พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่936 เนรคุณ
บทที่936 เนรคุณ
คฤหาสน์ตระกูลตรีศาสตร์ ในห้องของนลินี
ขณะนี้ในห้องเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากเมธีรา นลินีธีรนุชสามคน ยังมีระดับสูงของตระกูลตรีศาสตร์อีกหลายคน
ตอนนี้พวกเขาได้ล้วนดูไปที่รพีพงษ์ที่สีหน้าเคร่งเครียดที่กำลังปิดตาอยู่ กำลังปรึกษากันว่าจะช่วยรพีพงษ์หรือรอให้บรรพบุรุษตระกุลตรีศาสตร์สิงร่างรพีพงษ์แล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาดี
“คุณท่าน เพื่อการฟื้นคืนชีพในครั้งนี้ บรรพบุรุษได้เตรียมการไว้ตั้งห้าร้อยปีเลยนะ เพียงแค่บรรพบุรุษสามารถคืนชีพมาได้ ตระกูลตรีศาสตร์ของเราก็จะสามารถมีโอกาสกลับมาเจริญรุ่งเรืองได้ แม้จะเสียดายเด็กน้อยคนนี้ แต่เพื่อธุรกิจของตระกูลตรีศาสตร์ของเรา เสียสละเข้าไปสักคน ก็ไม่เป็นไรหรอก” ผู้เฒ่าท่านหนึ่งของตระกูลตรีศาสตร์กล่าว
“พูดถูก เรื่องที่บรรพบุรุษจะฟื้นคืนชีพนั้นเป็นเรื่องใหญ่ สำคัญสำหรับพวกเราตระกูลตรีศาสตร์ แล้วโอกาสแบบนี้ก็รอมาห้าร้อยปี ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป กว่าจะมีโอกาสก็ยากแล้ว” มีคนพูดขึ้นอีก
หลังจากที่นลินีและธีรนุชได้ยนิคำพูดนี้แล้ว ก็ไม่พอใจ
“หนูไม่ยอม รพีพงษ์จะช่วยหนูเลยเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่พวกคุณคิดที่จะทำร้ายเขา ให้เขาเป็นตัวเสียสละของตระกูลตรีศาสตร์ นี่มันไม่เป็นธรรมกับรพีพงษ์เลยนะ” กล่าวอย่างมีสัจธรรม
ธีรนุชที่ยืนอยู่ข้างๆก็พอจะรู้เหตุการณ์โดยคร่าวๆจากคำพูดของนลินี เธอแค่เป็นห่วงพี่สาวของเธอ ไม่สนเรื่องบรรพบุรุษตระกูลตรีศาสตร์ฟื้นคืนชีพ
ยิ่งไปกว่านั้นบรรพบุรุษคนนี้เดิมทีคิดที่จะสิงร่างของนลินี เพราะจิตวิญญาณเทพนลินีไม่ตื่นภวังค์ จึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
นี่ก็เหมือนกับรพีพงษ์ได้ช่วยชีวิตนลินี ดังนั้นธีรนุชรู้สึกซาบซึ้งต่อรพีพงษ์
บวกกับบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์น่าจะจิตไม่ปกติ แม้จะฟื้นคืนชีพ ก็ไม่น่าจะทำเรื่องที่ดี ดังนั้นเธอและนลินีคิดเหมือนกัน คือปฏิเสธให้บรรพบุรุษยืมร่างรพีพงษ์คืนชีพ
“หนูไม่เห็นด้วย ที่รพีพงษ์ตอบรับช่วยพี่สาวก็เมตตาและรักษาสัจจะแล้ว ตอนนี้พวกเรากลับจะทำร้ายเขา แบบนี้พวกเราตระกูลตรีศาสตร์ก็เป็นคนที่เนรคุณแล้วล่ะสิ? ธีรนุชจ้องไปที่ผู้เฒ่าทั้งหลายของตระกูลตรีศาสตร์แล้วกล่าว
ผู้เฒ่าทั้งหลายได้ยินสองพี่น้องคัดค้าน ก็โมโหขึ้นมา หนึ่งในนั้นกล่าว “นังหนูไร้เดียงสาทั้งสองจะรู้อะไร นี่เกี่ยวข้องกับการเจริญก้าวหน้าในอนาคตของตระกูลตรีศาสตร์ของเรานะ พวกเราอยู่อย่างเงียบๆมาหลายปีแล้ว แม้จะเป็นตระกูลนนท์สัจทัศน์ที่ไม่ได้เรื่อง ก็มีฐานะทางสังคมมากกว่าตระกูลตรีศาสตร์ของเราอีก หรือพวกแกอยากให้ตระกูลตรีศาสตร์เป็นแบบนี้ต่อไปหรือไง?”
“ท่านนั้นเป็นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์ พวกเรากลายเป็นคนเนรคุณได้ไงกัน? พวกแกต่างหาก เด็กนี่มันก็แค่คนนอก มันจะเป็นจะตายเกี่ยวข้องอะไรกับเรา บรรพบุรุษฟื้นชีพมาได้ นี่สิถึงจะเป็นความหวังของตระกูลตรีศาสตร์” ผู้เฒ่าอีกคนกล่าวอีก
นลินีและธีรึนุชทั้งสองร้อนรน ไม่คาดคิดว่าระดับสูงของตระกูลตรีศาสตร์พวกนี้จะหน้าด้านได้ขนาดนี้ ตอนนี้เริ่มพูดว่ารพีพงษ์จะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว
ทั้งสองมองไปที่เมธีรา ด้วยสายตาอ้อนวอน
“คุณปู่ เมื่อก่อนตระกูลตรีศาสตร์ของเราไม่เคยมีแผนเกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพอะไรนี่เลยนะ ปู่ให้รพีพงษ์มา ก็เพื่อช่วยพี่สาวเท่านั้น ตอนนี้พี่สาวตื่นเข้ามาแล้ว ถ้าพวกเราเฝ้ามองรพีพงษ์ถูกบรรพบุรุษสิงร่าง งั้นคุณธรรมของตระกูลตรีศาสตร์ ก็ไม่เหลือแล้วนะ!” ธีรนุชกล่าวอย่างวิงวอน
“ใช่คุณปู่ ตั้งแต่เล็กคุณปู่ได้สอนพวกเราได้รับพระคุณหนึ่งหยดพึงพรุยลำธารชดใช้ ถ้าตอนนี้เห็นรพีพงษ์จะตายแล้วยังไม่ช่วย ก็ทำผิดต่อกฏระเบียบในการประพฤติตนของพวกเราแล้วนะ?” นลินีก็พูดขึ้นมา
“ศีลธรรม กฏระเบียบอะไรนั่น เทียบกับการใหญ่ของตระกูลตรีศาสตร์ ไม่สำคัญอะไรเลย” ผู้อาวุโสของตระกูลตรีศาสตร์ต่อต้าน
เมธีราถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขาก็ลังเลมากเหลือเกิน ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป ไม่มีใครรู้การสลบของนลินี ว่าเกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนชีพของบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์
ตอนนี้นลินีตื่นมาแล้ว พวกเขากลับเผชิญกับความยากลำบากว่าจะช่วยรพีพงษ์มั้ย
ถ้านับจากการสะสมประสบการณ์หลายปีของตระกูลตรีศาสตร์นี้ จะช่วยรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ตระกูลตรีศาสตร์อยู่ในระดับปานกลางมานาน เมธีราก็อยากเห็นตระกูลตรีศาสตร์เจริญก้าวหน้า
ในขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ข้างเตียงปิดตาสนิทอยู่นั้นได้เกิดการเคลื่อนไหวจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นมา ทุกคนในห้องล้วนรู้สึกหัวหมุนติ้วๆ รีบจับของที่อยู่ข้างๆไว้ ตัวเองจะได้ไม่ล้มลง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมีพลังเก่งกาจเข้าไปในหัวอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด!” ผู้เฒ่าคนหนึ่งของตระกูลตรีศาสตร์ตะโกนออกมา
“บรรพบุรุษจะฟื้นคืนชีพแล้ว! ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน ตอนนี้พวกเราไม่ต้องถกเถียงกันแล้ว นี่เป็นเป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลกอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตระกูลตรีศาสตร์ของเขากำลังจะลุกขึ้นแล้ว!” เป็นอีกคนที่ตะโกนอย่างตื่นเต้นขึ้นมา
นลินีกับธรนุชสองพี่น้องหน้าซีด ดูออกชัดเจนว่าพลังที่ได้ระเบิดออกมากะทันหันนี้ทำให้พวกเธอรับไม่ไหว
เมธรากำลังมองรพีพงษ์อย่างเหม่อลอย ด้วยความซับซ้อน
พวกเขายังไม่ทันตกลงว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยรพีพงษ์ บรรพบุรุษก็สิงร่างรพีพงษ์สำเร็จแล้ว?
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย ดูสง่าผ่าเผย
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางถูกบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์สิงร่างได้ ชัยโรจน์ได้ตายด้วยน้ำมือของกระบี่สยบเซียนแล้ว ตอนนี้ที่ลืมตา เป็นรพีพงษ์เอง
ที่ปรากฏเหตุการณ์นี้ได้ เพราะรพีพงษ์ได้ดูพลังจิตวิญญาณที่ชัยโรจน์ทิ้งไว้อีกครั้งเข้าไปแล้ว จิตวิญญาณเทพแข็งแกร่งหลายเท่า เมื่อกี้เป็นอาการของจิตวิญญาณรพีพงษ์ทะลวงออกมาทั้งหมด
แม้ฝีมือของเขาในตอนนี้เทียบไม่ได้กับตอนที่ชัยโรจน์ยังมีชีวิตอยู่ แต่เก่งกว่าก่อนหน้านี้เยอะมาก
เมื่อก่อนพลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ใช้ได้เพียงรัศมีไม่เกินห้าเมตรโดยประมาณ ขอบเขตเท่านี้มีไม่มีก็ได้ มีประโยชน์ในการต่อสู้ขึ้นมาหน่อยเท่านั้นเอง
แต่พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ในตอนนี้รัศมีครอบคลุมไปถึงหนึ่งร้อยเมตรแล้ว
ในคฤหาสน์ตระกูลตรีศาสตร์ทั้งหลังขณะนี้กำลังแสดงภาพอยู่ในสมองของรพีพงษ์ ทุกๆรายละเอียด จะไม่คลาดสายตาของรพีพงษ์ไปได้
เพราะพลังจิตวิญญาณเทพอีกครึ่ง กระบี่สยบเซียนจึงฟื้นฟูอย่างมาก แม้รอยบนกระบี่จะเปลี่ยนไปไม่มาก แต่พลังมากกว่าเมื่อก่อนอย่างแน่นอน
การสนทนาในห้องนี้เมื่อกี้ รพีพงษ์ใช้พลังจิตวิญญาณเทพ ฟังอย่างชัดเจน เขาไม่คิดว่าคนของตระกูลตรีศาสตร์จะให้เขาพลีชีพ ให้บรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์คืนชีพขึ้นมา เขาให้เกียรติคนของตระกูลตรีศาสตร์เกินไป
นลินีสองพี่น้องถือว่ายังให้ความสำคัญต่อกันและกัน แต่ผู้เฒ่าพวกนั้นของตระกูลตรีศาสตร์ รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อยไว้แน่
พวกเขาอยากจะให้ตนพลีชีพ แล้วรพีพงษ์จะเกรงใจพวกเขาอยู่ทำไมกัน
หลังจากที่เก็บพลังจิตวิญญาณเทพของตนกลับมาแล้ว รพีพงษ์ก็ยืนขึ้น มองไปที่ผู้เฒ่าเหล่านั้นของตระกูลตรีศาสตร์
ผู้เฒ่าเหล่านั้นเห็นสายตาเยือกเย็นของรพีพงษ์ ก็ตัวสั่น จากนั้นก็คุกเข่าให้รพีพงษ์
“บรรพบุรุษ ที่ท่านฟื้นคืนชีพมาได้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง! พวกเราตระกูลตรีศาสตร์มีท่านอยู่ อนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน!”
รพีพงษ์ดูแคลน แล้วบีบคอหนึ่งในนั้น
“บรรพบุรุษของพวกมึงตายไปแล้ว กูคือรพีพงษ์! ในเมื่อพวกมึงคิดถึงบรรพบุรุษของพวกมึงเสียขนาดนี้ งั้นก็ไปอยู่เป็นเพื่อนมันซะ!”
พูดจบ รพีพงษ์ไม่ลังเล หักคอคนนั้นทิ้งซะ