พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่993 ความเป็นความตาย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่993 ความเป็นความตาย
บทที่993 ความเป็นความตาย
รพีพงษ์ดูฟีน่าที่เข้ามาขวางหน้าตัวเองไว้ ด้วยความประหลาดใจ
ผู้ลี้ลับชะงัก แล้วมองฟีน่าตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ้มพลางกล่าว “คิดไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงมาตายแทนแก ซาบซึ้งใจจริงๆ”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันจะสนองให้ล่ะกัน!”
พูดจบ ในมือของผู้ลี้ลับก็ปรากฏแส้ยาวๆออกมา ฟาดไปที่ฟีน่า
รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็รีบคว้าฟีน่ามาไว้ด้านหลังของตัวเอง แล้วกล่าว “ผมให้คุณรีบหนีไป คุณอยู่ที่นี่ ทำให้ผมเสียสมาธิ ถึงเวลานั้นเราจะตายกันทั้งคู่นะ!”
เขาหยิบมุรามาสะในมือขึ้นมา ขวางแส้ที่ผู้ลี้ลับฟาดลงมา
รพีพงษ์รู้สึกเพียงตัวเองหน้าส่วนหัวชา นี่แค่การจู่โจมธรรมดาที่สุดของผู้ลี้ลับเท่านั้น สุดท้ายรพีพงษ์ใช้ตัวเข้าไปขวางไว้ เกือบจะเอาไว้ไม่อยู่ ฝีมือของผู้ลี้ลับนี้เก่งกาจขนาดไหน ไม่คิดก็รู้แล้ว
ฟีน่าเห็นรพีพงษ์ตะคอกใส่ตัวเอง แว็บนึงก็ตื่นตัวขึ้นมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะเอาความรู้สึกเขามาแก้ปัญหา อยู่ต่อหน้าปีศาจที่น่ากลัวแบบนี้ เธอพุ่งเข้าไปก็เหมือนเอาชีวิตตัวเองไปแลกเท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงรีบหันกลับ วิ่งไปที่เส้นขอบ
เธอทำตามคำสั่งของรพีพงษ์ ไม่วิ่งเข้าหาที่ที่มีคนเยอะ แต่วิ่งไปในทิศทางที่ที่มีคนน้อย
คนเหล่านี้วิ่งไปที่เส้นขอบ เดิมทีคิดว่าตัวเองจะหนีจากสถานการณ์นี้ได้ แต่กลับพบว่าพวกเขาไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างตกใจ
สถานที่แห่งนี้เหมือนคุก ที่ขังพวกเขาไว้ข้างในรวบกันไปแล้ว
ฟีน่ารู้ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์นี้ ดังนั้นจึงไม่ตกใจอะไรมากนัก เธอนึกถึงคำพูดของรพีพงษ์เสมอ อยู่ในที่ที่คนน้อยๆ
“รพีพงษ์ คุณจะต้องไม่เป็นไรนะ” ฟีน่ามองไปที่รพีพงษ์ แล้วภาวนา
รพีพงษ์เห็นฟีน่าวิ่งหนีไป ก็โล่งอก
ในลานจัตุรัส สิ่งที่จะทำให้รพีพงษ์สนใจ ก็มีแค่ฟีน่าเท่านั้น เพราะรพีพงษ์พึ่งเธอจึงเข้ามาที่นี่ได้ ตอนนั้นฟีน่าแลกชีวิตของเธอมาขวางไว้ที่หน้าเขา ทำให้รพีพงษ์ซาบซึ้ง
ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ รพีพงษ์อยากช่วยฟีน่า
คนอื่นที่อยู่ในลานจัตุรัส รพีพงษ์ก็ไม่สามารถช่วยได้ ทำได้เพียงพึ่งโชคชะตาของพวกเขาเองแล้วล่ะ
ผู้ลี้ลับเห็นรพีพงษ์ขวางการจู่โจมของตนไว้ ก็หัวเราะแล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าแกจะขวางการโจมตีของฉันได้ น่าความคาดหมายจริงๆ”
รพีพงษ์ไม่ลังเล ใช้วิชาลับ เขารู้ดี ว่าเผชิญกับศัตรูที่น่ากลัวขนาดนี้ ถ้าอ่อนข้อแป๊ปเดียว ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองตายเร็วขึ้นเท่านั้น
ด้วยพลังที่มากขึ้น ขณะนี้พลังของรพีพงษ์ได้ถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว แม้ยังไงก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ลี้ลับคนนี้ แต่อย่างน้อยก็ไม่อนาถเท่าเมื่อกี้
ผู้ลี้ลับเห็นรพีพงษ์เพิ่มพลังให้ตัวเอง ก็ตะลึง
เขาไม่อยากเสียเวลาต่อไป เรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร็วในตอนนี้ คือจับรพีพงษ์มา ให้กล่องดูดพลังของเขาไว้
“เด็กน้อย ฝีมือธรรมดาอย่างแก อย่าคิดจะรอดจากน้ำมือฉันได้ เอาชีวิตมา!”
พูดจบ ผู้ลี้ลับพุ่งไปที่รพีพงษ์อย่างเร็ว
รพีพงษ์ไม่ลังเลใดๆ ใช้กระบี่แทงไปทันที
“ท่าดาวฟ้า!”
กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งจู่โจมไปที่ผู้ลี้ลับ อย่างทรงพลานุภาพ
แต่ทว่าเมื่อผู้ลี้ลับโบกมือ การโจมตีของรพีพงษ์ก็สลายไป
รพีพงษ์หน้าถอดสี จากนั้นก็ใช้ท่าที่สอง
“ท่าเชิญพระจันทร์!”
ผู้ลี้ลับไม่สนใจการโจมตีของรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย ในมือปรากฏลำแสง พุ่งชนเข้ากับท่าเชิญพระจันทร์ ท่าเชิญหระจันทร์สลายไป
รพีพงษ์กัดฟัน รวบรวมพลังทั้งหมดที่ตัวเองมีไปรวมไว้ที่มุรามาสะ แล้วฟันไปที่ผู้ลี้ลับอย่างแรง
“ท่าธันเดอร์!”
กระบี่ใหญ่ฟันไปที่ผู้ลี้ลับ ผู้ลี้ลับเริ่มมีปฏิกิริยา หัวเราะพลางกล่าว “ท่านี้พอได้นะ แต่เสียดายสำหรับฉัน มันยังไม่พอ”
พูดจบ ผู้ลี้ลับยื่นสองนิ้วออกไป ปรากฏเป็นรูปกระบี่ ทันใดนั้น ก็ใหญ่ขึ้น ใหญ่ยิ่งกว่ากระบี่ของรพีพงษ์หลายเท่าตัว
ผู้คนที่ดูอยู่ไกลๆ ก็ส่งเสียงตกใจ
ลำแสงกระบี่นั้นผ่าไปที่รพีพงษ์ ผ่าท่ากระบี่นั้นของรพีพงษ์ออกเป็นเสี่ยง จากนั้นก็ผ่าไปที่ตัวของรพีพงษ์
ตัวของรพีพงษ์ลอยไปไกล ห่างไปประมาณสิบกว่าเมตร จึงหยุดลง
ขณะนี้เขาเลือดออกเต็มไปหมด จิตใจห่อเหี่ยว หมดพลังในการสู้โดยสิ้นเชิง
เขากัดฟันยืนขึ้น ก้มหน้าลงมองมุรามาสะในมือตัวเอง พบว่ามุรามาสะได้แตกเป็นสองส่วน
ส่ายหัวแล้วยิ้มแหยๆ รพีพงษ์มองผู้ลี้ลับจากที่ไกล แล้วพึมพำ “วันนี้ต้องตายที่นี่จริงๆหรอเนี่ย?”
“อารี หนูลิน ผมคงไม่มีโอกาสได้เจอพวกคุณแล้วล่ะ”
ผู้ลี้ลับเดินไปที่รพีพงษ์ อย่างไม่แยแสแล้วกล่าว “ถ้าแกตายตรงนั้น แกจะได้รับการดูแลดุจดั่งพระเจ้า จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เสียดาย ชีวิตคนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ประโยชน์ของแกในตอนนี้ คือเอาพลังชีวิต ให้กับกล่องนั้นของฉันซะ!”
ที่รพีพงษ์ยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะผู้ลี้ลับอยากให้กล่องนั้นดูดพลังชีวิตของรพีพงษ์ไป
รพีพงษ์จ้องผู้ลี้ลับ แล้วถาม “แกเป็นใครกันแน่?”
ผู้ลี้ลับหัวเราะ แล้วกล่าว “ฉันไม่ใช่คนบนโลกนี้ แต่ตอนนี้เรื่องแบบนี้ก็ไม่สำคัญอะไรกับแกแล้ว ตายอย่างสงบเถอะนะ!”
พูดจบ ผู้ลี้ลับก็ยื่นมือไปที่รพีพงษ์
ในใจของรพีพงษ์นึกคำพูดที่ว่าไม่ใช่คนบนโลกนี้ซ้ำๆ ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร
มองดูผู้ลี้ลับจะจับตนเอง รพีพงษ์ได้เตรียมใจที่จะตาย แล้วใจพลังจิตวิญญาณเทพทั้งหมด เข้าไปในกระบี่สยบเซียน ให้เขาพินาศไปพร้อมๆกัน
ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงลมพายุก็พัดมา มาที่รพีพงษ์และผู้ลี้ลับอย่างเร็ว
แว็บเดียว ลูกไฟบรรลัยกันต์ได้ล้อมผู้ลี้ลับไว้ ขัดขวางมือที่เขากำลังจะยื่นมาจับรพีพงษ์
รพีพงษ์มองไป พบว่าผู้ที่ปล่อยลูกไฟออกมา คือธัชธรรม!
ผู้อาวุโส สุดท้ายก็มาสักที!
เห็นธัชธรรมปรากฏกาย รพีพงษ์ก็โล่งอก รู้ว่าวันนี้เขาได้รักษาชีวิตไว้ได้แล้ว
ธัชธรรมเหลือบมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่างไม่ตั้งใจว่า “มาช้าไปหน่อย ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
รพีพงษ์มองบน แล้วกล่าว “คุณรีบหาวิธีจัดการไอ้นี่โดยเร็วเถอะ”
ธัชธรรมพยักหน้า มองไปที่ผู้ลี้ลับ กลิ่นอายของจิตวิญญาณซื่อตรง พุ่งเข้าไปที่ผู้ลี้ลับ “ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นปีศาจร้ายมาจากไหน วันนี้ฉันธัชธรรมอยู่ที่นี่ แกต้องตายสถานเดียว!”