พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่906 การปฏิบัติ
บทที่906 การปฏิบัติ
ตอนที่ออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลปิยะศักดิ์ รพีพงษ์ได้ถือการ์ดเชิญใบหนึ่ง ด้านบนเขียนว่า“เชิญร่วมงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์” รูปแบบเหมือนที่รพีพงษ์ได้มาจากปรินทร
รพีพงษ์ก็ไม่คาดคิด ว่าทัดธนจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์เช่นกัน ดูๆไปลักษณะของงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์ครั้งนี้จะใหญ่กว่าที่รพีพงษ์คิดไว้ ผู้ที่ถูกเชิญ จะต้องเป็นคนบุคคลที่มีความสามารถแน่นอน
นี่ทำให้รพีพงษ์สนใจในการประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ อยากรู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้นในงานประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ จะมีอาจารย์พลังจิตจริงๆมาบ้างมั้ย
ตอนนี้ความเข้าใจของเขาที่มีต่อพลังจิตหยุดอยู่ที่ขั้นพื้นฐาน ตอนนี้เขานอกจากรู้ว่าพลังจิตของเขาสามารถรับรู้เหตุการณ์ของสิ่งรอบๆได้ ก็ไม่รู้ว่ายังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมั้ย
แม้ว่าเขาจะแค่จ้องมัดธนครั้งเดียวเท่านั้น ทัดธนก็เจ็บหนัก แต่ตอนนั้นเป็นเพราะพลังจิตของทัดธนปล่อยมาที่รพีพงษ์ รพีพงษ์จึงได้ฉสวยโอกาสใช้พลังตัวเองต่อกรนั้นพลังนั้นกลับไป มิเช่นนั้น รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าจะใช้พลังจิตของตัวเองจู่โจมคนอื่นได้อย่างไร
ดังนั้นตอนนี้เขาอยากหาคนที่เข้าใจด้านนี้จริงๆ ถ้าสามารถควบคุมพลังจิตในการจู่โจมคนอื่นได้ นี่จะเป็นท่าไม้ตายที่ดีที่สุดของรพีพงษ์ ในการต่อสู้ จู่โจมด้วยพลังจิตอย่างฉับพลัน แม้คนนั้นจะระดับสูงกว่ารพีพงษ์ เกรงว่าไม่มีทางที่จะต้านทานได้
ถ้าสามารถหาวิธีในการใช้พลังจิตจากประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี้ได้ สำหรับรพีพงษ์แล้วถือว่ามีประโยชน์อย่างหาที่สุดไม่ได้
ตอนนี้หงส์ตามหลังรพีพงษ์ หงส์ที่ได้จัดการทัดธนด้วยมือของตัวเองดูอารมณ์ไม่เลวเลยทีเดียว เธอมองไปยังรพีพงษ์ที่ด้านนำหน้า ด้วยความแปลกใจ
ผ่านไปไม่นาน หงส์อดกลั้นไม่อยู่ มองไปที่รพีพงษ์แล้วถาม “ตอนนั้นคุณแค่จ้องทัดธนครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเขาก็เจ็บหนักอ้วกออกมา ดังนั้นคุณก็มีพลังจิตความสามารถนี่ด้วยหรือไม่? คุณสบายใจได้ ฉันจะเก็บเป็นความลับ”
รพีพงษ์หันหน้าไปหาเธอ แล้วกล่าว “ไม่ถึงขั้นเป็นความสามารถ ก็แค่มีพลังด้านนี้โดยบังเอิญเท่านั้น จะควบคุมมันอย่างไร ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
ได้ยินรพีพงษ์ตอบแบบนี้ หงส์ก็เกิดอิจฉาขึ้นมา
จากสถิติของกลุ่มสิงโต คนที่มีพลังจิตนั้นน้อยถึงน้อยมาก อย่างรพีพงษ์อัจฉริยะหนึ่งในหมื่นแบบนี้ ยังมีความสามารถแบบนี้อีก ชั่งทำให้คนเกลียดความลำเอียงของพระเจ้าจริงๆ
ตอนนี้หงส์เริ่มนับถือรพีพงษ์ ก่อนหน้านี้เธอก็ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ เมื่อเจอเข้ากับรพีพงษ์ เธอจึงได้เข้าใจว่าตัวเองยังห่างจากอัจฉริยะอยู่มาก
รพีพงษ์เห็นหงส์ยังตามตนอยู่ ก็ได้กล่าวว่า “ภารกิจของคุยสำเร็จแล้ว ตอนนี้คุณไม่กลับไปพักฟื้นหรอ? จะตามผมอยู่ทำไม?
หงส์ได้ยินรพีพงษ์เหมือนรังเกียจตัวเอง ก็โกรธขึ้นมา แล้วตอบอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ใครบอกว่าภารกิจสำเร็จแล้ว ยังมีประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์อีกไม่ใช่หรอ ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมนี้ไม่ใช่คนธรรมดาสามารถต่อกรได้แน่นอน ในฐานะที่เป็นคนของกลุ่มสิงโต ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องไปยับยั้งเหตุการณ์ไม่ดีที่จะเกิดขึ้น”
“คุณก็น่าจะไปประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์นี่ด้วยใช่ป่ะ ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ฉันต้องไปทำภารกิจด้วยกันสิ”
ได้ยินคำพูดของหงส์ รพีพงษ์ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี คิดไปคิดมา จึงกล่าวว่า “ผมไปคนเดียวก็พอแล้ว คุณไม่ได้มีความจำเป็นต้องไป”
“ไม่ได้ การ์ดเชิญนี้ความจริงฉันได้มาจากทัดธน ฉันจำเป็นต้องไป” หงส์กล่าวอย่างจริงจัง
รพีพงษ์เบื่อหน่าย แม้เขาไม่อยากทำภารกิจร่วมกับเสือสาวคนนี้ เสียงร้องโอดครวญเมื่อกี้ของทัดธนยังดังกึกก้องอยู่ในหูของรพีพงษ์ แต่ในเมื่อหงส์พูดแบบนี้ เขาก็ปฏิเสธไม่ได้
และการประชุมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการฝึกวิชาเวทย์รพีพงษ์ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มีหลายคนยิ่งดูแลกันได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ความเร็วในการที่หงส์จะหาคนช่วย ต้องเร็วกว่าเขาอย่างแน่นอน
ไม่พูดอะไรต่อ รพีพงษ์กลับไปคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์พร้อมกับหงส์ รพีพงษ์จัดห้องให้หงส์พัก ให้เธอพักที่คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์สักกี่วัน รพีพงษ์จะอยู่เป็นเพื่อนอารียาและหนูลินสักกี่วัน จากนั้นพวกเขาค่อยออกเดินทางไปเข้าร่วมงานนั้น
กลางคืน รพีพงษ์และอารียาอยู่ในห้อง ขวัญนลินถูกชนิสราอุ้มไป คืนนี้รพีพงษ์จะอยู่กับอารียากันแค่สองคน
อารียากำลังพอกหน้าอยู่ที่หน้าโต๊ะแป้ง เมื่อเสร็จก็ไปนอนบนเตียง เธอสวมชุดนอนผ้าแพร รูปร่างทั้งตัวปรากฏออกผ่านทางชุดนอน
บวกกับอารียาขี้เกียจ ทำให้ท่าทางของเธอสวยงามอ่อนช้อย ค่อนข้างยั่วยวน
ขณะนี้รพีพงษ์กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะจ้องไปที่หยกโยงจิต อยากรู้ว่าหยกโยงจิตนี้ใช้วัตถุดิบอะไรกันแน่ ทำไมจึงมีประโยชน์ในการบำรุงพลังจิต
“รพีพงษ์ มานี่หน่อย” อารียาตะโกนใส่รพีพงษ์
รพีพงษ์วางหยกโยงจิตในมือลง แล้วหันไปหาอารียา เห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ ก็ยิ้มออกมา แล้วเดินไปที่เตียง
เขาไปที่ร่างของอารียา ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วกล่าว “ทำไม วันนี้แลดูคึกคักนะ เตรียมจะทำสงครามสามร้อยนัดกับผมแล้ว?”
อารียามองรพีพงษ์อย่างโมโห แล้วกล่าว “ถามหน่อย ตอนที่คุณอยู่ข้างนอก มักจะติดต่อกับพวกสาวสวยพวกนั้นใช่มั้ย?”
รพีพงษ์ชะงัก ไม่คาดคิดว่าอารียาจะถามคำถามนี้กับเขา
“ไม่ถึงขั้นติดต่อ แต่เป็นเพราะมีความจำเป็นบางอย่าง จึงได้รู้จักบางคน” รพีพงษ์ตอบตรงไปตรงมา
อารียาเสียใจ แล้วกล่าว “งั้นคุณถูกพวกเธอทำให้หลงผิดมั้ย? เพื่อนร่วมงานคนนั้นของคุณ เป็นคนสวย และฉันก็รู้สึกว่าเธอก็สนใจในตัวคุณ ครั้งนี้พวกคุณไปทำภารกิจด้วยกัน จะเกิดอะไรขึ้นมั้ย?”
รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยื่นมาไปวางไว้บนใบหน้าของอารียา ยิ้มพลางกล่าว “เป็นไปได้ไง ผมหลบเธอไม่หวาดไม่ไหวต่างหากล่ะ แล้วจะมีอะไรกับเธอได้ไง ผมเป็นคนยังไงคุณไม่รู้หรอ?”
“คุณอยู่ข้างนอก เกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้เลย ใครจะรู้ว่าคุณทำอะไรลับหลังฉันมั้ย” อารียายังคงทำหน้าน่าสงสาร
รพีพงษ์พาเธอไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา แล้วกล่าว “ผมสาบานด้วยเกียรติของผม ผมไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อคุณแน่นอน ผมมีแค่คุณคนเดียว แล้วผมเป็นผู้ชายตรงๆ ไม่มีทางให้โอกาสหญิงอื่นได้”
อารียาคิดแล้วคิดอีก รู้สึกว่ารพีพงษ์พูดมาก็เป็นแบบนั้นจริง เธอเพียงแค่อยากจู้จี้จุกจิก สำหรับการกระทำของรพีพงษ์ เธอรู้ดีที่สุด
“คุณพูดเองนะ ถ้าคุณทำผิดต่อฉัน ฉันจะพาหนูลินไปในที่ๆคุณหาไม่เจอ ให้คุณร้อนรน” อารียาออดอ้อนรพีพงษ์
รพีพงษ์กดอารียาให้อยู่บนตัวของเขา ยิ้มพลางกล่าว “ผมรักคุณได้เพียงคนเดียว ตอนนี้ผมจะใช้การกระทำเพื่อพิสูจน์ความรักที่ผมมีต่อคุณ
พูดจบ เขาก็ก้มลง