พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 223 (ตอนพิเศษเพิ่มเติม ตอนที่ 14)
“คะ…ดิฉันหรือคะ”
ซาร่าเบิกตาโพลง
เจสซี่เองก็กะพริบตาปริบๆ ส่วนแอนนี่ก็หัวเราะชอบใจและถามว่าบลิสพูดเรื่องอะไรออกมา
“พูดเรื่องอะไรกันคะเนี่ยคุณหนูบลิส”
บลิสโต้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจ
“จริงๆ นะ ซาร่าเองก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวซะหน่อย”
จากนั้นบลิสก็โอบหน้าท้องแบนราบของซาร่าเอาไว้อย่างทะนุถนอม แอนนี่ถามออกมาอีกครั้ง
“คุณหนูรู้เรื่องนั้นได้อย่างไรคะ”
“อืม…เพราะเป็นเด็กเหมือนกันเลยสื่อสารกันได้! หนูเลยรู้ไงคะ! ”
บลิสครุ่นคิดสักพักแล้วตอบออกมา แต่เพราะคำตอบของเธอฟังดูเหมือนเรื่องล้อเล่น ทุกคนจึงยิ้มออกมา
“เป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือคะเนี่ย ที่จริงแล้วช่วงสองสามวันมานี้ดิฉันง่วงนอนบ่อยมาก แถมยังทานอาหารไม่ค่อยลงด้วยค่ะ”
ซาร่าเย้าแหย่กลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม ในขณะนั้นมีเพียงอาเรียคนเดียวที่ตัวแข็งทื่อ เธอเรียกข้ารับใช้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ตามหมอมาให้ทีนะ แล้วเธอช่วยเปลี่ยนกาแฟแก้วนั่นเป็นน้ำชาให้หน่อย”
หลังจากที่เริ่มทำงาน ซาร่าก็มักจะชอบดื่มกาแฟแทนน้ำชา
สาวใช้รีบทำตามคำสั่งของอาเรียอย่างรวดเร็ว แอนนี่เบิกตาโตและถามว่า
“พระชายาเชื่อที่คุณหนูบลิสพูดจริงๆ หรือคะ”
“ก็บลิสบอกว่าเด็กๆ สื่อสารกันได้นี่นา ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ดีไปอย่าง แล้วการตรวจร่างกายก็ไม่ได้ใช้เวลานานเสียหน่อย”
อาเรียยังพูดอีกว่าดีเลยไม่ใช่หรือถือเป็นการตรวจสุขภาพไปด้วย
เมื่อเห็นว่าคนที่ไม่น่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองมากที่สุดอย่างอาเรียกลับยอมเชื่อตนขึ้นมา บลิสก็ตาเป็นประกายด้วยความซึ้งใจ
“อืม ที่พระชายาพูดก็ถูกนะคะ ถ้าเป็นอย่างที่คุณหนูบลิสบอกจริงๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าไม่ใช่ก็ถือว่าเป็นการตรวจสุขภาพไปในตัว”
“จริงด้วยค่ะ ถ้าเป็นหมอประจำของอาเรียละก็ ต้องฝีมือดีมากแน่ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงดิฉันนะคะ”
ซาร่ายิ้มอย่างอ่อนโยนเมื่อรับรู้ได้ถึงความห่วงใยของอาเรีย เจสซี่เองก็เห็นด้วยพร้อมบอกว่าอาเรียพูดถูก
ในระหว่างที่คุยกันว่าซาร่าจะตั้งครรภ์จริงๆ หรือไม่นั้น หมอประจำตระกูลก็เข้ามาที่ห้องรับรอง
หมอได้ตรวจร่างกายของซาร่าทันทีตามคำสั่งของอาเรีย จากนั้นก็กะพริบตาและรายงานผลการตรวจว่า
“ยินดีด้วยนะคะ คุณกำลังตั้งครรภ์ค่ะ ส่วนอายุครรภ์ที่แน่ชัดนั้นต้องลองตรวจอย่างละเอียดอีกทีค่ะ แต่เท่าที่ดูแล้วน่าจะประมาณหนึ่งเดือนครึ่งถึงสองเดือนค่ะ ช่วงนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยหรือคะ”
“ตายจริง ฉันท้องเหรอเนี่ย เพราะที่ผ่านมาใช้ชีวิตยุ่งๆ อยู่แล้วเลยคิดว่าเหนื่อยเพราะทำงานหนักน่ะค่ะ…”
จริงเหรอเนี่ย แอนนี่เบิกตาโพลง ส่วนเจสซี่ก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก
เพราะอาเรียคาดเดาเอาไว้คร่าวๆ แล้ว จึงมีเพียงเธอคนเดียวที่ซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่อยู่และจับมือของซาร่าเอาไว้แน่น
“ยินดีด้วยนะคะซาร่า ในที่สุดก็สมหวังสักทีค่ะ”
ซาร่าอยากมีลูกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ซาร่ายิ้มกว้างออกมาพร้อมทั้งขอบคุณอาเรีย
“หากอาเรียไม่บอกให้ตรวจร่างกายแล้วละก็ ดิฉันก็คงจะยังไม่รู้จนกว่าท้องจะป่องขึ้นมาโน่นแหละค่ะ ดิฉันต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะ และก็เลดี้บลิสด้วยค่ะ”
“เห็นไหมล่ะ เป็นอย่างที่หนูพูดเลย ยินดีด้วยนะซาร่า! แหะๆ! “
“ไม่น่าเชื่อ! นี่เด็กๆ สื่อสารถึงกันได้จริงๆ หรือคะเนี่ย! “
“คง คงเป็นอย่างนั้นแหละ…! ”
เมื่อได้รู้ข้อเท็จจริงใหม่ๆ ขึ้นมา แอนนี่และเจสซี่ก็ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้
เนื่องจากไม่มีทางที่เด็กๆ จะสื่อสารกันได้เช่นนี้ อาเรียจึงพูดแก้ตัวแทนบลิสออกมา
“ก็กอดเอวตั้งหลายครั้งแถมยังเอาหน้าแนบกับท้องอีก คงจะรู้สึกอะไรได้ตอนนั้นน่ะสิ เลยคิดไปเองว่าตัวเองสื่อสารกันได้”
“อ๊ะ จริงด้วยค่ะ! ”
“จะว่าไป! ก็จริงนะคะเนี่ย! มีเหตุผลมากค่ะ! ”
โชคดีที่ทั้งสองคนเชื่อในสิ่งที่อาเรียพูดจริงๆ จึงไม่มีอะไรให้สงสัยอีกต่อไป
ส่วนบลิสก็กอดเอวซาร่าอย่างรู้สึกสุขใจ
งานฉลองยินดีให้กับการตั้งครรภ์ของแอนนี่กลับกลายเป็นของซาร่าไปโดยไม่รู้ตัว
แอนนี่อิจฉาซาร่าขึ้นมาเพียงครู่ ก่อนจะเปลี่ยนความคิดแล้วขยับเข้าไปใกล้ซาร่า
“เราคงคลอดในเวลาใกล้เคียงกันแน่ๆ เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นเรามาเลี้ยงดูเด็กๆ ไปด้วยกันดีไหมคะ มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันดีจะตายไปค่ะ”
“จริงด้วยนะ วันเกิดก็ใกล้เคียงกันด้วย คงได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแน่ๆ เลยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าลูกของตนเองจะได้กลายเป็นเพื่อนสนิทกับลูกคนโตของมาร์ควิสเข้า แอนนี่ก็กรี๊ดดีใจออกมาเบาๆ
ใครจะรู้บางทีลูกของเธออาจจะได้ผูกสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลที่มั่นคงก็เป็นได้ ถึงจะไม่ได้รับความยินดีเท่าที่ใจนึกก็ไม่เป็นไร
“เอ่อ ดิฉัน…ขอตัวกลับก่อนจะได้ไหมคะ อยากจะบอกข่าวดีให้สามีทราบเร็วๆ น่ะค่ะ…ขอโทษด้วยนะคะบลิส ทำยังไงดีล่ะ”
เพราะทีแรกซาร่าตั้งใจจะมาเล่นกับบลิสทั้งวัน จึงได้พูดออกมาอย่างระมัดระวัง
บลิสตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะเล่นกับซาร่าเป็นอย่างมาก แต่ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็ถือว่าช่วยไม่ได้ บลิสจึงพยักหน้าออกมา
“อื้ม! ไม่เป็นไรหรอก! เดี๋ยวหนูใส่ชุดที่ซื้อมาเมื่อวานให้พระชายาดูเอง! ซาร่ารีบกลับบ้านไปเถอะค่ะ”
หลังจากที่บลิสอนุญาตแล้ว ซาร่าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งราวกับกำลังรอเวลานี้อยู่ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่แก้มของเธอเรื่อแดงขึ้นมา
“รักษาสุขภาพด้วยนะคะซาร่า”
“กลับบ้านอย่างปลอดภัยนะซาร่า! แล้วมาหนูอีกนะ! “
เมื่อสองแม่ลูกเอ่ยคำลา ซาร่าก็ยิ้มกว้างแล้วรีบกลับไป
แอนนี่เองก็บอกว่าต้องรีบกลับไปบอกข่าวดีนี้ให้สามีได้รู้แล้วจึงกลับบ้านไป เหลือเพียงเจสซี่เท่านั้นที่เดินตามหลังบลิสซึ่งกำลังเดินนำไปยังห้องของตัวเองพร้อมกับจับมือของอาเรียเอาไว้แน่น
“เจสซี่”
“อะไรหรือคะ”
“เมื่อวานเธอออกไปข้างนอกมาทั้งวันเลยนี่ ทำงานเสร็จแล้วรึยัง”
ในขณะที่เดินมาถึงห้องและกำลังจะเข้าไปข้างในนั่นเอง อาเรียก็หยุดกึกและถามเจสซี่ขึ้นมา
เพราะอาเรียไม่เคยซักไซ้ถามว่างานเสร็จเรียบร้อยดีหรือไม่มาก่อนเลยสักครั้ง เจสซี่จึงพูดจาตะกุกตะกักขึ้นมา
“อ๊ะ ยะ…ยังเลยค่ะ…”
“ถ้าอย่างนั้นเธอควรจะจัดการมันให้เสร็จเสียก่อนไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้ใจเธอหรืออะไรหรอกนะ แต่ถ้าเธอผัดวันประกันพรุ่งเข้าละก็ เดี๋ยวจะเหนื่อยยากได้ในภายหลัง”
เพราะเป็นคำพูดที่ถูกต้อง จึงไม่มีข้ออ้างให้โต้แย้งได้เลย
“ทราบแล้วค่ะ…”
เจสซี่ไม่สามารถซ่อนสีหน้าบึ้งตึงเอาไว้ได้ก่อนจะออกไปจากพระราชวัง
ทั้งที่คิดว่าหากเจสซี่กลับไปบลิสคงรู้สึกเสียดายขึ้นมา แต่บลิสกลับเริ่มแฟชั่นโชว์ของตนเองได้อย่างสนุกสนานร่าเริงเกินคาด
เนื่องจากเธอย้อนกลับมาในอดีตเพื่อตามอาเรียแต่แรกอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับอาเรียจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบลิส
“แทน แท้น! พระชายาคิดว่าไง”
“ฮืม…”
อย่าบอกนะว่าซาร่าเป็นคนเลือกชุดนี้น่ะ อาเรียพึมพำขึ้นมาเพราะชุดนี้มีสีชมพูอ่อนกับเครื่องประดับที่ทำให้นึกถึงกระต่ายขึ้นมา ต่างจากชุดแมวที่เห็นเมื่อคราวก่อน
“ไม่เลวนี่”
ที่จริงแล้วถือว่าน่ารักมาก เดิมทีสีหน้าของบลิสดูสว่างสดใสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ชุดกระต่ายจึงดูเหมาะกับเธอมากกว่า
“จริงเหรอ จริงๆ นะ! ”
ทั้งๆ ที่แค่ชมชุดเท่านั้น แต่บลิสกลับดีใจราวกับว่าตัวเองถูกชมขึ้นมา เธอบอกว่าจะใส่ชุดต่อไปให้ดูและหายเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
โครมคราม อ๊าย คุณหนู! เป็นอะไรไหมน่ะ!
เสียงที่ได้ยินนั้นทำให้แยกไม่ออกว่าบลิสเข้าไปเปลี่ยนชุดหรือเข้าไปพังห้องแต่งตัวกันแน่
‘มันเกิดอะไรขึ้นในนั้นกันแน่ล่ะเนี่ย’
อาเรียตกใจและนิ่งค้างอยู่ในท่าที่กำลังจะดื่มชา แล้วบลิสก็โผล่พรวดออกมาจากห้องแต่งตัว
“ชุดนี้ล่ะ! ”
บลิสใส่ชุดสีฟ้าสีเดียวกับดวงตาของเธอ ตอนอยู่ข้างในคงจะรีบแต่งตัวเป็นอย่างมาก หน้าตาของเธอถึงได้แดงขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจด้วยความดีใจ
“ไม่ชอบเหรอ”
“…เปล่า น่ารักดี”
“แหะๆ! ”
เพราะบลิสเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับหมุนตัวให้ดูเพื่อเร่งเอาคำตอบ ทำให้อาเรียพูดออกมาตามที่รู้สึก จนบลิสดีอกดีใจและหายเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกรอบ
จากนั้นครู่หนึ่ง ตึงตัง คราวนี้ก็มีเสียงดังออกมาไม่ต่างจากเมื่อกี้สักเท่าไหร่
“จริงๆ เลย”
ก็แค่เสื้อผ้า พอถูกชมเข้าหน่อยกลับดีใจจนยุ่งวุ่นวายได้ขนาดนี้เชียว
อาเรียฉิบชาไปหนึ่งทีแล้วหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในเมื่อบลิสแสดงความรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้นเมื่อได้รับคำชมจากอาเรียออกมาให้เห็นตรงๆ แบบนี้ แล้วอาเรียจะไม่ยิ้มออกมาได้อย่างไรกันเล่า
‘แม้จะต่างไปจากที่จินตนาการเอาไว้นิดหน่อยก็เถอะ’
อาเรียคิดว่าลูกของเธอกับอาซคงจะมีนิสัยเย็นชาและดูเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าวัย แต่บลิสกลับไร้เดียงสาและเอะอะวุ่นวายไม่ต่างไปจากเด็กวัยเดียวกัน
‘ก็ไม่แย่เลยนี่นา’
เด็กตัวเล็กๆ ที่เอาวิ่งวุ่นไปมา ไม่มีสมาธิก็ดูสนุกดีเหมือนกัน
แม้ว่าบลิสจะไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกับเธอในตอนเด็กมาตั้งแต่แรก ก็มีคนที่แข็งแกร่งคอยช่วยเหลืออยู่ตั้งมากมายจึงไม่น่าเป็นห่วงอะไร
หลังจากนั้นอาเรียต้องดูแฟชั่นโชว์ของบลิสไปมากว่าสิบรอบด้วยกัน
“เหนื่อย…”
แม้จะยังมีชุดที่ไม่ได้ใส่เหลืออยู่อีก แต่ก็เข้ามานั่งข้างๆ อาเรียและบอกว่าขอพักสักหน่อย ก่อนจะดื่มโกโก้เย็นเข้าไป
อาเรียทอดสายตามองไปยังกระหม่อมเล็กๆ ที่เอนมาพิงเธออย่างแผ่วเบา แล้วเก็บผมของบลิสที่ไหลลงมาปรกหน้าไปด้านหลังก่อนจะถามออกมาว่า
“แล้วลูกของซาร่าน่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”
“อืม อ๋อ…! เป็นผู้ชายละ! หน้าตาเหมือนซาร่าและมาร์ควิสอย่างละครึ่ง เป็นพี่ชายที่เท่แล้วก็ฉลาด แถมยังใจดี และฟันดาบเก่งด้วย! ”
อย่างกับกำลังรอให้อาเรียถามออกมา บลิสตื่นเต้นและอธิบายลักษณะพิเศษออกมาไม่หยุด
อบอุ่น แข็งแรง และยังรู้อะไรหลายๆ อย่าง กล้าหาญ รักความถูกต้อง และยังหล่อเหลาอีกด้วย…
บลิสพูดถึงแต่ข้อดีซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด
‘…หรือว่าบลิสจะชอบเด็กคนนั้น’
ถึงขนาดที่อาเรียคิดออกมาเช่นนั้นเลยทีเดียว
‘ถ้าเป็นลูกของซาร่าก็ถือว่าไม่แย่เลย ไม่สิ ถ้าเป็นนิสัยของทั้งสองคนนั้นแล้วละก็ ถือว่าดีมากๆ เลยล่ะ’
แน่นอนว่าคงต้องรอดูต่อไปด้วยตนเองถึงจะรู้เรื่องนั้นได้ เพราะแม้แต่บลิสที่เป็นลูกของเธอกับอาซยังนิสัยไม่เหมือนกับพ่อหรือแม่เลยสักคน แต่เท่าที่ฟังบลิสอธิบายมาแล้ว ก็เหมือนจะเป็นเด็กที่ใช้ได้ทีเดียว
แต่คำอธิบายของบลิสเมื่อครู่ดูจะทำเป็นรู้ดีมากเกินไปเสียแล้ว
อาเรียโบกมือไล่สาวใช้ออกไปและถามบลิสว่า
“แล้วเธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไงล่ะ อย่างกับว่ามาจากอนาคตอย่างนั้นแหละ”
ที่จริงแล้วอาเรียตั้งใจจะถามเรื่องนี้จึงได้สั่งให้เจสซี่กลับไป เพราะนี่เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันอย่างลับๆ กับบลิสเท่านั้น
เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป แม้แต่คนที่ไม่รู้ว่าบลิสมีพลังก็จะต้องสงสัยในตัวบลิสอย่างแน่นอน
อาเรียกะพริบตาช้าๆ ราวกับจะให้บลิสลองแก้ตัวให้เธอฟัง
บลิสถูกจี้จุดด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยนั่น เธอไม่สามารถซ่อนความกระวนกระวายใจไว้ได้ จากที่นั่งพิงอาเรียอยู่ก็เด้งตัวกลับมานั่งหลังตรงในทันที
“นั่น นั่นน่ะ…”
“นั่นทำไม”
“เพราะเป็นเด็กเหมือนกันก็เลยรู้! เด็กๆ น่ะสื่อถึงถึงกันได้! ”
โชคดีที่หาข้อแก้ตัวได้ แต่กลับโชคร้ายที่มันฟังไม่ขึ้นเสียเลย
พอบลิสเอาข้ออ้างที่ใช้ไปแล้วมาใช้อีกรอบ อาเรียก็หรี่ตาขึ้นมา
“งั้นเหรอ ฉันน่ะ ก็แค่สงสัยว่าเธอมาจากอนาคตหรือเปล่าเสียอีก”
“นั่น นั่นน่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว! อนาคตอะไรกัน…! ”
“จริงเหรอ ไม่ได้โกหกใช่ไหม”
ทั้งที่ถามออกไปง่ายๆ แต่กลับไม่มีคำตอบกลับมา บลิสปิดปากแน่นพร้อมทั้งกลอกตาล่อกแล่กไปมา
“ทำไมไม่ตอบล่ะบลิส ฉันน่ะเกลียดคนโกหกมากๆ เลยนะ”
“…! ”
“แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นอย่างที่เธอบอกว่าเด็กๆ สื่อสารกันได้ก็ได้”
“…”
“ใช่แบบนั้นจริงๆ รึเปล่า”
“นั่น นั่นน่ะ…”
การไต่สวนที่ไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นั้น ทำให้บลิสเหงื่อแตกพลั่กและปากสั่นเลิ่กลั่ก
ดูเหมือนว่าหากอาเรียซักไซ้ขึ้นมาอีกครั้ง ก็คงจะได้ฟังคำตอบที่ต้องการในที่สุด
เอาอย่างไรดีล่ะ อาเรียกอดอกพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับทอดสายตาลงมองบลิส แล้วก็ได้เห็นว่าขอบตาของบลิสรื้อแดงขึ้นมา
“พะ เพราะว่า…”
ท่าทางของบลิสเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้น้ำตาไหลพรากออกมาในอีกไม่ช้า ทั้งยังการพูดตะกุกตะกักแบบนั้นก็ดูน่าสงสารเอามากๆ
ทว่าความอยากรู้อยากเห็นของอาเรียมีมากกว่าความสงสาร เธอคิดว่าตนเองต้องได้ฟังคำตอบที่ถูกต้องให้ได้ และทำสายตาเย็นชาเพื่อเร่งเอาคำตอบจากบลิสโดยที่ไม่พูดอะไร
ความรู้สึกอันอบอุ่นที่อัดแน่นอยู่ในห้องจนถึงตอนนี้ ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันแสนเยือกเย็นเสียแล้ว บรรยากาศแบบนี้หากเป็นแอนนี่หรือเจสซี่ละก็ คงจะเหงื่อไหลพลั่กและสารภาพออกมาแล้ว
และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อบลิสแอบเหล่มองสีหน้าของอาเรียเข้าก็ทนไม่ไหวและร้องไห้โฮ-! น้ำตาไหลออกมา
“ฮือ…! แต่ว่า แต่ว่า…! นั่นน่ะ…! “
บลิสเบ้หน้าร้องไห้และพึมพำอู้อี้ออกมา ซึ่งไม่สามารถฟังได้ถนัดนัก
อาเรียรู้สึกว่าตัวเองทำเกินเหตุไป จึงคิดว่าค่อยฟังคำตอบเอาทีหลังดีกว่า แต่ในขณะที่เธอกำลังปล่อยแขนที่กอดอกออกนั่นเอง บลิสก็เข้ามากอดเธอราวกับกำลังรอเวลานี้
“หนูขอโทษ หนูขอโทษ…! ”
คงลืมไปแล้วว่าใครกันที่กดดันและเค้นเอาคำตอบจากตน
บลิสกอดอาเรียแน่นด้วยแขนทั้งสองข้างราวกับว่าอาเรียเป็นที่พึ่งเดียวเท่านั้นที่เธอมี
“ฮือ…! อีกไม่นาน อีกไม่นาน ฮึก หนูจะเล่าให้ฟัง…! ”
บลิสร้องไห้ฮือๆ และพูดออกมาเช่นนั้น เธอไม่สามารถสารภาพออกมาตรงๆ ได้
อาเรียเอามือลูบหลังบลิสอย่างเงอะงะ และบอกว่าเข้าใจแล้วพร้อมพยักหน้าออกมาเงียบๆ
…………………