พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่91
บทที่91 ไม่เห็นมีอะไรดูดีเลย
“ที่นี่ก็ถือว่าไม่ได้ดีอะไรนักหนา แย่กว่าดงเย็นนิด หน่อย”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ศศินัดดาและศักดาทั้งสองได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ สีหน้าเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ยทันที
“จะรอดูว่าจะเก่งสักแค่ไหนกัน กลับไม่พูดถึงดงเย็น คน ที่พักอยู่ที่ดงเย็นล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งนั้น ต้องให้คนมาพูด เหรอ”ศศินัดดาพูด
“คุณไม่ลองดูที่พักของตัวเองบ้างว่ามันดีแค่ที่ไหน เอาที่ อยู่เล็กของคนอื่นมาเทียบกับที่นี่ พูดเหมือนคุณพักอยู่ที่ดง เย็นอย่างนั้น”ศักดาก็พูดขึ้นบ้าง
รพีพงษ์ ไม่พูดอะไร จะว่าไปแล้ว แน่นอนว่าเขาสามารถ พูดได้ว่าอยู่ที่ดงเย็น ก็แค่บ้านที่เพิ่งซื้อ เขายังไม่เคยไป เท่านั้น ทั้งสี่คนมุ่งหน้าเดินเข้าไปใน หมู่บ้านศศินัดดาและศักดา
ทั้งสองคนมองสภาพแวดล้อมที่สวยงามของหมู่บ้าน
ยิ่งที่นี่สภาพแวดล้อมดีขนาดไหน ในใจของศศินัดดาก็ จะยิ่งมีความคิดเห็นต่อศักดาและรพีพงษ์สองคนมากขึ้น เท่านั้น
เธอรู้สึกมาตลอดว่า ตนเองคงไม่มีปัญญาอยู่หมู่บ้านชั้นดี เพราะศักดาและรพีพงษ์สองคนนั้นช่างน่าสมเพช
ไม่นาน ทั้งสี่คนก็มาถึงตึกที่ชรินทร์ทิพย์อยู่ ขึ้นลิฟต์ไปศศินัดดาพาพวกเขามากที่ประตูห้องห้องหนึ่ง ยื่นมือไปกด กริ่ง
ไม่นานประตูก็เปิดออก คนที่มาเปิดประตูก็คือพ่อของ ชรินทร์ทิพย์ คิมหัตต์
“มาๆ เข้ามานั่งก่อน พวกเราเพิ่งทำอาหารเสร็จ รอพวก คุณอยู่เลย” คิมหัตต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม สามารถมองเห็น ความสะใจของเขาจากทางสายตา
ศักดาและศศินัดดาต่างก็ยิ้มให้คิมหัตต์ จากนั้นก็เดิน เข้าไปในบ้าน
อารียาและรพีพงษ์เดินเข้าไปพร้อมกัน มองเห็นชรินทร์ ทิพย์และแม่ของเขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าท่าทางหยิ่ง ทระนง เห็นพวกเขาเข้ามา ก็ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นแต่อย่างใด
บ้านของชรินทร์ทิพย์หลังนี้มีสามห้องรับแขก พื้นที่ถือว่า ใหญ่ที่เดียว เทียบกับบ้านของอารียาแล้ว ถือว่าเป็นบ้านที่
หรูหรามาก
“พี่สองพี่สะใภ้นี่ช่างโชคดีจังเลยนะคะ ได้อยู่บ้านหลัง ใหญ่ขนาดนี้ น่าอิจฉาจังเลยค่ะ”ศศินัดดาพูดกับคิมหัตต์
“ไม่หรอก พวกเราโชคดี มีเพื่อนจะขายพอดี ผมก็เลยซื้อ เอาไว้” คิมหัตต์พูด
“พวกคุณอย่ามามัวยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย เข้าไปดูด้านใน เถอะ”ลูกสะใภ้ของคิมหัตต์พูด
ศศินัดดาและศักดาทั้งสองต่างเดินเข้าไปด้านใน เยี่ยม ชนบ้านหลังนี้ด้วยความอิจฉา
ชรินทร์ทิพย์เห็นรพีพงษ์และอารียาไม่ขยับ ใบหน้าแสดง ถึงการดูถูก เอ่ยปากว่า “ทำไม พวกคุณสองคนถูกบ้านของ ฉันทำให้ตกใจขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ขยับเขยื้อนเลย ไม่ต้อง ห่วง แค่ดูนิดเดียวไม่เก็บเงิน”
อารียาโกรธขึ้นมาทันที คิดจะตอบโต้ชรินทร์ทิพย์สัก สองสามประโยค แต่พอคิดได้ว่าบ้านของตนเองไม่ได้ดี เท่ากับหล่อน ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไปต่อกรกับเขา ชั่วขณะ“บ้านนี้ก็ธรรมดา ไม่เห็นมีอะไรสวยเลย”รพีพงษ์ เอ่ยปาก
ชรินทร์ทิพย์ถลึงตาโตทันที แต่ว่าก็รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์นั้น พูดเพื่อให้ตัวเองดูดี เพราะตัวเขาเองไม่มีปัญญาพักอยู่ที่นี่ ในใจเกิดความอิจฉาริษยา ไม่ได้กินองุ่นก็บอกว่าองุ่นนั้น เปรี้ยว
“เชอะ บ้านที่นี่ธรรมดางั้นเหรอ คุณลองซื้อสักหลังสิ จะ
ได้รู้ว่าเวลาพูดโอ้อวด ไม่ต้องกลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ”ชริน ทร์ทิพย์บ่นพึมพำ อารียาหยิกแขนของรพีพงษ์ แสดงความหมายว่าอย่าไป
โต้เถียงกับชรินทร์ทิพย์เลย
ไม่นาน ศศินัดดาและศักดาสองคนก็เยี่ยมชมบ้าน เดินมา ถึงห้องรับแขกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย มองออกว่า พวก เขาทั้งสองต่างก็มีความอิจฉาริษยาอยู่
คิมหัตต์และลูกสะใภ้เห็นท่าทางของพวกเขาสองคน ใน ใจก็ยิ่งรู้สึกสะใจ ลูกสะใภ้เขาเห็นท่าทางของทั้งสองคน วันนี้พวกเขาเรียบครอบครัวของศศินัดดามาทั้งครอบครัวก็เพื่อที่จะให้พวกเขาอิจฉา
เมื่อก่อนชรินทร์ทิพย์ถูกนภทีป์ลงโทษ ก็เพราะรพีพงษ์ ครอบครัวของพวกเขาต่างก็โกรธแค้นรพีพงษ์อยู่ในใจ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับศศินัดดา
ที่ซื้อบ้านครั้งนี้ ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์นั้นแน่นอนว่า ยิ่งได้ใจ ต้องทำให้ครอบครัวของศศินัดดาเข้าใจว่า พวก เขาแทบไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเทียบกับบ้านของตนเองได้
ทั้งสองครอบครัวมานั่งที่หน้าโต๊ะอาหารพร้อมกัน ครอบครัวชรินทร์ทิพย์ต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม แอบสะใจ สีหน้าของครอบครัวของอารียานั้นเห็นชัดว่ามีความสลด หดหูอยู่บ้าง เต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“คิดว่าบ้านใหม่ที่ฉันเพิ่งซื้อเป็นอย่างไรบ้าง ฉันเองก็ไป หาคนที่สนิทกัน เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุด จึงได้ซื้อ ไม่ อย่างนั้นตำแหน่งตรงนี้ไปที่ใจกลางเมือง ฉันแทบจะซื้อไม่ ไหว” คิมหัตต์เอ่ยพลางยิ้ม
“บ้านนี้ดีมากเลย พื้นที่ก็กว้างขวาง สภาพแวดล้อมของ บ้านก็ดี ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”ศศินัดดาเอ่ยปาก
“เชอะ เมื่อครู่รพีพงษ์ยังบอกว่าบ้านนี้ธรรมดา บ้านที่ ครอบครัวคุณอยู่คงจะดีกว่าพวกเรามากสินะ ไม่อย่างนั้น รพีพงษ์คงไม่พูดแบบนั้น” ชรินทร์ทิพย์พูด
ศศินัดดาและศักดาสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หันหน้าไปทาง
รพีพงษ์ถลึงตาใส่เขา
“เจน เธอก็อย่าไปฟังรพีพูดเหลวไหลนักเลย คนไร้ประโยชน์อย่างเขา จะไปเข้าใจได้อย่างไรว่าอะไรดีไม่ดี เธอก็คิดว่าเขาก็แค่เพ้อเจ้อไปเรื่อยก็พอ” ศศินัดดารีบเอ่ย ปากพูด
“ใช่ อย่าไปฟังรพีพงษ์พูดเพ้อเจ้อ” ศักดาเสริมขึ้น ศศินัดดาหันหน้าไปมองที่รพีพงษ์อีก ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางเอ่ยว่า “ถ้าพูดดีๆไม่เป็นก็หุบปากซะ ตัวเองไม่มีความ สามารถ ยังกล้ามาว่าของคนอื่น”
ชรินทร์ทิพย์เห็นรพีพงษ์ถูกตำหนิ ก็ยิ้มอย่างสะใจขึ้นมา ทันที
คิมหัตต์จ้องมองรพีพงษ์ กลอกตา แล้วพูดว่า”รพีพงษ์คิด ว่าบ้านเราธรรมดา คงต้องเคยเห็นที่ดีกว่านี้แน่ ดูท่าช่วงนี้ รพีพงษ์คงจะมีชีวิตความเป็นอยู่ไม่เลวสินะ หรือว่านายเอง คิดจะซื้อบ้านอยู่เหมือนกัน”
รพีพงษ์ไม่พูดอะไร ศศินัดดาจึงเอ่ยว่า”พี่สอง พี่ก็อย่าล้อ เล่นเลย รพีเป็นคนแบบไหนพี่ก็น่าจะรู้ดี งานยังไม่มีทำเลย จะซื้อบ้านได้ยังไงกัน”
“หึๆ คนเขาออกจะเก่งนะ แม้แต่บริษัทซันบับเบิลกรุ๊ปยัง ล้มเอามาได้ แน่นอนว่าไม่เห็นบ้านหลังนี้ของพวกเราอยู่ใน สายตา” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยเหน็บแนม
“เจน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องนั้นแคลร์เป็นคนทำ ไม่ เกี่ยวอะไรกับรพีเลยแม้แต่น้อย”ศศินัดดากล่าว
อารียาเม้มปากชำเลืองมองศศินัดดา คิดจะโต้แย้งกับ หล่อน แต่ว่าเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ด้านนอกตอนนี้ จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก
“เธออย่าพูดอย่างนี้เลย ลองฟังความคิดของรพีเขาก่อน เถอะ เขาพูดมาขนาดนั้นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีความคิดที่ จะซื้อบ้านจริงๆก็ได้นะ ใช่มั้ยรพี” คิมหัตต์ที่มีท่าทาง สนุกสนานไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรพูดขึ้น
ศศินัดดาและศักดาสองคนต่างก็ผิดหวังที่พารพีพงษ์ ออกมา นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวชัดๆ
“ผมซื้อบ้านแล้ว”รพีพงษ์เอ่ยปาก
ศศินัดดาตีหน้าผาก เมื่อครู่เรื่องที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือ รพีพงษ์จะพูดเรื่องซื้อบ้านออกมา คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะ พูดออกมาจริงๆ
สำหรับศศินัดดาแล้ว ที่รพีพงษ์ซื้อนั้นมันก็แค่ห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งเท่านั้น เทียบไม่ได้กับบ้านที่คนอื่นซื้อใหม่ คำพูด แบบนี้พูดออกมายิ่งทำให้พวกเขาอับอาย
และครอบครัวของชรินทร์ทิพย์จะต้องใช้ประโยชน์จาก เรื่องนี้มาข่มพวกเขา
“อ้อ เหรอ คิดไม่ถึงเลยว่ารพิจะซื้อบ้านแล้ว อย่างนั้น บ้านที่เขาซื้อต้องดีกว่าพวกเราแน่ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่คิด ว่าบ้านของพวกเราธรรมดา”คิมหัตต์พูด
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ว่าเขาไม่เชื่อว่ารพีพงษ์จะซื้อ บ้านที่ดีกว่าพวกเขาได้
“ใช่แบบนั้นที่ไหนกัน เขาก็แค่ซื้อห้องเล็กๆห้องหนึ่ง เท่านั้น พื้นที่เกรงว่าจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของห้องรับแขกของพวกคุณเท่านั้น จะไปเทียบกับบ้านของพวกคุณได้ยัง ไง”ศศินัดดาเอ่ยอย่างอับอาย
คิมหัตต์กับอีกสามคนตกตะลึงในทันใด ที่แท้ก็แค่ซื้อ ห้องเล็กๆห้องหนึ่งเท่านั้น นี่มันมีอะไรน่าโอ้อวดกัน ที่แท้ก็ พวกเศษสวะ ซื้อห้องเล็กเท่ารูหนูก็คิดว่าตนเองวิเศษวิโส
“เหอะๆ ที่แท้ก็คือห้องนั้นหรือ มิน่าเล่าถึงได้มั่นอกมั่นใจ ขนาดนั้น ห้องนั้น เกรงว่าคงจะซื้อใกล้กับดงเย็น ไม่อย่าง นั้นจะกล้าบอกว่าดีกว่าที่นี่ของพวกเราได้ยังไง”ชรินท์ทิพย์ รีบเสริมขึ้น
“โอ้ย พวกคุณอย่ามัวแต่แกล้งล้อรพีพงษ์อยู่เลย บ้านที่ เขาซื้ออยู่เกือบจะถึงชายขอบเมืองโน่นแล้ว จะเป็นที่ดง เย็นได้ยังไงกัน ต่อให้เขาจะโชคดีแค่ไหน ก็ซื้อบ้านที่ดง เย็นไม่ไหวหรอก”ศศินัดดาอธิบายอย่างอึดอัดใจ
รพีพงษ์รู้สึกน่าขันนิดหน่อย เขายังไม่ทันได้บอกเลยว่า บ้านที่ตนเองซื้อนั้นใหญ่แค่ไหน อยู่ที่ไหน คิดไม่ถึงว่าศศิ นัดดาจะอาศัยความรู้สึกของตนเอง คิดเองเออเองว่าเป็น ห้องเล็กๆที่ชายขอบของเมือง
“ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ไหน ซื้อแล้วก็ดีแล้ว”คิมหัตต์เอ่ย
พลางยิ้ม “รพี แล้วคุณจะเข้าไปอยู่ที่บ้านเมื่อไหร่ ถึงเวลา ให้พวกเราไปเยี่ยมชมบ้างนะ” สิ่งที่ศศินัดดากลัวจะได้ยินมากที่สุด ก็คือประโยคนี้
อะไรที่เธอกลัว สิ่งนั้นมันก็จะมาหาเธอ
เธอรีบหันหน้าไปหารพีพงษ์ คิดจะขัดขวางคำพูดของรพีพงษ์ เวลานี้รพีพงษ์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอ่ยว่า”ได้สิ อย่างนั้น อีกสองสามวันพวกคุณค่อยไปดูแล้วกัน ถึงเวลาผมจะเอา ที่อยู่ให้พวกคุณ”
ศศินัดดาสีหน้าผิดหวัง เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับรพี พงษ์แล้ว
“ใน…ในเมื่อเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นถึงเวลาก็ไปดูพร้อมกัน
เลยแล้วกัน” ศศินัดดาเอ่ยอย่างหมดเรี่ยวแรง ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์ล้วนมีใบหน้าเย็นยะเยือก ถึง เวลาไปดูห้องเล็กๆของรพีพงษ์ พวกเขาก็จะได้โอกาสเยาะ
เย้ยถากถางครอบครัวของศศินัดดาอีก
อารียาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอเองก็คิดว่าบ้านที่รพี พงษ์ซื้อนั้นก็เป็นแค่ห้องเล็กๆห้องหนึ่งเท่านั้น จึงไม่ได้คิดที่ จะเชิญคนอื่นไปเยี่ยมชม
แต่รพีพงษ์ก็เอ่ยปากไปแล้ว จะถอนคำพูดก็คงยาก
รพีพงษ์กำหนดวัน เป็นวันสุดท้ายของเดือน ให้ครอบครัว ของชรินทร์ทิพย์ไปเยี่ยมชมบ้านของเขา
ถึงเวลานั้นก็จะทำให้ครอบครัวของชรินทร์ทิพย์รู้ว่า บ้าน ที่พวกเขาซื้อหลังนี้ แทบไม่ได้กับคฤหาสน์หรูหราที่รพี พงษ์ซื้อ
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ศศินัดดาและศักดาก็ไม่ อาจจะทนอยู่ต่อไปได้ จึงกล่าวลากับคิมหัตต์ รีบออกจาก ที่นี่ไป
หากอยู่ต่อไป ไม่แน่ว่ารพีพงษ์อาจจะทำอะไรให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้าอีก
รอจนครอบครัวของศศินัดดากลับไปแล้ว ครอบครัว ของคิมหัตต์สามคนต่างพากันหัวเราะร่าเสียงดัง
“ช่างน่าขำจริงๆ ไอ้รพีพงษ์นั่น ซื้อห้องเล็กๆห้องหนึ่ง ยัง คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสเต็มประดา เขาไม่รู้จริงๆหรือว่าเมื่อ เทียบกับบ้านที่พวกเราซื้อนั้นมันทุเรศแต่ไหน”ศักดาเอ่ย พลางหัวเราะ
“รพีพงษ์ช่างเป็นเศษสวะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ สมอง ของเขาคงจะไม่มีให้ใช้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกคนมากมาย พูดถึงแบบนี้ พวกคุณดูท่าทางของศศินัดดาสิ ช่างน่าขำ จริงๆ “แม่ของชรินทร์ทิพย์เอ่ย
ใบหน้าของชรินทร์ทิพย์เผยให้เห็นสายที่มีความเจ้าเล่ห์ ออกมา พร้อมพูดว่า”ถึงเวลาพวกเราไปดูว่าบ้านของรพี พงษ์จะเป็นยังไง จากนั้นก็จะได้โอกาสเยาะเย้ยถากถาง เขาให้ถึงที่สุด ให้เขาไม่มีโอกาสได้เงยหน้าอ้าปาก !