พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1715 เดิมพัน
เขารู้กำพืดของเหมียวอี้ดีกว่าใคร รู้สึกว่านอกจากคนพวกนี้แล้ว ก็ไม่มีใครไปที่ตลาดผีแน่ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคิดเหมือนกับขุนนางใหญ่คนอื่นๆ
ทว่าไม่นานเขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ของตัวเองแล้ว ถ้ากำลังพลหนึ่งแสนของหกลัทธิกระจายซ่อนตัวอยู่ในสี่ทัพ ประโยชน์ที่จะเอาไว้ใช้งานในวันข้างหน้าก็เยอะมาก ถ้าตัดแบ่งออกมากลับจะไม่เป็นผลดีด้วยซ้ำ น่าจะไม่ถูก หรือว่ากำลังพลหกลัทธิที่ซ่อนตัวอยู่ในสี่ทัพจะเยอะจนน่าตกใจ หายไปสักหนึ่งแสนก็ไม่เป็นอะไร?
เมื่อมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา แม้แต่เขาเองก็ยังตกใจ หกลัทธิแอบมีความเคลื่อนไหวในขอบเขตที่ใหญ่ขนาดนั้นแต่ตนกลับไม่รู้ สิ่งนี้อาจจะเป็นอันตรายต่อตระกูลเซี่ยโห้ว!
เซี่ยโห้วลิ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างหลังทำสายตาฉงน แววตาที่วูบไหวไม่สงบนิ่งกวาดมองกลุ่มขุนนาง กำลังครุ่นคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อพูดถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าคนของสี่ทัพขัดขวาง เกรงว่ากลับจะทำให้ข้อสงสัยที่ขัดขวางการรับสมัครคนของหนิวโหย่วเต๋อก่อนหน้านี้เป็นความจริง มาถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าจะไม่ตอบตกลงก็คงไม่ได้
หารู้ไม่ว่านี่ก็คือกลยุทธ์เด็ดที่ได้มาจากหัวขาวที่ใช้ความคิดอย่างหนักของหยางชิ่ง ถ้าไม่มีความมั่นใจนี้ มีหรือที่จะกล้าให้เหมียวอี้มาเสี่ยงอันตรายที่นี่?
ซือหม่าเวิ่นเทียนมองเกาก้วนที่อยู่ข้างกายแวบหนึ่ง พบว่าเกาก้วนยังคงดื่มสุราอย่างเอื่อยเฉื่อยเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
โพ่จวินกับอู๋ฉวี่สบตากันโดยจิตใต้สำนึก
แม้แต่ประมุขชิงที่นั่งอยู่เบื้องสูงก็ระแวงสงสัยไม่หยุด ที่เจ้าลูกลิงพูดนี่จริงหรือเท็จกันแน่?
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่นั่งอยู่ข้างกันใช้สมองตามไม่ค่อยทัน นางชำเลืองเอ๋อเหมยที่อยู่ข้างกาย แต่ก็ไม่ได้คำตอบ จึงมองไปที่สองพ่อลูกเซี่ยโห้วอีก แต่กลับไม่มีการบอกใบ้ใดๆ ตอบกลับมา
ฉีหลิงหวนก็ตระหนักได้เช่นกันว่าถ้าไม่ตอบตกลงก็เท่ากับพิสูจน์ว่าข้อสงสัยเป็นความจริง เพียงแต่เขาจะมีอำนาจตัดสินใจเสียที่ไหนกัน เบื้องบนที่ตำแหน่งสูงกว่ามีตั้งเยอะ บนราชสำนักเขาเป็นเพียงขุนนางต่ำต้อยคนหนึ่งที่คอยเป็นแนวหน้าโจมตีก็เท่านั้นเอง เขาจึงมองปฏิกิริยาของคนอื่นๆ ทางซ้ายและขวา
ทว่าคนอื่นก็ไม่สะดวกจะตัดสินใจตามใจชอบได้เช่นกัน เรื่องนี้ต้องการความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ ยังต้องถามความเห็นของสี่อ๋องสวรรค์อีก มีคนไม่น้อยแอบปรึกษากันแล้ว
มีคนเริ่มแอบด่าแล้ว เป็นงานวันเกิดที่ดีงานหนึ่งแท้ๆ แต่เลอะเลือนจนกลายเป็นแบบนี้แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? พิสูจน์เหรอ? พิสูจน์อะไรล่ะ? พิสูจน์บ้าบออะไรล่ะ! ขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักจำเป็นต้องมาพัวพันกับแม่ทัพภาคตลาดผีต่ำต้อยคนเดียวด้วยเหรอ?
แต่ความจริงก็ได้ถูกคนของตระกูลอิ๋งผลักดันมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ฟังดูเหลวไหลนิดหน่อย แต่จะไม่หาข้อยุติก็ไม่ได้
ทุกคนต่างก็รู้ ว่ามาถึงขั้นนนี้แล้ว ขอเพียงประมุขชิงออกคำสั่ง ละครวุ่นวายที่เหลวไหลในเข้าท่าในงานนี้ก็จะจบลงได้ ทุกคนจะไม่คัดค้านอะไร แต่ดูจากท่าทางประมุขชิงที่กำลังครุ่นคิด ก็ไม่รู้อีกว่าเจ้าตัวกำลังจะเล่นลูกไม้อะไร พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักไม่สะดวกจะตัดสินใจปล่อยผ่านได้ตามอำเภอใจแล้วกินดื่มต่อไป ฝั่งนี้เพิ่งจะกลั่นแกล้งหนิวโหย่วเต๋อ ต้องการบีบให้หนิวโหย่วเต๋อชี้แจง ตอนนี้พวกเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจว่าบทจะไม่เล่นก็ไม่เล่นเหมือนเห็นราชสำนักเป็นสนามเด็กเล่น ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจว่าจะ ‘ไม่เล่นแล้ว’ ก็คือประมุขชิง
เหมียวอี้กลับไม่ได้ตั้งใจจะรอให้ประมุขชิงคิดทำความเข้าใจอย่างช้าๆ เขาหันตัวกลับมาหาอิ๋งอู๋เชวียที่กำลังคุกเข่า แล้วกุมหมัดคารวะต่อเบื้องบน “ฝ่าบาท นายท่านทั้งหลายต้องการจะให้ข้าน้อยพิสูจน์ให้ได้ เพื่อที่จะหลุดจากการโดนใส่ร้าย ข้าน้อยจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ชั้นต่ำนี้ ฝ่าบาทได้โปรดอนุญาต!”
“หึหึ!” ประมุขชิงหัวเราะกลบเกลื่อน ประมุขแห่งใต้หล้า พูดบางอย่างออกไปแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบชัดเจน เขาไม่อยากให้คำพูดสะเพร่าของตัวเองกลายเป็นที่หัวเราะเยาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่คุ้มที่จะให้เรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาส่งผลกระทบต่อหน้าตาศักดิ์ศรีของเขา เขาทำท่าเหมือนจัดการอย่างเป็นกลาง แล้วผลักเรื่องที่ไปที่กลุ่มขุนนางอย่างเป็นธรรมชาติมาก “หนิวโหย่วเต๋อต้องการให้ขุนนางใหญ่ทั้งราชสำนักเลิกขัดขวางการรับคนของเขา แบบนี้เหมือนแม่ทัพภาคตลาดผีกำลังเดิมพันกับขุนนางใหญ่ในราชสำนักเลยนะ!”
เขาเอียงหน้ามองเซี่ยโห้วท่า “ท่านปู่สวรรค์ งานวันเกิดของท่านเกิดสนามพนันแล้ว เพิ่มความบันเทิงให้งานวันเกิดท่านไม่น้อยเลยนะ!”
ตอนนี้เขาเองก็ตั้งใจจะเจือจางฉาก ‘ไม่เข้าท่า’ ที่เกิดขึ้นในงานวันเกิดกึ่งราชสำนักนี้เช่นกัน จึงกำหนดให้เป็นสนามพนันเพื่อความบันเทิงเสียเลย ในภายหลังถ้ามีข่าวแพร่ออกไปจะได้ไม่มีอะไรเสียหาย จะได้ไม่ทำให้คนหัวเราะเยาะ ถ้าถามว่าในใต้หล้ามีใครที่ห่วงศักดิ์ศรีหน้าตาที่สุด คำตอบก็คือประมุขชิงแล้ว
เซี่ยโห้วท่าย่อมสนับสนุนอยู่แล้ว เขาเอามือลูบเคราพลางหัวเราะเสียงดัง “ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องที่สุด ข้าน้อยรู้สึกว่าน่าสนใจเช่นกัน”
เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เอามือป้องปากหัวเราะอย่างดัดจริตเช่นกัน ทำท่าเหมือนสนใจมาก
สรุปก็คือพอทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยแบบนี้ ก็ทำให้บรรยากาศภายในตำหนักผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย
ผ่านไปสักครู่ ประมุขชิงก็กวาดสายตามองกลุ่มคนเบื้องล่างอีกครั้ง “จัดตั้งสนามเดิมพันแล้วฝ่ายพวกเจ้ามีความคิดเห็นยังไง? จะเดิมพันหรือไม่เดิมพัน?”
ไม่ว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร จะเกิดเรื่องน่าหัวเราะเยาะหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว เขาผลักเรื่องนี้ออกจากตัวเองได้อย่างสะอาดเรียบร้อย แค่คอยตัดสินตอนสุดท้ายเท่านั้น
ตำหนักเงียบไปครู่เดียว สุดท้ายอิ๋งอู๋หม่านที่นั่งอยู่ตำแหน่งท้ายสุดก็ติดต่อกับอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้วยืนขึ้น เขากุมหมัดคารวะประมุขชิงก่อน จากนั้นก็บอกเหมียวอี้ “ถ้าเจ้าจะพิสูจน์ ก็จะให้เจ้าวางเงื่อนเขาคนเดียวตามใจตัวเองไม่ได้ ข้าเองก็มีเงื่อนไขเหมือนกัน เจ้าเต็มใจจะยอมรับหรือเปล่า?”
เหมียวอี้หันตัวมากุมหมัดคารวะ “ยินดีรับฟังความเห็นอันสูงส่งของท่านโหว!”
“อยากจะดึงตัวคนจากทัพตะวันออก ก็ต้องให้กำลังพลของทัพตะวันออกเต็มใจ ห้ามใช้วิธีการบังคับใดๆ” อิ๋งอู๋หม่านกล่าว
เหมียวอี้ตอบว่า “กำลังพลหนึ่งแสน ต่อให้ข้าน้อยอยากจะบีบบังคับทีละคน แต่ก็ทำไม่ไหวภายในหนึ่งปี ข้าน้อยยอมรับ”
อิ๋งอู๋หม่านบอกอีกว่า “ประการต่อมา ห้ามใช้เงินทองหลอกล่อ ถ้าเจ้าทุ่มทรัพยากรมหาศาลเพื่อหลอกล่อคนไป เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าต้องการจะพิสูจน์ว่ามีคนขัดขวางก็จะกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะ”
เหมียวอี้ตอบว่า “ทัพเกรียงไกรหนึ่งแสน ต่อให้เอาตัวข้าน้อยไปขาย แต่ข้าน้อยก็หาต้นทุนพวกนั้นมาล่อซื้อไม่ได้ ข้าน้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง”
อิ๋งอู๋หม่านพูดต่อไป “สุดท้าย ห้ามรับความช่วยเหลือใดๆ จากบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์ ถ้ามีคนแอบส่งกำลังกลสักกลุ่มไปให้ที่ตลาดผี แบบนั้นจะนับว่าเจ้าดึงตัวสำเร็จไม่ได้ ถ้าเจ้าตอบตกลงเงื่อนไขสามข้อนี้ ข้าเองก็ตกลงเดิมพันกับเจ้าสักตั้งเป็นการส่วนตัว”
ที่เขาบอกว่าตกลงเป็นการส่วนตัว ขอเพียงไม่โง่ก็จะรู้ว่าในเมื่อเขายืนขึ้นพูดแบบนี้แล้ว ก็แปลว่าได้รับอนุญาตจากอิ๋งจิ่วกวง สามารถแสดงท่าทีแทนทั้งทัพตะวันออกได้ ต่อไปขุนนางคนอื่นของทัพตะวันออกก็ยืมแสดงท่าทีตกลงเช่นกัน
ส่วนที่เขาบอกว่าห้ามรับความช่วยเหลือใดๆ จากบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์ ป้องกันใครก็ย่อมไม่ต้องพูดถึง คนอื่นจะเน้นความสำคัญหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เน้นความสำคัญแน่นอน…ประมุขชิงสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
ในเมื่อบังคับไม่ได้ เอาเงินล่อไม่ได้ ทั้งยังห้ามรับการช่วยเหลือจากบุคคลระดับสูงของตำหนักสวรรค์อีก ทุกคนล้วนเข้าใจแล้ว ว่านี่เป็นการสกัดความเป็นไปได่ไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อเล่นตุกติก แต่หนิวโหย่วเต๋อก็ดันตอบตกลงแล้วด้วย ทำให้ทุกคนคิดไม่ตกจริงๆ ไม่เอาเปรียบเลยแม้แต่น้อย ทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนจะอาศัยอะไรไปตลาดผีล่ะ? ไม่มีเหตุผลอะไรเลย!
“ถ้ามีคนช่วยเหลือ เกรงว่าข้าน้อยคงไม่ตกต่ำอย่างทุกวันนี้หรอก ย่อมตอบตกลงอยู่แล้ว!” เหมียวอี้กล่าว
อิ๋งอู๋หม่านไม่พูดอะไรแล้ว ทำความเคารพเบื้องบนอีกครั้ง จากนั้นก็นั่งลงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยากจะบรรยายความเดือดดาลในใจ เมื่อครู่นี้เขาถูกอิ๋งจิ่วกวงด่าสาดเสียเทเสีย ที่จริงตระกูลอิ๋งไม่อยากจะเดิมพันบ้าบออะไรกับเหมียวอี้อีกเลย เพราะเหมียวอี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงพอ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะผลงานของเจ้าโง่อิ๋งอู๋เชวียแท้ๆ บีบให้ตระกูลอิ๋งต้องลดศักดิ์ศรีลงมาทำเรื่องไร้สาระอย่างนี้ ทำให้ตระกูลอิ๋งเสียหน้าหมดแล้วจริงๆ
ตรงนี้เพิ่งจะนั่งลง ก่วงจวินอันก็ก้าวออกมาจากแถวหลังแล้วทำความเคารพประมุขชิง จากนั้นก็บอกเหมียวอี้ว่า “หนิวโหย่วเต๋อ ข้ากับท่านโหวอิ๋งมีความเห็นเหมือนกัน เงื่อนไขที่เจ้ารับปากกับท่านโหวอิ๋ง ถ้าสามารถรับปากกับข้าได้ ข้าก็จะเดิมพันกับเจ้าเช่นกัน”
ฮ่าวเจ๋อก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน โค่วเจิงลุกขึ้นยืนเป็นคนสุดท้าย ทั้งสองแสดงท่าทีเหมือนกัน
เหมียวอี้กุมหมัดคารวะทั้งสาม “ข้าน้อยตกลง!”
ตอนที่ก่วงจวินอัน ฮ่าวเจ๋อและโค่วเจิงเพิ่งนั่งลง จู่ๆ เซี่ยโห้วท่าเจ้าของวันเกิดก็กล่าวปนเสียงหัวเราะ “มีสนามเดิมพันเพิ่มความบันเทิงให้งานวันเกิดข้า ข้าย่อมดีใจมากอยู่แล้ว แต่ถ้าหนิวโหย่วเต๋อเดิมพันชนะ ข้าน้อยก็กำลังนึกถึงปัญหาอีกอย่าง ธรรมเนียมของจวนแม่ทัพภาคตลาดผีกำหนดให้มีกำลังพลประจำอยู่ที่ตลาดผีเพียงหนึ่งพันคนเท่านั้น ถ้าจะเบียดเข้ามาในตลาดผีรวดเดียวหนึ่งแสน ตลาดผีก็ไม่ได้ใหญ่พอที่จะรับคนไหว รับไม่ไหวเหมือนกันนะ!”
เมื่อทุกคนได้ฟังดังนั้น ก็เข้าใจทันที ทุกคนมัวไปสนใจเรื่องหนิวโหย่วเต๋อ แต่กลับมองข้ามปัญหาไปข้อหนึ่ง มองข้ามผลประโยชน์ของตระกูลเซี่ยโห้วไปแล้ว ถ้ามีทัพใหญ่หนึ่งแสนเข้ามาประจำการในตลาดผีภายในครั้งเดียว ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าตึกศาลาสัตยพรตจะสูญเสียการควบคุมต่อตลาดผี ในจุดนี้เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะยอมรับได้ยาก ส่วนที่บอกว่าจุรับไม่ไหวนั้นล้วนเป็นข้ออ้าง ตลาดผีใหญ่โตขนาดนั้น เบียดกันเข้ามาสักหนึ่งแสนคนก็ไม่มีปัญหา ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้อยู่บนพื้นดินก็ได้
ทุกคนมองข้ามไป แต่มีคนที่ไม่ได้มองข้าม มีหรือที่ผู้วางแผนนี้จะไม่คำนึงถึงปัญหาจัดที่อยู่ให้กำลังพลหนึ่งแสน หยางชิ่งมีแผนรับมือกับเรื่องนี้นานแล้ว บอกไว้ว่า : เพิ่มลายดอกไม้ลงบนผ้าดิ้น
“ฝ่าบาท ข้าน้อยมีวิธีการแก้ไขปัญหานี้” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะทันที
ประมุขชิงขานรับ “อื้ม” นับว่าอนุญาตให้เหมียวอี้พูดแล้ว แต่ถ้ามองจากบางมุม เขาค่อนข้างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก ก็แค่แม่ทัพภาคต่ำต้อยคนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะถ่อมาพูจาฉะฉานตามอำเภอใจถึงที่นี่ เห็นที่นี่เป็นอะไรไปแล้ว?
“ในเมื่อมีสนามเดิมพันแล้ว จะไม่มีสิ่งเดิมพันได้อย่างไร?” เหมียวอี้ถาม
อิ๋งอู๋หม่าน ก่วงจวินอัน ฮ่าวเจ๋อ โค่วเจิง ทั้งสี่สบตากันแวบหนึ่ง มีหรือที่ทั้งสี่จะไม่นึกถึงเรื่องสิ่งเดิมพัน? แต่พวกเขาไม่อยากเดิมพันกับเหมียวอี้เลย ถึงได้จงใจมองข้ามไม่เอ่ยถึงสิ่งเดิมพัน ถ้าเหมียวอี้ชนะแล้ว พวกเขาก็จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเหมียวอี้แพ้ก็ย่อมต้องเอาชีวิตเหมียวอี้ การพูดเรื่องสิ่งเดิมพันเป็นสิ่งที่สี่ตระกูลไม่มั่นใจ การที่เหมียวอี้กล้ารับปากก็สื่อความหมายว่ามีปัญหาบางอย่างแล้ว
“เจ้าอยากจะได้สิ่งเดิมพัน?” ประมุขชิงถามเสียงเรียบ
เหมียวอี้ตอบว่า “ถ้าข้าน้อยดึงคนมาสร้างทัพใหญ่หนึ่งแสนได้ ตามหลักการแล้วตลาดผีให้ประจำการได้เพียงหนึ่งพันคน คนที่เหลือสามารถส่งไปประจำตามจุดต่างๆ ทั้งแดนรัตติกาลได้ ทว่าจวนแม่ทัพภาคตลาดผีไม่ได้มีขอบเขตให้ควบคุมเท่าไรนัก ดังนั้นข้าน้อยขอรวบรวมความกล้าขอร้องฝ่าบาท ถ้าข้าน้อยเดิมพันชนะ ฝ่าบาทได้โปรดเลื่อนตำแหน่งข้าน้อยเป็นกรณีพิเศษ เลื่อนจากแม่ทัพภาคตลาดผีให้เป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล คุมทั้งอาณาเขตแดนรัตติกาล ข้าน้อยยินดีดูแลอาณาเขตให้ฝ่าบาทด้วยความจงรักภักดี!”
เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ ในตำหนักที่เงียบสงบมาตลอดก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นฉับพลัน ทุกที่พากันกระซิบกระซาบ พบว่าเจ้าหนุ่มนี้ช่างใจกล้าคับฟ้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าขอตำแหน่งขุนนางต่อหน้าฝ่าบาทและกลุ่มขุนนางอย่างเปิดเผย! นึกไม่ถึงว่าอยากจะกระโดดข้ามจากตำแหน่งแม่ทัพภาคตลาดผีเล็กๆ ไปเป็นหัวหน้าภาคที่คุมอาณาเขตเลย! อยากจะคุมทั้งเขตแดนรัตติกาล! ถ้าเจ้าเวรนี่มันทำสำเร็จจริง ถึงแม้จะบอกว่าตลาดผีมีตึกศาลาสัตยพรตควบคุม แต่เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าเวรนี่ก็จะมีอำนาจตัดสินใจทั้งแดนรัตติกาลแล้ว ต่อไปถ้าใครอยากจะไปล่าสัตว์ที่แดนรัตติกาลอีก ก็ต้องถามหนิวโหย่วเต๋อจะอนุญาตหรือไม่
สิ่งนี้มีความหมายต่อหนิวโหย่วเต๋อไม่ธรรมดา คนที่มีข้อมูลอยู่ในใจย่อมรู้ดี คนบางกลุ่มต้องการจะกดหนิวโหย่วเต๋อให้อยู่ที่ตลาดผีจนตาย แต่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว เช่นนั้นหนิวโหย่วเต๋อก็จะได้กระโดดออกจากร่องแคบแล้ว
เกาก้วนยกจอกสุราจ่อปากดื่มอย่างเนิบนาบ ในที่สุดสายตาก็จ้องบนตัวเหมียวอี้อย่างจริงจัง ในดวงตาฉายแววอัศจรรย์ใจแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว!
วันนั้น หยางชิ่งถามเหมียวอี้ว่า : ไม่ทราบว่าอุดมการณ์ของนายท่านเป็นอย่างไร?
เหมียวอี้ตอบว่า : ถ้ามีอุดมการณ์ต่อใต้หล้าแล้วยังไง?
ดังนั้นหยางชิ่งจึงฮึกเหิมจนกล่าวอย่างอาจหาญ : ก็ต้องดูว่านายท่านมีความกล้าที่จะไขว่คว้ามาหรือเปล่า!
ดังนั้นหยางชิ่งจึงวางแผนเด็ดให้ ไม่ใช่แค่ต้องการช่วยเหมียวอี้หากำลังพลที่แข็งแกร่งหนึ่งแสนเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องการจะช่วยเหมียวอี้ทะลวงฝ่าออกจากช่องแคบตลาดผีด้วย
ดังนั้นเมื่ออวิ๋นจือชิวรู้ข่าวแล้วจึงอุทานอย่างตกตะลึง : นายท่านได้หยางชิ่งคนเดียวก็เท่ากับได้กองทัพเกรียงไกรนับล้าน!
…………………………