พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - ตอนที่ 21
บทที่ 21
Ink Stone_Romance
ออสการ์และเคนกลับโรงเรียนในรุ่งเช้าของวันถัดมา เคาน์ติสที่ดูเหมือนว่าช่วงนี้กำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่างจนไม่ค่อยได้กลับคฤหาสน์ เธอกำลังเรียนรู้ที่จะทำตามอำเภอใจตัวเอง
เคาน์ติสจึงแอบเรียกอาเรียออกมาเพื่อถามไถ่ว่าออสการ์เป็นอย่างไรบ้างตอนอยู่คฤหาสน์
“ไม่รู้สิคะ ก็ดูไม่มีอะไรพิเศษนะคะ”
“ทั้งที่เป็นโอกาสดีแท้ๆ น่าเสียดายจริงเชียว”
โอกาสนั้นเป็นของใครกัน ของมิเอลที่ได้เจอเขาบ่อยกว่าเธอหรือ หรือว่าเป็นของเธอที่ได้พบเจอเขาเป็นครั้งแรก ริมฝีปากสีแดงเข้มของเคาน์ติสวาดเป็นเส้นบ่งบอกความเสียดาย
แต่แล้วก็กลับมายิ้มตามเดิม หลังจากพวกเขากลับไปได้ไม่นาน ของแทนคำขอบคุณจากออสการ์ก็ส่งมาถึงคฤหาสน์
กล่องของขวัญสองกล่องถูกส่งมาภายในนามของดยุกเฟรดเดอริก หัวหน้าคนรับใช้ผู้รับส่งสารจากบ้านท่านดยุกจึงแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มิเอลทราบ
อาเรียที่เพิ่งเสร็จจากการเตรียมตัวออกไปพบปะเหล่าสาวๆ ก็บังเอิญเจอมิเอลที่บริเวณประตูคฤหาสน์ กำลังใช้ฝ่ามือปัดป่ายกล่องของขวัญอย่างมีความสุข
เธอรายล้อมด้วยหัวหน้าคนรับใช้และสาวใช้นับไม่ถ้วนต่างร่วมยินดีปรีดากับของขวัญที่เธอได้รับจากออสการ์
“คงจะเป็นของขวัญตอบแทนหัวปากกาครั้งที่แล้วสินะ”
“จิตใจของท่านออสการ์ที่คิดถึงเลดี้ช่างกว้างขวางยิ่งกว่าทะเลเสียอีกนะคะ”
ผู้รับส่งสารของบ้านท่านดยุกแกะกล่องและชูขึ้นให้เห็นทั่วกัน ทำท่าเหมือนกำลังจะอธิบายสิ่งของภายในกล่อง
อาเรียมองดูอยู่ไม่ไกลนักด้วยใจที่เต้นแรง สงสัยว่าของขวัญชิ้นไหนเป็นของเธอ
“นี่เป็นของขวัญส่งมาจากท่านออสการ์ เฟรดเดอริก ทั้งสองกล่องนี้ กล่องหนึ่งที่ผูกด้วยโบสีแดงนั้นสำหรับเลดี้มิเอล และอีกกล่องหนึ่งที่ผูกด้วยโบว์สีฟ้านั้นสำหรับเลดี้…อะแฮ่ม เลดี้อาเรีย นั่นเป็นสิ่งที่ท่านสั่งกระผมมาครับ”
คนที่นำของขวัญมาให้กล่าวชื่ออาเรียอย่างติดๆ ขัดๆ เขาได้รับคำสั่งเพียงแค่ให้นำของขวัญมาให้บ้านโรสเซนต์ จึงไม่รู้ว่าเจ้าของกล่องของขวัญนั้นเป็นเลดี้ท่านใด
เขาขยับแว่นตาข้างเดียวเล็กน้อยและกะพริบตาด้วยความหวาดกลัวด้วยความที่ไม่คาดคิดว่าจะมีชื่อของอาเรีย เขาดูค่อนข้างสับสนกระวนกระวาย
เหล่าผู้คนรอบข้างเองก็เช่นเดียวกัน ทันทีที่ชื่อของอาเรียถูกเอ่ยออกมา สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำถามและความประหลาดใจ
ทำไมกัน ทุกคนทราบดีว่ามิเอลมีใจให้ออสการ์มาโดยตลอดและส่งของขวัญให้เขา เธอเองก็เคยได้รับของรางวัลตอบแทนมาก่อนแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าครั้งนี้ก็น่าจะเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะลงเอยกันที่แต่งงาน ครอบครัวของทั้งสองตระกูลจึงให้การต้อนรับเป็นอย่างดี มิเอลเองก็มีใจให้ออสการ์เป็นอย่างมาก และออสการ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ทว่าครั้งนี้ไม่รู้ว่าทำไมของรางวัลจึงมีของอาเรียรวมอยู่ด้วย เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวอะไรกับออสการ์แท้ๆ แต่ทำไมเธอได้รับของขวัญเท่ากับที่มิเอลได้กันล่ะ
ความสอดรู้สอดเห็นอันแรงกล้าซ่อนอยู่ภายใต้ความสงสัยและความประหลาดใจ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะส่งของขวัญมาอย่างไร้เหตุผล ฉะนั้นเห็นได้ชัดว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ
“มามุงอะไรกันตรงนี้”
เคาน์ติสที่ดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับข้ารับใช้และอัศวินอีกมากมาย ผู้คนในห้องโถงโค้งคำนับแสดงความเคารพเธอ เช่นเดียวกับผู้ส่งสารของคฤหาสน์ท่านดยุก
“อุ้ย นี่มันตราประทับของตระกูลท่านดยุกไม่ใช่หรือ”
รูปดอกกุหลาบประทับอยู่บนกล่องของขวัญแสดงถึงผู้ส่ง ตราประทับบนกล่องขนาดใหญ่นี้หมายความได้ว่าของภายในกล่องจะต้องไม่ใช่ของธรรมดา
อาเรียตอบคำถามของเคาน์ติส
“ของขวัญเหล่านี้มาจากคุณออสการ์ เขาส่งมาให้ลูกและมิเอลคนละกล่องค่ะ”
“อาเรีย ถึงลูกน่ะหรือ”
เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ อาเรียเองก็ตอบกลับไปด้วยใบหน้าไร้เดียงสาราวกับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ค่ะ… หรือไม่แน่ว่าอาจจะตอบแทนเรื่องที่ลูกให้ผ้าเช็ดหน้าเขาไป”
“ให้ผ้าเช็ดหน้าไปงั้นหรือ?”
สิ้นคำถามของเคาน์ติส ห้องโถงก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน
เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ออสการ์เอาผ้าเช็ดหน้าของอาเรียไปอย่างนั้นหรือ สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังมิเอล พวกเขาไม่ได้จ้องมองโดยตรง แต่เหลือบมองพฤติกรรมของเธอ
สงสัยไปว่าทำไมเขาไม่เอาผ้าเช็ดหน้าของตน แต่กลับไปเอาผ้าเช็ดหน้าของอาเรีย มิเอลผู้ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนถึงเรื่องนี้ ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ แต่กำหมัดของตนแน่นจนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
“ขอดูจดหมายหน่อยได้ไหม”
เคาน์ติสยื่นมือไปหาผู้รับส่งสารของท่านดยุก
จดหมายนั้นส่งมาพร้อมกับกล่องของขวัญ เพื่อบอกถึงจุดประสงค์และเหตุผล และการแนบจดหมายมายังเป็นมารยาทที่จะต้องแจ้งให้ผู้รับทราบอย่างแน่ชัดว่าส่งมาจากใคร
จากนั้นผู้รับส่งสารก็ดึงจดหมายที่สอดไว้ที่แขนออกมา ตอนแรกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลท่านดยุกถึงให้มาสองฉบับ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเขาต้องมอบให้แก่ทั้งสองท่านนั่นเอง
เขาคิดว่าของทั้งหมดเป็นของมิเอล แต่เมื่อดูใกล้ๆ จึงเห็นว่าชื่อผู้รับบนจดหมายนั้นต่างกัน เคาน์ติสเอ่ยชื่อบนซองจดหมายและส่งให้อาเรียและมิเอลตามลำดับ
ทุกคนต่างสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาภายในจดหมายที่ถูกผนึกด้วยตราประทับลายดอกกุหลาบ แม้เธอไม่จำเป็นต้องเผยเนื้อความจดหมายให้คนอื่นๆ รู้ แต่เคาน์ติสกล่าวแนะนำอย่างสุภาพให้เธออ่านจดหมายให้ฟังเนื่องด้วยความสอดรู้สอดเห็นของเธอ
“จดหมายของลูกไม่มีสิ่งใดพิเศษหรอกค่ะ ลองอ่านจดหมายของมิเอลดูแทนดีไหมคะ”
ไม่มีใครสงสัยใคร่รู้เนื้อความจดหมายของมิเอล
สิ่งที่ทุกคนอยากรู้คือจดหมายของอาเรียต่างหาก ตอนที่เจอกันคราวก่อนทั้งคู่ดูไม่ได้มีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันเป็นพิเศษแต่อย่างใด พวกเขาจึงสงสัยว่าความสัมพันธ์นั้นเริ่มขึ้นเมื่อไร และไปถึงขั้นที่พวกเขาให้ผ้าเช็ดหน้าจนให้ของตอบแทนกันได้อย่างไร
แต่ทว่าก็ไม่มีใครหลุดความใคร่รู้ที่แท้จริงออกมาจากปากของตนได้ เนื่องจากการสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านายถือเป็นการดูหมิ่นไม่ให้เกียรติเป็นอย่างมาก
พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่สบตากันเท่านั้น ยกเว้นก็แต่เพียงมิเอล
เธอสงสัยเกี่ยวกับเนื้อความในจดหมายของอาเรียจนแทบจะเป็นบ้า เธออยากจะรู้เนื้อความนั้นให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะต้องเผยเนื้อความจดหมายของตนให้ทุกคนได้รับรู้
“ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวน้องจะอ่านของน้องก่อน พี่อาเรียค่อยอ่านตามก็ได้นะคะ”
อา… ออสการ์ผู้น่าสงสาร เขาจะรู้ไหมว่าจดหมายของตนถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ แต่หากมีบทกลอนอันไพเราะ ก็คงจะทำให้เขาดูดีอยู่หรอก
ดวงตาของอาเรียเบิกกว้างเป็นวงกลม ตอนนี้ หัวใจของมิเอลเริ่มร้อนรน และนั่นเป็นตอนที่อาเรียลังเลที่จะตอบคำถามกับตัวเองว่าเธอควรแนะนำมิเอลเกี่ยวกับพฤติกรรมอันไร้มารยาทนี่หรือไม่
“…ไม่ว่าอย่างไร พี่คงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะจะเป็นการหยาบคายต่อคุณออสการ์ อีกอย่างพี่ยังต้องออกไปข้างนอก ขอเราเปิดกล่องของขวัญดูได้ไหม”
อาเรียดูเวลา และถามอย่างรีบร้อน ผู้รับส่งสารจึงผงกศีรษะ ครั้งที่แล้วเธอไปสายเพราะต้องการโชว์เสื้อผ้าธรรมดาๆ ของเธอ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้คิดจะไปสายอีกแล้ว
อาเรียเรียกและสั่งให้เหล่าสาวใช้เปิดกล่องให้เธอ
ในบรรดาสาวใช้ มีสาวใช้คนหนึ่งที่มักยืนอยู่ข้างมิเอลตลอดเวลา และส่งสายตาไม่พอใจให้อาเรียทุกครั้ง เธอเป็นกังวลเมื่อเห็นมือของเจ้านายขาวซีดและดูเฉื่อยชา
“โอ้ ช่างเป็นของขวัญที่งดงามยิ่งนัก”
ภายในกล่องมีชุดเดรส รองเท้า และเครื่องประดับผม
เคาน์ติสคลี่ชุดเดรสสีชมพูออกมาชื่นชมอย่างประทับใจ แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่วัสดุนั้นมีคุณภาพสูงสุด และมีเพชรที่ราวกับเป็นรูปดวงดาวปักอยู่ทั่วบริเวณคอเสื้อ การตกแต่งด้วยดอกกุหลาบบริเวณเอวเพิ่มความสดใสให้กับดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย
“ไหนๆ ก็จะออกไปข้างนอกทั้งที ไปเปลี่ยนชุดไม่ดีกว่าเหรอ”
รองเท้าสีชมพูหวานแหวว ยันเครื่องประดับผมนั้น มันจะต้องเป็นสิ่งที่ทำให้หญิงสาวดูโดดเด่นในการพบปะวันนี้อย่างแน่นอน
ทว่าอาเรียดูเวลาแล้วส่ายหัว เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจจะแต่งตัวเต็มยศออกไปพบปะอยู่แล้ว
“ลูกคงจะต้องขอติดเครื่องประดับผมเพียงอย่างเดียว หากไม่รีบไป เดี๋ยวจะสายเอาค่ะ ไปก่อนนะคะ ท่านแม่แล้วก็มิเอล”
อาเรียหยิบปิ่นปักผมกุหลาบสีทอง สั่งให้ข้ารับใช้นำกล่องของขวัญทั้งหมดไปวางไว้ที่ห้อง แล้วจึงออกจากคฤหาสน์ไป
ก่อนออกจากคฤหาสน์ เธอตั้งใจเหลือบมองมิเอลเป็นครั้งสุดท้าย มิเอลอยู่ในสภาพที่เกือบหมดแรงและแทบจะล้มลงไปพิงสาวใช้ของข้า สภาพของสาวใช้ที่มองลงมาที่เธอก็แทบจะไม่ต่างอะไรกัน
อาเรียเปิดดูจดหมายจากออสการ์บนรถม้า
เนื้อความในจดหมายไม่ได้มีอะไรมาก เป็นเนื้อความสั้นๆ และกระชับว่าเขาขอบคุณที่ให้ยืมผ้าเช็ดหน้าตอนอยู่ที่สวน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะรับของตอบแทนนี้ไว้
“ดีนะที่ไม่ได้อ่าน”
ถ้าอ่านออกไป คงจะไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ
สิ่งนี้มันต้องสร้างความเข้าใจผิดอันไร้ประโยชน์แบบนี้สิถึงจะดี แน่นอนว่ามันเป็นของขวัญที่มีค่าเกินกว่าผ้าเช็ดหน้าตอนเกิดอุบัติเหตุไปมาก
มันเป็นเพราะเขารับผ้าเช็ดหน้าไปเหรอ ได้ยินมาว่าผู้ชายหลายคนมักจะให้ของขวัญเป็นเสื้อผ้าและเครื่องประดับ เพราะอยากให้หญิงสาวใส่มาในครั้งหน้าที่พวกเขาพบกัน
จริงอยู่ว่าอาเรียในอดีตได้รับของขวัญมากมายนับไม่ถ้วนโดยที่ไม่ต้องให้ของขวัญอะไรก่อนเลย
แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ยังมากเกินไป
‘กะแล้วเชียว เสื้อผ้าของฉันมันดูซอมซ่อเกินไปสินะ’
ไม่งั้นคงไม่มีทางส่งชุดเดรสมาให้หรอก ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้มันไปถึงขนาดนั้น แต่เขาก็เล่นใหญ่กลับมากว่าที่คิดมาก ก็ต้องขอบคุณมากๆ เลยล่ะ
ฉันควรตอบแทนอะไรดีล่ะ แม้เขาจะไม่ได้หวังของตอบแทน แต่ก็ยังต้องส่งบางอย่างไปเพื่อให้ความสัมพันธ์ของระหว่างเราดำเนินต่อไป เขาจะได้รู้สึกหนักใจและมาหาตนอีกครั้ง
อย่างเช่นของบางอย่างที่มีราคาแพง และมีค่า คงจะทำให้เขาหนักใจน่าดู ถ้าหญิงสาวแต่งตัวแสนธรรมดาๆ ส่งของขวัญหรูหราไปให้
“แหวนเหรอ หรือสร้อยคอดี หรือไม่อย่างนั้นก็… เข็มกลัดอะไรอย่างนี้เหรอ พวกเธอคิดว่าอย่างไร”
อัศวินทั้งสองที่ติดตามอาเรียมา แลดูสับสนเมื่อจู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมา
แต่มันไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แหวนเป็นสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนกันระหว่างคู่รัก จึงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว สร้อยคอเองก็เช่นกัน
เข็มกลัดเหมาะกับนักเรียนมากที่สุด ฉะนั้นคำตอบจึงเป็นเข็มกลัดอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว
อาเรียจำได้ว่าเครื่องแบบของโรงเรียนเป็นสีดำ เธอยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างมีเลศนัย
เข็มกลัดสีสันสดใสไม่ว่าแบบไหนก็คงจะเข้ากับเขา ถ้าเขาติดเข็มกลัดที่ได้รับเป็นของขวัญก็คงจะดีไม่น้อย และถึงแม้ว่าเขาจะนำกลับมาคืนเพราะหนักใจ เธอก็ยังคงมีข้ออ้างในการไปพบเขา ข้าจะให้เข็มกลัดที่มีราคาแพงที่สุด สีสันสดใส และหรูหราที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“เจสซี่ ตอนนี้มีเงินอยู่เท่าไร ฉันต้องซื้อของที่มีราคาแพงนิดหน่อยน่ะ”
“วันนี้ดิฉันไม่ได้พกมามากเท่าไรค่ะ แต่เลดี้มีบัตรประจำตัวอยู่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
หมายความได้ว่าเธอสามารถใช้ชื่อภายในนามของตระกูลท่านเคานต์ได้
เนื่องจากธุรกิจของตระกูลท่านเคานต์โรสเซนต์มีขนาดใหญ่จนได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างมาก และสามารถครอบครองได้ทุกอย่างเว้นก็เสียแต่พระราชวังหลวง
“บอกคนขับรถม้าให้ทีว่าฉันจะแวะร้านอัญมณีตอนขากลับ ร้านที่ใหญ่และแพงที่สุดในเมือง”
“ได้ค่ะ เลดี้”
ภายในรถม้าถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ความเงียบนี้แตกต่างจากปกติ มันเป็นบรรยากาศที่พวกเขารู้สึกว่าธาตุแท้ของเธอเป็นเช่นนี้นี่เอง
อาเรียรู้สึกเช่นนั้นเพราะเธอเห็นพวกเขามาเป็นเวลานานจนสามารถบอกได้แล้วว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรต่ออาเรียคนเดิม อีกทั้งเธอก็ยังไม่ได้สลัดภาพนางมารร้ายทิ้ง
“คุณออสการ์อุตส่าห์ส่งของขวัญแสนงดงามมาให้ ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องตอบแทนกลับบ้างไม่ใช่เหรอ”
“ได้ค่ะ เลดี้ ดิฉันจะบอกคนขับรถม้าให้ไปร้านที่ดีที่สุดในเมืองให้นะคะ”
เพราะอย่างนั้นอาเรียจึงเพิ่มข้อแก้ตัวเข้าไป บรรยากาศที่หนักอึ้งเมื่อครู่จึงเริ่มผ่อนคลายลง ทุกคนที่ห้องโถงเป็นพยานได้ว่าอาเรียได้รับของขวัญที่เลอค่าจริงๆ
แต่แล้วจู่ๆ อาเรียคนใหม่ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจมิเอลขึ้นมา เธอคงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อซ่อนความเน่าเฟะและกลิ่นรางน้ำเน่าเหม็นระวังไม่ให้โชยออกมาจากภายในตัวเธอ
แม้จะไม่สามารถรับรู้ได้ แต่อาเรียมั่นใจว่ามิเอลยังคงหาข้อแก้ตัวไร้ประโยชน์ทุกวิถีทางอย่างที่เธอทำไปเพื่อไม่ให้ภายในนั้นถูกเปิดเผย
‘ช่างเป็นชีวิตที่น่าเวทนา’
เพราะอย่างนั้นฉันควรทำให้มันจบดีไหมนะ
ถ้าให้ชีวิตน่าเวทนานี้ใช้ชีวิตต่อไปจะเป็นอย่างไร หากศีรษะของเธอถูกตัดกลิ้งลงไปกับพื้น ก็คงไม่ต้องมานั่งคิดคำแก้ตัวต่างๆ นานาเพื่อซ่อนธาตุแท้ของตนอีกต่อไป
‘ฉันเป็นผู้ช่วยชีวิตหญิงผู้เต็มไปด้วยคำโป้ปดหลอกลวงไม่ใช่เหรอนี่’
อาเรียคิดดังนั้นแล้วจึงมองออกไปนอกหน้าต่างพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
……………………………………………