี้ ในใจรพีพงษ์ก็เกิดรู้แจ้งเห็นจริง เขาเดาได้ว่าคนคนนี้คงจะถูกกลุ่มสิงโตส่งมาให้ชักชวนตัวเองเข้าสู่กลุ่มสิงโตแน่ๆ
เขากลอกตาไปมา จากนั้นก็หยิบมุรามาสะขึ้นมาในทันที เอ่ยปากพูดว่า: “คาดไม่ถึงพวกท่านจะไล่ฆ่าฉันมาถึงที่นี่ ที่นี่ไม่สามารถแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่ พวกเราออกไปต่อสู้ที่ข้างนอกกันเถอะ!”
หลังจากพูดจบ รพีพงษ์พุ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนต่างก็จ้องมองไปที่รพีพงษ์ที่หายตัวไปในพริบตาอย่างมึนงง โดยรู้สึกว่ารพีพงษ์เหมือนจะหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลบหนี
ชราชายก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่เข้าใจว่ารพีพงษ์จะมาไม้ไหน กลุ่มสิงโตของพวกเขาไม่เคยส่งคนมาไล่ฆ่ารพีพงษ์
แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์พุ่งออกไป เขาก็ไม่รีรอ หันหลังออกจากคฤหาสน์
ทุกคนในตระกูลฮารุฮิก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว อยากไปดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่เมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก พบว่าทั้งสองคนหายไปอย่าไร้ร่องรอย และไม่รู้ว่าไปที่ไหน
เหตุผลที่จู่ๆรพีพงษ์ตะโกนประโยคดังกล่าว ไม่ใช่ว่าต้องการต่อสู้กับชายชรา แต่เขาเพื่อที่จะหลบหลีกฝนสุดและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองสาวนี้ จึงคิดวิธีนี้ออกมาได้อย่างกะทันหัน
“ชายชราคนเมื่อกี้นี้ดูไปแล้วไม่ธรรมดา พวกเราควรจะหาตัวพวกเขาให้พบโดยเร็วที่สุด เกิดถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายก็จะลำบากแย่”อุเอสึงิ ฮารุพูดอย่างกังวล
“แต่ว่า…..ทำไม ฉันรู้สึกว่าเหมือนรพีพงษ์จงใจหลบพวกเราล่ะ?”ฝนสุดาที่รู้จักรพีพงษ์อยู่บ้างก็พึมพำ
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฝนสุดาพูด อุเอสึงิ ฮารุก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันใด
……
ในซอยตรอกที่ไร้ผู้คน รพีพงษ์สังเกตบริเวณรอบๆอย่างรอบคอบ หลังจากที่แน่ใจว่าฝนสุดาและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนไม่ได้ไล่ตามมา ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาหันหน้าแล้วมองไป พบว่าชายชราผมขาวคนนั้นยืนจ้องมองเขาอยู่ไม่ไกล
“กลุ่มสิงโตของเราเคยไล่ฆ่านายตั้งแต่เมื่อไหร่? เกรงว่าเรื่องนี้คงจะต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันใช่มั้ย?”ชายชราเอ่ยปากถาม
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย สองมือประสานแล้วคำนับให้ชายชรา แล้วพูดว่า: “ขอโทษด้วยจริงๆ ที่ฉันพูดเมื่อกี้นี้ ความจริงแล้วคือเพื่อหาข้ออ้างออกมาจากตระกูลฮารุฮิ หญิงสาวสองคนนั้นทำให้คนปวดหัวจริงๆ ดังนั้นฉันจึงคิดแผนนี้ออกมาได้”
หลังจากที่ชายชราได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะขึ้นมาทันที เอ่ยปากว่า: “คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือแดนครึ่งเทพที่สง่าอย่างนาย กลับจะกลัวหญิงสาวทั้งสองคน ทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ”
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคำถามนี้ เอ่ยปากถามว่า: “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครในกลุ่มสิงโต แล้วมาหาฉันเพื่ออะไร?”
ชายชราไม่ได้ล้อรพีพงษ์เล่นอีกต่อไป เอ่ยปากว่า: “ฉันชื่อธัชธรรม ตอนนี้ฉันเป็นเจ้านายคนปัจจุบันของกลุ่มสิงโต ก่อนหน้าคนของพวกเราน่าจะเคยมาหานาย แต่นายปฏิเสธคำเชิญของพวกเรา ครั้งนี้ฉันมาทำธุระที่ประเทศญี่ปุ่น เจอการต่อสู้ระหว่างนายกับนายใหญ่ตระกูลอุเอสึงิคนนั้นเข้าพอดี ดังนั้นจึงมาพบ”
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา ในใจของรพีพงษ์ก็นิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดว่าชายชราตรงหน้าคนนี้จะเป็นเจ้านายของกลุ่มสิงโต ในใจก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตามที่อาจารย์พูดในตอนนั้น กลุ่มสิงโตเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของและลึกลับที่สุดในประเทศจีน ในฐานะเจ้านายของกลุ่มสิงโต ถ้าไม่มีความแข็งแกร่งของแดนดั่งเทพรพีพงษ์ก็คงจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน ที่สำคัญรพีพงศ์รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากบนตัวเจ้านายคนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของเขา อยู่ไหนแดนดั่งเทพ และอยู่ในระดับอันดับชั้นสูงสุด
“เจ้านายของกลุ่มสิงโตมาพบฉันด้วยตัวเอง สิ่งนี้ทำให้ฉันรู้สึกได้รับความสำคัญอย่างที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ธัชธรรมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากคุยกับนาย พวกเราหาที่เงียบๆที่หนึ่ง นั่งแล้วคุยกันมั้ย?”
รพีพงษ์พยักหน้า และไม่ได้ปฏิเสธ
หยกโยงจิตเขาได้มาสองชิ้นแล้ว ที่เหลืออีกหนึ่งชิ้น ก็อยู่ที่กลุ่มสิงโต ตอนนั้นอาจารย์ก็บอกว่าการเข้าร่วมกลุ่มสิงโตไม่ได้มีผลร้ายอะไรต่อเขา ดังนั้นครั้งนี้ได้พบเจอกับเจ้านายกลุ่มสิงโตเป็นโอกาสสำหรับรพีพงษ์อีกครั้งหนึ่ง และถ้าพลาดครั้งนี้ไป อยากจะหาคนของกลุ่มสิงโตให้พบ คงจะไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
“ผู้อาวุโส รอฉันจัดการเรื่องตัวเองก่อน ค่อยหาที่ที่หนึ่งแล้วนั่งคุยกับคุณ ว่ายังไงล่ะ?”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ธัชธรรมยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ได้”
คฤหาสน์ตระกูลฮารุฮิ อุเอสึงิ ฮารุและฝนสุดาทั้งสองคนต่างเดินไปเดินมาในห้องรับแขกด้วยความกังวล
เมื่อฮารุฮิ สินเห็นท่าทางของพวกหล่อนทั้งสองคนเป็นแบบนี้ จึงเอ่ยปากว่า: “พวกเธอนั่งลงมาพักผ่อนเถอะ กังวลแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ก็แข็งแกร่งขนาดนั้น คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรอย่างแน่นอน”
“โธ่เอ๊ย ฉันไม่ได้กังวลว่าเขาจะเกิดเรื่อง ฉันกังวลว่าเขาจะฉวยโอกาสหนีไปต่างหาก”ฝนสุดาเอ่ยปาก
ฮารุฮิ สินพูดไม่ออกทันที ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดี
ในเวลานี้มีคนวิ่งเข้ามา โดยที่ยังถือกระดาษอยู่ในมือ และเอ่ยปากว่า: “เมื่อกี้นี้มีคนโยนหินหนึ่งก้อนเข้ามา ด้านนอกก้อนหินห่อหุ้มด้วยกระดาษแผ่นนี้ ด้านบนน่าจะเป็นอักษรภาษาจีน ไม่รู้ว่าเขียนอะไร”
เมื่อฝนสุดาได้ยินสิ่งนี้ รีบเดินไปตรงหน้าคนคนนั้น หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมา อ่านตัวหนังสือด้านบนอย่างละเอียด จากนั้นบนใบหน้าก็แสดงออกถึงความโกรธแค้นออกมา
กระดาษแผ่นนี้เขียนโดยรพีพงษ์ เนื้อหาด้านบนเขียนประมาณว่ารพีพงษ์ได้จัดการคนที่มาไล่ฆ่าเขาแล้ว เพียงแต่ยังมีคนจำนวนมากที่ต้องการฆ่าเขา องค์กรนี้น่ากลัวมาก รพีพงษ์ต้องตั้งใจที่จะรับมือกับพวกเขา ก็จากที่นี่ไปก่อน ให้ฝนสุดและอุเอสึงิ ฮารุทั้งสองคนอยู่ที่ตระกูลฮารุฮิดีๆ ไม่ต้องไปหาเขา ไม่อย่างนั้นก็จะก่อให้เกิดหายนะถูกฆ่าไปด้วย
“รพีพงษ์ที่สมควรตาย เขาจงใจทิ้งพวกเราไว้ข้างหลัง ชายชราคนนั้นดูไม่เหมือนกำลังไล่ฆ่าเขา เห็นได้ชัดว่ากำลังเล่นละครตบตาหลอกพวกเราอยู่!”ฝนสุดาพูดอย่างโกรธๆ
อุเอสึงิ ฮารุก็อ่านเนื้อหาบนกระดาษหนึ่งรอบ จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง: “คุณชายทิ้งพวกเราไปแบบนี้ แล้วจากไปแล้วเหรอ?