พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร
บทที่957 ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร
ทัตดายัวคงตะลึงอยู่กับการที่พรภวิษย์แพ้ จากนั้นก็เห็นฐานยินยื่นมือชี้มาที่ตนเอง ให้ตนออกไปพร้อมกับปรวีร์
และฐานยินยังยิ้มแบบลามกอีกด้วย เห็นรูปร่างของทัตดาแล้วกระชุ่มกระชวย
เมธชนันได้ยินคำพูดของฐานยินก็น่าเคร่งเครียด จากนั้นก็รีบเอาทัตดามาปกป้องไว้ด้านหลังของตัวเอง
“พวกคุณรีบหนีไปซะ ไม่ต้องฟังมัน ผมจะถ่วงเวลามันเอง!” พรภวิษย์ตะโกนให้คนในคฤหาสน์รับรู้
จากนั้นก็ยืนขึ้นต่อสู้กับฐานยินต่อ
ฐานยินถีบเข้าไปที่หลังจองพรภวิษย์โดยตรง พรภวิษย์ที่กำลังจะยืนขึ้นก็ได้ฟุบลงไปกับพื้นอีกครั้ง กระอักเลือดออกมา
“ไอ้เลว ความสามารถแค่นี้ของมึง จะถ่วงเวลากู? ใันไปเหอะ!” ฐานยินกล่าวอย่างไม่พอใจ
พรภวิษย์ร้อนรน ถ้ารู้ว่าฝีมือของฐานยินยอดเยี่ยมขนาดนี้ตั้งแต่แรก เขาควรจะพาปรวีร์หนีตั้งแต่ตอนนั้น
ตอนนี้ไม่เพียงแค่ปรวีร์หนีไปไม่ได้ แม้แต่คนของตระกูลจันวราสกุลก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เมธชนันรู้ดีว่าวันนี้จะต่อต้านนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว แดนดั่งเทพ ตบฉาดเดียวก็ตายแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ ทำได้เพียงอ้อนวอนฐานยินให้เห็นอกเห็นใจกัน ปล่อยทัตดาไป
เขาเดินมาถึงประตูทางนั้น เปิดประตูออกโดยตรง แล้วกล่าว “ผู้สูงส่ง พวกเราตระกูลจันวราสกุลไม่มีความแค้นใดๆกับท่าน ขอท่านได้โปรดกรุณา ปล่อยหลานสาวผมไป เธอเป็นเพียงเด็ก ถ้าท่านจะจับ ก็จับผมเถอะนะ ผมสามารถให้ทุกอย่างของตระกูลจันวราสกุลกับคุณ”
ฐานยินจ้องเมธชนัน ไม่พูดพร่ำทำเพลงถีบไปที่เมธชนันโดยตรง
เมธชนันล้มลงกับพื้นอย่างแรง จนกระอักเลือดออกมา
เมื่อกี้ที่ฐานยินถีบนั้นไม่ได้ใช้พลังอะไรมากมาย มิเช่นนั้นเมธชนันในตอนนี้คงตายไปแล้ว
“ไอ้แก่ กูจับมึงแล้วมีประโยชน์อะไร สิ่งที่กูอยากได้คือสาวสวยคนนี้ เธอสิจะทำให้กูมีความสุขได้ มึงทำให้กูมีความสุขได้มั้ย?” ฐานยินกล่าวอย่างไม่เกรงใจใดๆ
ทัตดารีบวิ่งไปที่เมธชนัน พยุงเมธชนันขึ้น ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณปู่ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เมธชนันกัดฟัน ยืนขึ้นมาจากพื้น ปาดเลือดที่กกปากตัวเองออก แล้วกล่าว “ยังไม่ตาย ทัตดา ปู่ไม่มีความสามารถ ปกป้องแกไม่ได้”
สายตาของทัตดามั่นใจ แล้วกล่าว “คุณปู่ คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ ต่อให้หนูตาย ก็ไม่ทีทางให้ไอ้น่าขยะแขยงนี่แตะต้องตัวหนูได้แม้แต่น้อย”
เมธชนันร้อนรนขึ้นมา แล้วกล่าว “ทัตดา อย่าวู่วาม”
จากนั้นเขาก็มองไปที่ฐานยิน แล้วกล่าว “ท่านปรมาจารย์ ขอท่านได้โปรดอย่าเอาหลานสาวฉันไปเลย ตระกูลจันวราสกุลขอเราทำงานในกองทัพทหาร หลายปีนี้พวกเรามีเส้นสายเยอะ ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่แตะต้องหลานสาวฉัน ผมสามารถให้ทุกอย่างของตระกูลจันวราสกุลกับคุณ”
ฐานยินยึนปาก แล้วกล่าว “ขอโทษนะ กูไม่สนใจกับของพวกนั้น กูอยากได้แค่หลานสาวของมึง”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์
“สาวน้อย มึงไปกับกูดีๆเถอะนะ ก็สัญญาว่าจะไม่ให้มึงเสียเปรียบเลย แล้วยังให้มึงขึ้นสวรรค์อีกด้วยนะ อิอิอิ”
ฐานยินยิ้มอย่างลามก ยื่นมือไปที่ทัตดา แล้วลากเธอเข้ามา
ทัตดาเห็นดังนี้ ก็ได้หยิบมีดสั้นที่แอบไว้ในชุดของเธอออกมา จะปริชีพตัวเอง เพื่อไม่ให้ไอ้น่ารังเกียจนี่ทำให้เธอแปดเปื้อน
แต่ในขณะเดียวกันนี้เอง ร่างหนึ่ง ได้ขวางหน้าฐานยินไว้
ทัตดารู้สึกถึงสายลมที่พัดมา จากนั้นก็เป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคย
รพีพงษ์!
ทัตดามองรพีพงษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อ อ้าปากค้างอย่างตกใจ
“ร……รพีพงษ์ คุณคิดจะทำอะไร?” ทัตดาถาม
รพีพงษ์หันไปหาทัตดา ด้วยรอยยิ้มที่นิ่งสงบ แล้วกล่าว “คุณวางใจได้ ผมจะไม่มีทางให้คุณเป็นอะไร”
แม้ทัตดาจะซาบซึ้งกับการที่จู่ๆรพีพงษ์มาห้ามไว้ แต่ฐานยินแม้แต่พรภวัษย์ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วรพีพงษ์จะต่อกรยังไง
“คุณอย่าบ้าไปหน่อยเลย เมื่อกี้คุณไม่เห็นฝีมือของมันหรอ? ตอนนั้นคุณบอกว่าคุณเป็นแค่แดนครึ่งดั่งเทพไม่ใช่หรอ? คุณรีบหลบไป ฉันไม่ต้องการการช่วยเหลือจากคุณ!”
ทัตดาร้อนรน เธอไม่อยากทำให้รพีพงษ์เหนื่อย เพราะตัวเอง
รพีพงษ์ไม่สนคำพูดของเธอ แล้วมองไปที่ฐานยินที่อยู่ตรงหน้า
ฐานยินก็ไม่คิดว่าตอนนี้จะมีคนมาขัดขวาง บวกกับดูแล้วรพีพงษ์อายุแค่ยี่สิบกว่าปี เขาไม่จำเป็นต้องกลัว
“เด็กน้อย มึงรนหาที่ตายหรอ? แม้แต่เรื่องของกูมึงก็ยังกล้ายุ่ง?” ฐานยินจ้องรพีพงษ์แล้วถาม
รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ “เธอคือผู้แนะนำของหู กูถือเป็นหัวหน้าของเธอ อันตรายของเธอแน่นอนว่ากูต้องรับผิดชอบ กูอยากให้มึงคุมตัวเองให้ดีๆ มิเช่นนั้น มึงจะเสียใจที่วันนี้มาที่นี่”
เมือกี้รพีพงษ์นึกขึ้นได้ ว่าฐานยินนี้ เป็นรางวัลนำจับอันดับที่สี่ของกลุ่มสิงโต
ดังนั้นแม้ฐานยินไม่ทำอะไรทัตดา วันนี้รพีพงษ์ก็ไม่มีทางปล่อยฐานยินไปง่ายๆอย่างแน่นอน เพราะในสายตาของรพีพงษ์ ถือเป็นผลงานที่เคลื่อนที่ได้ชั้นดี
ในเมื่อได้เข้ากลุ่มสิงโตแล้ว ก็ต้องทำอะไรเพื่อกลุ่มสิงโตบ้าง
ฐานยินได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าว “เด็กน้อย มึงรู้หรือเปล่าว่ามึงกำลังพูดอยู่กับใคร? จุดจบของไอ้เลวพรภวิษย์มึงน่าจะเห็นแล้วนะ? มึงคิดว่าเด็กหัวขนยี่สิบกว่าปีอย่างมึง จะเก่งกว่าพรภวิษย์?”
“กูจะเก่งกว่าเขามั้ย ต่อสู้กันก็รู้แล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
พูดจบ เขาหยิบมุรามาสะมาถือไว้ แล้วค่อยๆดึงออกมาจากกระบอก
ฐานยินเห็นรพีพงษ์ถืออาวุธอยู่ ความเหยียดหยามที่อยู่ในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การกระทำนี้ของรพีพงษ์บ่งบอกว่าเขายังไม่ถึงแดนดั่งเทพ ฐานยินไม่มีทางกลัวเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่ถึงแดนดั่งเทพแน่นอน
ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์เห็นรพีพงษ์ท่าทางเยือกเย็น ก็หมดอาลัยตายอยาก คิดว่ารพีพงษ์วู่วามเกินไป
“ความจริงฝีมือเขาก็ไม่แย่ ถ้าหนีไป ก็ไม่ต้องถูกกักไว้ เสียดาย เขาหลวมตัวเกินไป”
“ตอนผมวัยรุ่นก็เหมือนเขา เจอเรื่องแบบนี้จะอ่อนข้อไม่ได้ แต่คนที่อยู่ข้างนอกนั่นคือยอดฝีมือแดนดั่งเทพ พรภวิษย์บาดเจ็บหนัก แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับเค้า”
“เดิมทีคิดว่าทัตดาพาหลานเขยมา แต่แว็บเดียวก็กลายเป็นเรื่องอื่นไป พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย”
……
ฐานยินกำลังมองรพีพงษ์ที่จริงจัง ก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็ถีบไปที่ร่างจองรพีพงษ์ อยากที่จะจัดการตัวปัญหานี้ให้จบไปซะ
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ รพีพงษ์หลบขานั้นของเขาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นมุรามาสะที่อยู่ในมือก็พุ่งไปที่คือของฐานยินอย่างเร็ว
บนกระบี่ มีออร่าอยู่รอบๆ ฐานยินรับรู้ได้ถึงอันตราย จำเป็นต้องถอยหลังไปอย่างเร็ว