พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่879 หน้าไม่อาย
บทที่879 หน้าไม่อาย
หงส์ดูมือที่รพีพงษ์ชูสามนิ้ว ด้วยสีหน้าประชดประชัน แล้วกล่าว “คนขี้โม้อย่างแก ฉันเพิ่งเคยเห็นครั้งแรกก็ครั้งนี้แหละ ฉันคิดว่าตัวเองก็ถือเป็นคนเก่งที่ไม่เลวคนหนึ่งเลย ยังไม่กล้าพูดว่าจะใช้สามท่าแล้วจะทำให้คนระดับเดียวกันแพ้เลยนะ แต่นี่แกอายุแค่ยี่สิบกว่าปี ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าแกไปเอาความกล้ามาจากไหน”
พูดจบ ฝีมือแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของเธอก็ระเบิดออกมาทันใด ทุกคนตะลึง
พรดรัลและคนอื่นมองรพีพงษ์ด้วยความเหยียดหยาม รู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นเพียงรุ่นน้อง ยังไงก็ไม่มีทางชนะหงส์ด้วยสามท่าได้
นอกจากเขาจะเป็นแดนดั่งเทพ
แต่รพีพงษ์อายุแค่นี้แล้วเป็นแดนดั่งเทพนั้น อาจจะพูดได้ว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ พวกเขาไม่คิดว่ารพีพงษ์คือแดนดั่งเทพ
“เด็กนี่มันยโสโอหัง ยั่วโมโหแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย”
“หาที่ตายชัดๆ ถ้าตอนนั้นเด็กนี่มันอ่อนน้อมเสียหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นศัตรูกับหงส์ให้ได้ ไงล่ะทีนี้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้เข้ากลุ่มสิงโตนะ ไม่แน่อาจต้องแลกด้วยชีวิตเลยก็เป็นได้”
“ไอ้นี่มันคงไม่ใช่เห็นว่าคนที่รับผิดชอบการทดสอบเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงได้กล้าแบบนี้หรอกนะ ถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นไงล่ะ”
“เหอะ กล้าน่ะมันดี แต่ก็ต้องดูเวลาด้วย เค้าหงส์ผู้ยิ่งใหญ่สาวสวยที่หาได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่คนที่เขาจะคิดอะไรด้วยได้ พูดได้เพียงเขาหาเรื่องเองแล้วล่ะ”
……
รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังในตัวของหงส์ ก็แสดงความชื่นชมออกมา ฝีมือของเธอ ในแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด น่าจะเป็นขั้นสูงสุดนั้นแล้วแหละ
แต่ว่า แม้ว่าแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดจะเก่งขนาดไหน รพีพงษ์ที่อยู่ระดับแดนครึ่งดั่งเทพ ก็ไม่มีอะไร
“เด็กน้อย ฉันจะให้แกลิ้มลองความเก่งกาจของฉัน!”
หงส์ตะคอกใส่รพีพงษ์ จากนั้นก็พุ่งลอยเข้าหารพีพงษ์อย่างเร็ว
ในขณะที่หงส์พุ่งเข้าหารพีพงษ์อย่างเร็วนั้น เขาก็ผลักออกไป ภาพลวงตาบางๆสะท้อนออกผ่านชั้นบรรยากาศ พลังที่อยู่ด้านบนทั้งหมดหยุดร่างของหงส์เอาไว้
“อะไรกัน! ไอ้เด็กนี่มันทำภาพลวงตาได้!” พรดรัลที่อยู่บนเวทีด้านข้างถึงกับตาค้าง
เพราะภาพลวงตาปรากฏขึ้น หงส์จึงหยุดอยู่กับที่
รพีพงษ์ไม่ได้ออกแรงอะไรมาก ก็แค่อยากให้หงส์หยุดเท่านั้น หลังจากที่เขาเห็นหงส์หยุดแล้วนั้น ก็เข้าไปประชิดตัวหงส์อย่างเร็ว ยิ้มให้เธอ แล้วกล่าว “หยุดเหม่อลอยตอนนี้ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจที่ดีเลยนะ”
พูดจบ เขาเพียงยื่นมือตบไปที่คอของหงส์ ร่างของหงส์ก็อ่อนลงทันใด
รพีพงษ์ยื่นมือไปจับแขนเธอ อีกมือหนึ่งจับขาอ่อนเธอไว้ จากนั้นก็ยกเธอขึ้น เดินไปข้างเวที
หงส์ต่อต้านขึ้นมา แต่เธออยู่ในมือของรพีพงษ์ไม่สามารถออกแรงอะไรได้เลย โดยเฉพาะมือของรพีพงษ์ที่จับขาอ่อนของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครจับขาเธอเลย ตอนนี้รพีพงษ์กำลังจับอยู่ เธอทั้งอายทั้งโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“แกไอ้เลว ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” หงส์ตะโกน
รพีพงษ์ไม่สนใจ ตอนที่เดินไปข้างๆเวทีนั้น จึงได้ปล่อยมือ โยนเธอลงไปนอกเวที
หลายปีมานี้หงส์ยังไม่เคยลิ้มลองความเจ็บปวดจากการล้มลงเลย ตอนนี้รพีพงษ์โยนเธอลง เธอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อน ล้มลงกับพื้น ร้องออกมาตามสัญชาตญาณ
พรดรัลและคนอื่นมองเหตุการณ์นี้อย่างตาค้าง รพีพงษ์โยนหงส์ลงไปจากเวทีได้อย่างง่ายดาย และไม่ใช่แตะลงไป นี่เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ
หงส์ได้มองรพีพงษ์ที่อยู่บนเวทีด้วยความโกรธแค้น แม้เธอจะสามสิบกว่าปีแล้ว แต่ทุกคนในกลุ่มสิงโตล้วนตามใจเธอ ไม่มีใครกล้าหยาบคายกับเธอแบบนี้มาก่อน
“ตอนนี้ผมเข้าร่วมกลุ่มสิงโตได้หรือยัง?” รพีพงษ์จ้องไปที่หงส์แล้วถาม ราวกับไม่ให้เกียรติผู้หญิงอย่างไรอย่างนั้น
หงส์มองรพีพงษ์อย่างโมโห แม้เธอจะโกรธมากที่รพีพงษ์โยนเธอลงจากเวที แต่ฝีมือที่รพีพงษ์แสดงออกมาตอนนั้นทำเอาเธอประหลาดใจ ถ้ารพีพงษ์อายุเท่านี้แล้วเป็นแดนดั่งเทพได้ งั้นที่เขาพูดว่าตัวเองถูกเชิญให้เข้าร่วม ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ไม่ว่าจะยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่แก แกต่อยฉันลองออกนอกเวทีฉันจะไม่พูดอะไรเลย แต่นี่แกโยนฉันแบบนี้ แกตั้งใจจะเหยียดหยามฉันใช่มั้ย?” หงส์ไม่สนใจคำถามของรพีพงษ์ จากนั้นก็ตะคอกใส่เขา
รพีพงษ์มองเธอแล้วตอบ “ขอโทษนะ ผมก็แค่ทำให้ครบสามท่า ไม่ใช่อยากจะเหยียดหยามอะไรคุณเลย”
หงส์ได้แต่ลูบขาอ่อนที่รพีพงษ์จับเมื่อกี๊ เธออายุสามสิบกว่าปีแล้ว ยังถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมโยนลงมาแบบนี้อีก ขายขี้หน้าชัดๆ
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผม” รพีพงษ์ถามอีกครั้ง
หงส์ยืนขึ้นจากพื้น มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก แม้เธออยากจะไล่ไอ้เด็กนี้ไป แต่ฝีมือของรพีพงษ์พิสูจน์ทุกอย่างแล้ว ถ้าเธอไล่คนที่มีพรสวรรค์แบบนี้ออกไป เกรงว่าเจ้าสำนักจะฆ่าเธอทิ้งแน่นอน
“ฝีมือแก ถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว?” หงส์ถาม
“ยังไม่ถึง แค่แดนครึ่งดั่งเทพเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย
หงส์ยังคงไม่รามือ แดนครึ่งดั่งเทพ ก็ถือว่าน่าเกรงขามแล้ว
“เหอะ เห็นแก่พรสวรรค์ของแก วันนี้ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อยกับแกแล้ว แต่เรื่องที่แกโยนฉันออกจากเวที ฉันจะไม่มีทางลืมแน่ ฉันจะต้องเช็คบิลกับแกให้ได้” หงส์กล่าว
รพีพงษ์มองผู้หญิงคนนี้อย่างไม่เข้าใจ ตนก็แค่โยนเธอลงจากเวทีเท่านั้น นี่เป็นเพราะฝีมือเธอไม่เท่าคนอื่น เธอยังจะมาเช็คบิลกับตนอีก ไร้เหตุผลจริงๆ
“ผมบอกแล้วว่าสามท่าทำให้คุณลงจากเวที นี่ทำได้เพียงโทษตัวเองที่ฝีมือไม่เท่าคนอื่นนะ ทำไมคุณยังจะมาเช็คบิลกับผมอีก? นี่คุณไม่รักษาคำพูดเลยอย่างนั้นหรอ?” รพีพงษ์กล่าว
ไม่รู้ทำไม หงส์รู้สึกว่าคนนี้เป็นเหมือนเป็นมือปราบ เดิมทีไม่ว่าเรื่องไหน เธอรู้ได้เปรียบ แต่ตอนนี้กลับเป็นรพีพงษ์จูงจมูกเธอเสียแล้ว
“แก……แกมันหน้าไม่อาย!” หงส์ตะคอกใส่รพีพงษ์
“ผมหน้าไม่อายยังไงอีก? พูดอะไรต้องมีหลักฐานนะ ถ้าแค่พูดก็เป็นหญิงปากร้าย” รพีพงษ์กล่าว
หงส์ร้อนรน ใบหน้าสีแดงก่ำ จากนั้นก็ชี้หน้าด่ารพีพงษ์ แล้วกล่าว “แกลูบขาอ่อนฉัน ถ้านี่ไม่ใช่หน้าไม่อายแล้วจะเรียกว่าอะไร!