พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป
บทที่986 ท่าทีเปลี่ยนไป
หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปที่คฤหาสน์แล้ว ก็ไปอาบน้ำ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็ส่ายหัวยิ้มแหยๆ
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงหน้าสวยงามที่ขาวบริสุทธิ์ของฟีน่า ก็เซ็งขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนี้รูปแบบเดียวกับจารุณี ไม่รู้ว่าถ้าทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จะเป็นยังไงนะ
อย่างอื่นรพีพงษ์ไม่รู้ แต่ถ้าผู้หญิงสองคนนี้ปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน รพีพงษ์รู้ว่าตัวเองจะต้องหัวระเบิดอย่างแน่นอน
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว รพีพงษ์ฝึกฝนพลังวิเศษเสนในห้องรับแขก ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ก็ได้พยายามฝึกฝนมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้เขากำลังคิดว่าวิธีที่จะผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดไปให้ได้ จากคนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ มีเพียงผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดไปได้ เขาจึงจะสามารถรักษาชีวิตในสถานการณ์คับบขันได้
เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ยอดฝีมือแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้าของประเทศรัสเซียมาลอบสังหาร ถ้าไม่ใช่เพราะมีแผนผังค่ายกลวิเศษอาวุธสังหารขนาดนี้ จุดจบในวันนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ถ้าครั้งที่แล้วรพีพงษ์ผ่านพลังวิเศษเสนชั้นยอดได้แล้ว รพีพงษ์เชื่อว่าแดนดั่งเทพขั้นต้นทั้งห้า ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
ในขณะที่เขากำลังมีสามธิกับการฝึกพลังวิเศษเสนอยู่นั้น เสียงกริ่งดังขึ้นมาจากข้างนอก
รพีพงษ์เปิดตา แล้วสงสัย ไม่รู้ว่าใครมาหาเขาในเวลานี้
เขาเดินไปที่ประตู หลังจากที่เปิดประตูออกแล้ว พบว่าเป็นฟีน่าที่สวมใส่ชุดนอนใหญ่กว่าตัวยืนอยู่ที่ประตู หลังจากที่เห็นรพีพงษ์เปิดประตูออกแล้ว ก็ทักทายรพีพงษ์อย่างมีมารยาท
“สวัสดียามค่ำคืน รพีพงษ์”
รพีพงษ์มองฟีน่าอย่างประหลาดใจ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูที่ที่เขาพักอยู่
หรือเธอแอบตามตนมา?
“คุณมาที่นี่ได้ไง?” รพีพงษ์ถาม
“บ้านของฉันอยู่ติดกับคฤหาสน์นี้ที่คุณอยู่ ฉันว่าต้องเป็นความตั้งใจของพระเจ้า ให้เรามีพรหมลิขิตต่อกัน จนมาเจอกันที่นี่”
รพีพงษ์หมดคำพูด ไม่คิดว่าปิยวัฒน์จะจัดให้เขาอยู่ข้างๆกับฟีน่า
ขณะนี้เขารู้สึกว่ารอบๆมีบรรยากาศลึกลับอยู่ จึงได้ปล่อยพลังจิตออกมา สังเกตการณ์
รอบๆคฤหาสน์มีคนที่สวมชุดดำสิบกว่าคนแอบอยู่รอบๆ เต็มไปด้วยอาวุธ เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว คนพวกนี้กำลังสังเกตการณ์สถานการณ์ในคฤหาสน์อยู่ เหมือนกับว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็รีบพุ่งเข้ามา ล้อมรพีพงษ์ไว้
รพีพงษ์ยิ้ม คิดว่าคนพวกนี้น่าจะเป็นคนที่ตระกูลอังเดรจัดมาให้ปกป้องฟีน่า เพราะคนของตระกูลอังเดรต้องไม่สบายใจที่จะให้ฟีน่ามาพูดคุยกับรพีพงษ์ตามลำพัง
“คุณหนู ดึกขนาดนี้แล้ว ผมว่าคุณรีบกลับไปนอนเถอะนะ เดิมที่คุณก็อ่อนแออยู่แล้ว เดี๋ยวจะเป็นหวัดได้นะ” รพีพงษ์กล่าว
“ฉันอยู่กับคุณได้มั้ย?” ฟีน่าพูดตรงๆ
“ไม่ได้” รพีพงษ์ตอบกลับอย่างเด็ดขาด
“ฉันก็แค่อยากคุยกับคุณเรื่องวงการบู๊แห่งหัวเซี่ยก็เท่านั้น ไม่มีทางคิดอะไรกับคุณอย่างแน่นอน” ฟีน่ารีบพูด
รพีพงษ์เงียบไปกี่วินาที มองไปที่ร่างอันบอบบางของฟีน่า ต่อให้จะคิดเลยเถิดไป ก็ต้องเป็นรพีพงษ์ที่คิดกับเธอ หญิงสาวคนนี้ ถูกตระกูลอังเดรปกป้องมาอย่างดี ไม่รู้ว่าความคิดของคนมันน่ากลัวขนาดไหน
“ไม่ได้ ผมจะพักผ่อน”
รพีพงษ์พูดกับฟีน่าอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ปิดประตู
เขาไม่ให้โอกาสฟีน่าใดๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงตัดความสัมพันธ์เท่านั้น
ฟีน่ากำลังมองไปประตูที่ปิดลงอย่างเหม่อลอย สักพัก พึมพำกับตัวเองว่า “ไม่เหมือนใคร ฉันชอบคนแบบนี้”
จากนั้นเธอก็ได้ยืนอยู่ที่ประตูอีกสักพัก จึงจะหันหลังกลับไปยังคฤหาสน์ข้างๆ
รพีพงษ์กำลังใช้พลังจิตสังเกตฟีน่า แล้วขมวดคิ้ว
ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เขาก็จะไม่ตอบรับธัชธรรมมาประเทศรัสเซียตรวจสอบคนลึกลับหรืองานเลี้ยงใดๆ
ไม่คิดอะไรต่อ รพีพงษ์ก็ขัดสมาธิบนโซฟา ฝึกฝนต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลังจากที่รพีพงษ์ตื่นแล้ว หยิบมุรามาสะมาในสวน เริ่มฝึกฝนวิชาดาบลึกลับ
ขณะนี้นอกรั้วต้นไม้ได้มีคน กำลังจ้องรพีพงษ์อย่างขะมักเขม้นอยู่
รพีพงษ์ไม่ใส่ใจ เริ่มรำดาบที่อยู่ในมืออย่างจริงจัง อากาศรอบๆสนาม เต็มไปด้วยเสียงสั่นสะเทือนเบาๆจากวิชาดาบของรพีพงษ์
ฟีน่ากำลังยืนอยู่นอกสวนเฝ้ามองรพีพงษ์แสดงวิชาดาบอย่างเหม่อลอย ถูกร่างของรพีพงษ์ดึงดูดเข้าให้แล้ว
ฝุ่นละอองบนพื้นปลิวไปตามท่าทางของรพีพงษ์และได้กลายเป็นกระแสลมที่มองเห็นได้ชัดเจน ถ้ามองอย่างละเอียดล่ะก็ จะพบว่า ฝุ่นละอองกระแสลมนี้เป็นรูปร่างของมังกร
วิชาดาบนี้ รพีพงษ์ได้มาจากค่ายเก้ามังกรสังหาร
แม้พลังจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าค่ายเก้ามังกรสังหาร แต่หนึ่งในนั้น วิชาดาบธรรมดาไม่สามารถเทียบได้
ปล่อยวิชาดาบออกมาทั้งหมด บนหน้าผากของรพีพงษ์ เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลลงมา
ฟีน่าที่จ้องรพีพงษ์อยู่ตลอดเวลารู้สึกตัวขึ้นมา ก็รีบพูดว่า “สุดยอดมากเลย!”
“รพีพงษ์ คุณสอนวิชาดาบเมื่อกี้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?”
รพีพงษ์หันไปมองเธอ แล้วกล่าว “ร่างกายคุณอ่อนแอ แค่ถือกระบี่ก็แย่แล้ว ต่อให้ผมสอนคุณ คุณก็เรียนไม่สำเร็จ”
ได้ยินรพีพงษ์พูดแบบนี้ ฟีน่าก็สิ้นหวัง
“แต่ผมสามารถสอนวิชาที่จะเพิ่มขีดความสามารถของร่างกายตัวเองให้คุณได้ ถ้าคุณสามารถยืนหยัดฝึกฝนจนสำเร็จล่ะก็ แม้จะไม่สามารถทำให้คุณเป็นผู้แข็งแกร่งได้ แต่ทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงเหมือนคนทั่วไปได้ มันง่ายมาก” รพีพงษ์พูดต่อ
สายตาของฟีน่าลุกวาวเป็นประกายขึ้นมา แล้วถาม “จริงหรอ?”
รพีพงษ์พยักหน้า
วิชาที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้น ก็คือวิชาหายใจออก
ที่เขาเปลี่ยนแปลงท่าทีที่มีต่อฟีน่ากะทันหัน ไม่ใช่เพราะเขาจิตใจดีงาม แต่ตื่นขึ้นมาเช้านี้ เขาได้รับข้อความจากปิยวัฒน์
เรื่องงานเลี้ยงหมื่นคน หาเบาะแสบางอย่างเจอแล้ว ช่วงนี้มอสโก กำลังเตรียมตัว จัดงานใหญ่อลังการที่central square
ถึงเวลานั้นจะมีคนเกือบหมื่นคนมาเข้าร่วมงานนี้ และผู้ที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้ มีเพียงผู้คนชั้นนำของประเทศรัสเซีย คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม
และผู้ที่รับผิดชอบในการจัดงานครั้งนี้ คือตระกูลอังเดร
แม้ที่มอสโกปิยวัฒน์จะมีอำนาจ แต่ก็ยังไม่มีวิธีได้บัตรเข้างานในครั้งนี้
ดังนั้นการที่รพีพงษ์จะเข้าร่วมงานนี้ได้ ก็มีเพียงเข้าหาคนของตระกูลอังเดรเท่านั้น
บังเอิญไม่บังเอิญ ที่ฟีน่าคือคุณหนูของตระกูลอังเดร
ดังนั้นเพื่อที่จะเข้างานได้อย่างราบรื่นได้นั้น รพีพงษ์ทำได้เพียงสร้างความสัมพันธ์กับฟีน่าเท่านั้น
แน่นอน เขาไม่ได้หลอกใช้ฟีน่าอย่างเดียว เพราะเขาก็คิดที่จะถ่ายทอดวิธีการหายใจออกให้ฟีน่าด้วย รพีพงษ์เห็นว่า ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่มูลค่าเท่ากัน
ฟีน่าที่ไร้เดียงสาไม่รู้ความคิดของรพีพงษ์ ได้ยินรพีพงษ์พูดว่าจะสอนวิธีให้ร่างกายเธอแข็งแรงขึ้น ก็รีบวิ่งเข้าไปในสวนของรพีพงษ์อย่างเร็ว
เพราะวิ่งเร็วเกินไป ฟีน่าไม่ได้ควบคุมร่างกายให้ดี พุ่งพรวดล้มไปข้างหน้า เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรพีพงษ์พอดี