พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่889 ปรินทรมาถึงที่
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่889 ปรินทรมาถึงที่
บทที่889 ปรินทรมาถึงที่
เกียวโต คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ในสนามหลัก
ขณะนี้คนของตระกูลลัดดาวัลย์เคร่งเครียด วันนี้เป็นวันที่สามวันสุดท้ายที่ประวีร์พูดถึง ถ้าอารียาไม่ตอบรับไปพบผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นพร้อมกับพวกเขา ผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจะมาหาถึงที่ ถึงเวลานั้นตระกูลลัดดาวัลย์จะพบกับวิกฤตใหญ่หลวง
หลายวันมานี่ได้ฟังปวิตรและปวัชอธิบาย พวกเขาก็เข้าใจว่าแดนดั่งเทพมีความน่ากลัวอย่างไร ยอดฝีมือระดับนี้ แม้ตอนนี้กำลังของตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ธรรมดาเหมือนตระกูลอื่น แล้วยังมีแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคน ต่อหน้าแดนดั่งเทพ ก็สกิดแล้วตายเหมือนกัน
“ไอ้เหี้ยตระกูลฉัตรมงคลเมืองยอง ฉันว่ามันนั่นแหละที่ยั่วโมโหแดนดั่งเทพนี้ แล้วโยนมาให้พวกเรา ไม่งั้นทำไมแดนดั่งเทพนั้นจึงได้ให้พวกเขาพามาที่เมืองเกียวโตล่ะ?” ชนาธิปกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เราควรจะมาคิดกันว่าจะต่อกรกับแดนดั่งเทพนี้ยังไง จากที่ปวิชและปวัตรพูด แม้จะมียอดฝีมือแบบนี้สิบคน ก็ต่อกรกับแดนดั่งเทพแบบนี้ไม่ได้ คนแบบนี้ พอที่จะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์พังทลายได้แล้ว” ท่านคทากล่าว
ปวิชและปวัตรทั้งสองเห็นด้วยกับความคิดนี้ แดนดั่งเทพ ไม่ควรจะปรากฏตัวบนโลกถึงจะถูก พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าประวีร์ไปหายอดฝีมือนี้มาจากไหน
“ไม่งั้นพี่สะใภ้พาหนูลินหนีไปก่อนดีมั้ย ถ้าแดนดั่งเทพนั่นมา แล้วหาไม่เจอ ไม่แน่อาจจะล้มเลิกความคิดไป” ครองภพกล่าว
“ไม่ได้!” อารียาปฏิเสธข้อเสนอของเขา “ถ้าฉันหนีไป ไอ้แดนดั่งเทพนั่นก็ลงกับตระกูลลัดดาวัลย์ได้ ถึงเวลานั้นตระกูลลัดดาวัลย์ต้องเจอกับหายนะแล้ว”
“เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนี้ อารียาได้ให้ธฤตญาณพาหนูลินไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้ว ประวีร์ไม่รู้ว่าเธอมีลูกแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะไปทำอะไรหนูลิน
“แต่ถ้าไม่เจอแดนดั่งเทพนั่นยังไงมันก็ไม่ปล่อยคนอื่นไว้ ไม่ใช่แค่คุณหนีไป พวกเราทุกคนก็หนีไปด้วย เหลือไว้แค่คฤหาสน์ว่างเปล่า แบบนี้ผลกระทบก็น้อยลง” ดำเกิงเสนอขึ้นมา
ความคิดนี้คนของตระกูลลัดดาวัลย์เคยคิดไว้ แต่ถ้าพวกเขาหนีไปหมด งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ก็ไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ ถึงเวลานั้นจะกระทบกับคนที่เกี่ยวข้องกับกิจการทั้งหมดของตระกูลลัดดาวัลย์
และก็ไม่มีคนรู้ด้วยว่าแดนดั่งเทพนี้มีเบื้องหลังอย่างไร หลังจากที่พวกเขาหนีไปแล้ว ถ้าแดนดั่งเทพนี้มีวิธีหาพวกเขาเจอ แล้วพวกเขาจะต้องเจอกับอันตรายอะไรบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคนของตระกูลลัดดาวัลย์หนีไป คนที่จะโชคร้ายคนแรก ต้องเป็นหอการค้าสมน.แน่นอน จิตใจอันดีงามของอารียาไม่ให้เธอทำแบบนี้แน่นอน
ดังนั้นในสามวันนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ได้ปรึกษากันมาตลอดว่าจะต่อกรกับแดนดั่งเทพอย่างไร
อารียาเคยคิดอยากให้รพีพงษ์กลับมา แต่ตอนที่รพีพงษ์จากไปนั้น ฝีมือแค่แดนครึ่งปรมาจารย์เท่านั้น ปวิตรและปวัชแสดงท่าทีว่ารพีพงษ์กลับมาก็ไม่ชนะแดนดั่งเทพ และด้วยนิสัยของรพีพงษ์ จะต้องเอาเป็นเอาตายกับแดนดั่งเทพนั้นแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับรพีพงษ์
ในขณะที่ตระกูลลัดดาวัลย์กำลังเครียดอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังเข้ามาในหู
“ทำไม ไม่มาอยู่ในอ้อมกอดฉัน แล้วยังคิดจะหนีอีกหรอ? พวกแกไม่ให้ความสำคัญฉันเลยใช่มั้ย?”
ทุกคนได้ยินเสียงนี้ล้วนตกใจกันเป็นแถวๆ เพราะพวกเขาไม่เห็นคนที่ปรากฏตรงหน้า แต่เสียงนั้นเหมือนมีคนพูดอยู่ข้างๆหูของพวกเขา
วิธีแบบนี้ มีเพียงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะทำได้ อย่างน้อยปวิชและปวัตรไม่คิดว่าตัวเองทำได้
ดังนั้นนี่หมายความว่า แดนดั่งเทพที่ประวีร์พูดนั้นมาถึงแล้ว
“เหี้ย ให้เวลาสามวันไม่ใช่หรอวะ ทำไมมาตั้งแต่ตอนนี้?” ครองภพด่า
จากนั้น ทุกคนเห็นร่างตระหง่านอยู่ที่สวน ประวีร์และดิลวิลตามอยู่ด้านหลังเขา เหมือนกับเป็นผู้ดูแล ท่าทียินดีปรีดา
ปวิชและปวัตรทั้งสองจ้องไปที่ปรินทรอย่างขะมักขะเม่น รับรู้ได้ถึงความอันตรายที่มาจากร่างของเขา ความรู้สึกแบบนี้ พวกเขาจะรับรู้ได้จากคนที่เป็นแดนดั่งเทพเท่านั้น
“ผู้ยิ่งใหญ่ของเราได้เปลี่ยนใจแล้ว เขารอถึงสามวันไม่ไหว ดังนั้นจึงมาตั้งแต่ตอนนี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกแกกำลังจะหนี ไอ้พวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี! อารียา ผู้ยิ่งใหญ่ชอบแก ถือว่าเป็นโชคของแก แกกล้ารังเกียจผู้ยิ่งใหญ่งั้นหรอ? ฉันว่าแกเคลื่อนไหวด้วยตัวเองดีกว่านะ อย่ารอให้ผู้ยิ่งใหญ่โมโห ไม่งั้นแกจะเจอดี”
ประวีร์ชักตาใส่อารียาแล้วกล่าว
อารียามองไปที่ประวีร์อย่างโมโห ในใจรู้สึกเสียใจที่ประวีร์และดิลวิลมาในครั้งแรกแล้วไม่จัดการเขาทิ้งเสีย
“ไม่แปลกที่เป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเกียวโต ความงามแบบนี้ หาได้อยากจริงๆ แล้วยังมีกลิ่นอายความเป็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งงานแล้วด้วย ความรู็สึกแบบนี้ ฉันชอบ ครั้งนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ”
ปรินทรจ้องอารียา ยิ้มพลางกล่าว
อารียารู้สึกขยะแขยง คิดไม่ถึงว่าคนที่เก่งกาจแบบนี้ จะเป็นแบบนี้
“ไม่ว่าแกจะเก่งกาจขนาดไหน ฉันก็ไม่มีทางทำตามแกแน่นอน แม้วันนี้ฉันจะตาย ฉันก็ไม่มีทางยอมจำนนให้แกแน่!” อารียาจ้องปรินทรแล้วตะคอก
ปรินทรดูแคลน แล้วกล่าว “ไม่คาดคิดว่าจะมีอารมณ์เหมือนกันนะเนี่ย แต่แกคิดว่าแกเลือกได้หรือไง?”
พูดจบ เขาก็เดินไปทางอารียา
ปวิชและปวัตรรีบขวางด้านหน้าอารียาไว้ มองไปที่ปรินทรอย่างระวังตัว ปวัตรกล่าว “กรุณาประพฤติตัวให้ดีๆหน่อย อย่าให้เสียเกียรติของวงการบู๊ได้!”
ปรินทรเหยียดหยาม แล้วกล่าว “เกียรติของวงการบู๊? ก็แค่เรื่องตลก กูจะเอาสาวคนไหนก็ต้องได้คนนั้น ไม่มีใครขัดขวางกูได้!”
“ตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกมึงมีแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคน ถือว่าเจ๋ง แต่เสียดาย สำหรับกู ก็แค่ไอ้สวะสองตัวเท่านั้น!”
พูดจบ บนมือของปรินทร มีไฟขึ้นมา จากนั้นก็มีแท่งยางเกิดขึ้น ปรินทรใช้ลำแสงไฟยาวนั้นปล่อยไปที่ปวัตรและปวิช ด้วยความเร็วสูง แดนปรมาจารย์ไม่ทันได้ระวังตัว
สีหน้าของปวัตรและปวิชถอดสี จะรีบเข้าไปขัดขวางการโจมตีของปรินทร แต่ทว่าตอนที่พวกเขารู้สึกตัว ลำแสงไฟยาวก็ไปโดนตัวของทั้งคู่
ทั้งคู่ลอยไปด้านหลัง ล้มลงกับพื้น อ้วกออกมาเป็นเลือก
ปรินทรมองทั้งสองอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็มองไปที่อารียาอีกครั้ง หัวเราะแล้วกล่าว “คนสวย วันนี้แกจะเป็นของฉันแล้ว ฉันรับรองว่าจะทำให้แกขึ้นสวรรค์!”