พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 1899 การต่อสู้เบื้องหลัง
จวนอ๋องสวรรค์อิ๋ง บึ้ม! ศิลาหินแท่งหนึ่งถูกอิ๋งจิ่วกวงใช้ฝ่ามือกวาดทีเดียวจนระเบิดเป็นผุยผง เขากำหมัดสองข้างไว้แน่น กล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “ชาติหมา!”
จั่วเอ๋อร์ก็มีสีหน้าอาฆาตเช่นกัน ข่าวลือโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ คิดจะเล่นงานท่านอ๋องให้ถึงตายจริงๆ แล้วท่านอ๋องก็ดันไม่มีทางแก้ไขข่าวลือพวกนี้ได้
“ระดมทัพหนึ่งล้านไปที่ดาวจันทร์อี่ ฆ่าไม่ละเว้น!” อิ๋งจิ่วกวงพลันหันกลับมาสั่งด้วยดวงตาแดงก่ำเพราะความโกรธ
จั่วเอ๋อร์กุมหมัดคารวะ “ท่านอ๋องระงับโทสะ โปรดใจเย็น ไอ้จัญไรหนิวทำอย่างนี้ได้ แสดงว่าคงย้ายคนออกจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไปแล้ว”
อิ๋งจิ่วกวงตวาดเสียงดุ “สั่งให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านเป็นทัพใหญ่ปราบโจร สู้กับไอ้โจรหนิวโดยเฉพาะ ขอเพียงพบเขาโจรทรามนั่น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ฆ่าทันที!”
“รับทราบ!” จั่วเอ๋อร์เอ่ยรับคำสั่ง
อิ๋งจิ่วกวงบอกอีกว่า “สร้างกำลังพลตรวจตราขึ้นมาหนึ่งกลุ่มเดี๋ยวนี้ ข้ามอบอำนาจให้ประหารก่อนแล้วค่อยรายงาน รีบตรวจสอบแต่ละหน่วย ถ้าพบใครปล่อยข่าวลือสั่นคลอนขวัญกำลังใจทหาร ฆ่าไม่ละเว้น!”
“รับราบ!” จั่วเอ๋อร์พยักหน้าเอ่ยรับซ้ำๆ นางรู้ว่านี่ต่างหากคือสิ่งที่ท่านอ๋องกังวลใจที่สุด กำลังพลทัพตะวันออกคือรากฐานที่ทำให้ท่านอ๋องมีที่ยืนในใต้หล้า ถ้าทัพตะวันออกปั่นป่วน นั่นต่างหากคือความยุ่งยากที่แท้จริง เดิมทีการปรับปรุงกองทัพก็ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของเบื้องล่างอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องที่สระน้ำมังกรดำ แม้แต่ท่านอ๋องเองก็ต้องลาดตระเวนไปทั่วเพื่อทำให้ขวัญกำลังใจทหารมั่นคง เมื่อมีข่าวลือจู่โจมในเวลานี้ แผนการที่อยู่ในนั้นก็ทำให้คนต้องตัวสั่น ถ้าเปิดโอกาสให้คนอื่นเมื่อไร ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากคิดถึง
อิ๋งจิ่วกวงรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อก่วงลิ่งกง พอติดต่อได้แล้ว ก็ตำหนิถามทันที : ก่วงลิ่งกง เจ้าหมายความว่ายังไง?
ก่วงลิ่งกงถูกเขาทำให้งง : หมายความว่ายังไงอะไร?
อิ๋งจิ่วกวงถามว่า : เจ้าเพิ่งจะปล่อยข่าวเสร็จ พวกเขาก็ทำต่อทันที เจ้าปรึกษากับพวกเซี่ยโห้วลิ่งเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย กลัวว่าเรื่องนี้จะไม่ลุกลามใหญโต!
ก่วงลิ่งกงโดนด่าจนทั้งโมโหทั้งอยากจำ จึงด่ากลับเสียเลย : มารดาเจ้าสิ พูดเหลวไหลตดหมาอะไรของเจ้า! กลัวว่าจะยุ่งยากไม่พอรึไง พาลหาเรื่องใช่มั้ย ไสหัวไปทางโน้นเลย!
เขาตัดสัญญาณอิ๋งจิ่วกวงเสียเลย เป็นฉากที่ไม่เสแสร้ง มีแค่ตอนอยู่กับคนระดับเดียวกันเท่านั้นถึงจะแสดงแก่นแท้ออกมา
ที่จริงอิ๋งจิ่วกวงก็รู้เช่นกันว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แค่อยากจะระบายอารมณ์เท่านั้น
“เซี่ยโห้วลิ่ง!” อิ๋งจิ่วกวงพลันกำหมัดคำรามขึ้นฟ้า
ข่าวลือโหมซัดสาดเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ ทำให้คนของทั้งจวนอ๋องสวรรค์อิ๋งเริ่มหัวหด คนที่ยามปกติชอบแต่งตัวสวยเดินกรีดกราย คนที่ยามปกติชอบเอะอะโวยวาย คนที่ยามปกติชอบเที่ยวเตร่ไปทั่ว ตอนนี้แต่ละคนอยู่ในบ้านไม่กล้าออกไปไหน ต่างก็รู้ว่าถ้าทำเรื่องขัดใจท่านอ๋องในเวลานี้ ก็จะไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แม้แต่จะพูดเสียงดังก็ยังไม่กล้า ไม่อย่างนั้นถ้าถูกมองว่าขัดหูขัดตาขึ้นมาแล้วโดนฟ้องก็จะเกิดปัญหา ตระกูลใหญ่คนเยอะมักจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้ง่าย
จวนอ๋องสวรรค์โค่ว โค่วหลิงซวีที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในศาลากลางป่าไผ่กำลังฟังรายงานจากถังเฮ่อเหนียน ตอนนี้ทำสีหน้าจริงจังหนักแน่น
หลังจากถังเฮ่อเหนียนเล่าสถานการณ์จบแล้ว โค่วเจิงก็กล่าวเสียงต่ำว่า “หนิวโหย่วเต๋อเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเรื่องสุ่มสี่สุ่มห้าไปกับเซี่ยโห้วลิ่งด้วย ตอนนี้คงไม่มีแม้แต่ทางจะถอยกลับแล้ว เกรงว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งคงจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อกำจัดเขาทิ้ง”
“เขาก่อเรื่องมาตลอดไม่หยุดหย่อน บีบให้ตัวเองจนตรอก ที่ทำแบบนี้ถือว่าเหนือความคาดหมาย แต่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ต่อให้เขาไม่ทำแบบนี้ คาดว่าอิ๋งจิ่วกวงก็ไม่ปล่อยเขาไปอยู่ดี ไม่สู้ชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ! คาดว่าคงถูกเซี่ยโห้วลิ่งยุยง ถึงไม่เสียดายที่จะใช้วิธีหยกศิลาล้วนแหลกลาญแบบนี้ อิ๋งจิ่วกวงกระโดดออกมาเล่นงานตำหนักนารีสวรรค์ ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าเซี่ยโห้วลิ่งอดทนไว้แล้ว พอมาดูตอนนี้ เซี่ยโห้วลิ่งต้องการให้เขาได้ชดใช้แน่นอน แค่ไม่เคลื่อนไหวเท่านั้นเอง พอเคลื่อนไหวก็ทำให้อิ๋งจิ่วกวงเจ็บลึกถึงกระดูก ท่านอ๋อง ตั้งแต่เซี่ยโห้วลิ่งคุมตระกูลเซี่ยโห้ว นี่เป็นครั้งแรกที่แสดงพลัง ควรค่าที่จะเฝ้าระวัง” ถังเฮ่อเหนียนกล่าว
โค่วหลิงซวีลุกขึ้นช้าๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “การกัดครั้งนี้ กัดทีเดียวถึงกระดูกแล้วสามส่วน แต่เซี่ยโห้วลิ่งอาศัยมือนี้แล้วคิดจะโค่นล้มตระกูลอิ๋งก็เป็นไปไม่ได้ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ ทางทัพตะวันออกมีช่องโหว่ให้คนฉวยโอกาส กลัวว่าจะถูกท่านนั้นของวังสวรรค์จับตาดูแล้ว ตอนนี้อิ๋งจิ่วกวงคงจะกระวนกระวายจนไฟลุกหัว ต้องเตือนให้เขาเตรียมแผนป้องกัน บรรดาอ๋องต้องรีบประสานงานกันสักหน่อย รีบระดมกำลังพลไปกดดันทัพตะวันออก เตรียมพร้อมสนับสนุนทุกเมื่อ ขู่คนที่มีเจตนาไม่ซื่อภายในทัพตะวันออก!”
จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ทางเดินระหว่างตึกศาลา ฮ่าวเต๋อฟางที่เอามือไขว้หลังพิงระเพียงแสยะยิ้ม “เซี่ยโห้วลิ่ง อ๋องผู้นี้ประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ ล้างแค้นได้โหดมากทีเดียว ครั้งนี้อิ๋งจิ่วกวงคงโดนกัดเจ็บไปอีกนาน”
ซูอวิ้นที่อยู่ข้างๆ กล่าวว่า “ถ้าเป็นแค่การล้างแค้นจริงๆ ต่อให้เจ็บนานกว่านี้ แต่ก็ต้องถึงคราวที่อาการบรรเทา กลัวก็แต่เซี่ยโห้วลิ่งจะยังมีแผนอำมหิตตามมาอีก สร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่กลัวอิ๋งจิ่วกวงจะล้างแค้นบ้างเหรอ? ข้ากังวลว่าเขาจะอยากฆ่าให้สิ้นซาก!”
ฮ่าวเต๋อฟางพยักหน้า “เรื่องนี้ไม่อาจนิ่งดูดาย อิ๋งจิ่วกวงจะล้มไม่ได้ ให้โอกาสเซี่ยโห้วลิ่งลงมือต่อไม่ได้แล้ว ต้องตรึงกำลังเพิ่ม ติดต่อตระกูลที่เหลือ สั่งให้กำลังพลทางตลาดสวรรค์ที่อยู่ในอาณาเขตของแต่ละฝ่ายรีบไปควบคุมร้านค้าของตระกูลเซี่ยโห้วไว้ แล้วก็เคลื่อนกำลังพลไปที่ตลาดมืดแต่ละแห่งเดี๋ยวนี้ บีบช่องทางรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลเซี่ยโห้วไว้ก่อน แล้วก็ทางวังหลังของตำหนักสวรรค์ด้วย ให้คนของสี่อ๋องร่วมมือกันเล่นงานตำหนักนารีสวรรค์ ต้องทำให้เซี่ยโห้วลิ่งลูบหน้าปะจมูก อย่าให้เขาทำอะไรซี้ซั้วอีก ต้องหยั่งเชิงท่าทีของประมุขชิงด้วย”
นอกตำหนักประมุขถิ่นกลาง ทะเลสาบสีเขียวรกต ส่องสะท้อนฟ้าครามเมฆขาว
สถานการณ์ที่พิภพเล็กไม่ได้ผันผวนเหมือนพิภพใหญ่ ที่นี่ก็ยิ่งไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วของของโลกภายนอก ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ที่นี่ยังไม่เคยมีความเปลี่ยนแปลงเลย มีเพียงสี่ฤดูกาลที่สลับหมุนเวียนกันไป ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก ทิ้งร่องรอยแห่งกาลเวลาเอาไว้
“หลับไหลอยู่ในห้วงฝันอันยาวนาน มิรู้ตื่น มิรู้ตื่น สุดหล้าฟ้าเขียว ท้องฟ้าแสนไกล ท้องฟ้าแสนไกล…”
บนหลังคาตำหนักที่มีกระเบื้องซ้อนกันหลายชั้น จูเก๋อชิงที่ผมยาวปลิวสยาย สวมชุดกระโปรงยาวสีเงินกำลังยืนรับลมอยู่บนนั้น ใบหน้างามล่มเมืองยังไม่เปลี่ยนไป ในดวงตางามฉายแววเลื่อนลอยห่อเหี่ยว เสียงเพลงอ่อนหวานละมุนละไม ร้องเพลงเพียงลำพัง
ถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่หลายปี ด้านนอกฟ้าสูงแผ่นดินกว้าง แต่กลับทำได้เพียงมองจากที่ไกลๆ ไม่มีทางเข้าใกล้ได้เลย อยู่ที่นี่ไม่มีแม้กระทั่งคนที่จะคุยกับนางได้ นอกจากฝึกตนแล้วก็ไม่ได้ทำอย่างอื่น ยามเหงาก็มักจะร้องเพลงคนเดียว อาศัยวรยุทธ์ของนางในตอนนี้ ทหารยามสกัดขวางนางไม่ไหวเลย แต่นางไม่กล้าบุ่มบ่ามบุกออกไป กำแพงที่ไร้รูปร่างผลึกนางไว้ที่นี่ นางต้องจ่ายไม่รู้จบกับการกระทำของตัวเองในปีนั้น
สาวน้อยสองคนเงยหน้าอย่างตะลึงงั้น มองบนหลังคาด้วยความอิจฉา
“พี่สาวร้องเพลงเพราะจัง” สาวน้อยคนหนึ่งกล่าวชื่นชม
“พี่สาวสวยขนาดนี้ เป็นเทพเซียน ก็ต้องร้องเพลงเพราะอยู่แล้ว” สาวน้อยอีกคนกล่าวอย่างมั่นใจมาก
“แต่ทำไมพี่สาวเทพเซียนไม่ออกจากประตูเลยล่ะ?”
สาวน้อยสองคนนี้ถูกส่งมาปรนนิบัติจูเก๋อชิง พวกนางไม่ใช่นักพรต ไม่กล้าส่งนักพรตมาปรนนิบัตินาง เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นลูกน้องคนสนิทของนางแล้วก่อเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นแต่ละช่วงจะเปลี่ยนคนใหม่มาทีละสองคน จะไม่ให้คนเก่าอยู่กับจูเก๋อชิงนานเกินไป
ในร้านค้าของตลาดสวรรค์แห่งหนึ่ง ในที่สุดคู่แค้นคู่หนึ่งก็นั่งด้วยกันอย่างสงบใจแล้ว หลันโฮ่วนั่งยืดตัวตรงอยู่บนฟูกกลม ถือกาสุรารินใส่ถ้วยให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
จางเทียนเซี่ยวที่นั่งอยู่ตรงข้ามหันก้นให้เขาครึ่งหนึ่ง มือหนึ่งยันพื้นเอนกาย แขนอีกข้างพาดไว้บนเข่าที่ชันอยู่บนพื้น แม้จะแต่งกายเรียบร้อยแล้ว แล้วท่วงท่าที่ไร้ระเบียบวินัยก็ยังไม่เปลี่ยน ดวงตางามชำเลืองการเคลื่อนไหวของหลันโฮ่วที่อยู่ตรงข้ามแวบหนึ่ง สุดท้ายก็ถามว่า “นายท่านสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้เพราะคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หลันโฮ่วยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจ่อปาก แล้วตอบเสียงเรียบ “ไม่รู้”
จางเทียนเซี่ยวโกรธอย่างบอกไม่ถูก ยื่นมือคว้าถ้วยน้ำชาสะบัดน้ำชาร้อนไปฝั่งตรงข้ามเสียเลย
หลันโฮ่วนั่งนิ่งไม่ขยับตัว ไม่หลบหลีกด้วย เพียงหลับตาลงเท่านั้น ปล่อยให้น้ำชาที่สาดใส่ใบหน้าตัวเองไหลเปียกคอเสื้อ เหมือนจะไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์ป้องกันด้วย ร่องรอยโดนน้ำร้อนลวกบนใบหน้าปรากฏให้เห็นทันที
จางเทียนเซี่ยวจ้องเขา แล้วจู่ๆ เท้าใต้กระโปรงก็โผล่ออกมา โครม! ถีบบนตัวหลันโฮ่วไปแล้วหลายที
หลันโฮ่วยังคงนั่งนิ่งสงบ จางเทียนเซี่ยวจึงลุกขึ้นแล้วบิดเอวเดินออกไป…
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ในห้องหนังสือ โกวเยว่ที่เก็บระฆังดาราแล้วรีบรายงานต่อก่วงลิ่งกงที่นั่งอยู่หลังโต๊ะยาว “ท่านอ๋อง คนที่ส่งไปติดต่อที่สำนักลมปราณพบว่าคนของสำนักลมปราณหายไปหมดแล้วขอรับ ไม่ทราบว่าไปไหน”
“ศิษย์สำนักลมปราณที่ทำงานที่ร้านขายของชำซื่อตรงยังอยู่หรือเปล่า?” ก่วงลิ่งกงถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ถามแล้วขอรับ ยังทำงานตามปกติ ” โกวเยว่ตอบ
“พระหนีไม่พ้นวัดหรอก วางเรื่องนี้ไว้ก่อน รีบมือกับเรื่องตรงหน้าก่อน” ก่วงลิ่งกงกล่าว
ตลาดสวรรค์ดาวเทียนหยวน พวกอวี้หลิงที่ออกจากโรงน้ำชาแล้วเดินไปเดินมาอยู่บนถนน ตั้งใจฟังคนที่กำลังวิพากษ์วิจารย์อยู่รอบๆ
“จริงหรือล้อเล่น ทัพตะวันออกห้าล้านถูกทัพใหญ่แดนอเวจีหนึ่งแสนของหนิวโหย่วเต๋อกำจัดไปสามล้าน? จะเป็นไปได้ยังไง?”
“ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่เจ้าหมอนั่นเหมือนจะชำนาญเรื่องอาศัยคนน้อยโจมตีคนเยอะนะ ก่อนหน้านี้ก็เรื่องฉู่จื่อซาน ทัพใหญ่หนึ่งล้านถูกกำลังพลครึ่งธงพยัคฆ์ของหนิวโหย่วเต๋อตีแตกไม่ใช่เหรอ”
“ทำไมไม่เห็นฝั่งตระกูลอิ๋งออกมาแก้ตัวอะไรเลย คงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่มั้ย?”
“แก้ตัวอะไร? ไม่ได้ยินเหรอว่าอิ๋งอู๋หม่านยังอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ ต่อไปถ้าหนิวโหย่วเต๋อผลักอิ๋งอู๋หม่านออกมา จะไม่เท่ากับตระกูลอิ๋งตบปากตัวเองหรือไง”
“เด็กดี ข้าก็ว่าทำไมหนิวโหย่วเต๋อไต่เต้าถึงตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ลาดสวรรค์ได้เร็วขนาดนั้น ที่แท้เบื้องหลังก็มีลับลมคมในนี่เอง!”
“ใช่แล้ว! มิน่าล่ะคนของโถงชุมนุมอัจฉริยะถึงโดนจับแล้วปล่อย ยาแก่นซียนหนึ่งหมื่นล้านล้านเม็ดเชียวนะ สงสัยสาเหตุที่ยาแก่นเซียนแพงขึ้นแทบตายล้วนเป็นเพราะตระกูลอิ๋ง!”
“สนมฉินนั่นบอกว่าอิ๋งจิ่วกวงจะก่อกบฎ ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า”
“อย่าพูดซี้ซั้วเลย พอรวมเรื่องราวเข้าด้วยกันแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจเล่นงานอ๋องสวรรค์อิ๋ง”
“เจ้าเคยเห็นตราอิทธิฤทธิ์ของสนมฉินหรือเปล่าว่าเป็นยังไง?”
“เฮ่อ นี่เป็นอะไรกันไปแล้ว? ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวว่าหนิวโหย่วเต๋อโหดเหี้ยมทารุณ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นข่าวคึกโครมของอ๋องสวรรค์อิ๋งซะแล้ว สิ่งที่โจมตีหนิวโหย่วเต๋อก่อนหน้านี้ก็เกิดจากฝีมืออ๋องสวรรค์อิ๋งไม่ใช่เหรอ?”
“เป็นไปได้ อ๋องสวรรค์อิ๋งเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อ แล้วหนิวโหย่วเต๋อก็โจมตีกลับทันที ก็ฟังขึ้นเหมือนกัน”
ทุกที่มีแต่คนไม่รู้ความจริงกำลังวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา คนระดับนี้ไม่รู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวชัดเจนเลย จะไปรู้การต่อสู้เบื้องหลังได้อย่างไร อำนาจในการรับรู้ข่าวก็มีขีดจำกัด อย่าว่าแต่อ๋องสวรรค์อิ๋งเลย แม้แต่เหมียวอี้เองก็ยังดูสูงส่งในสายตาบางคน ปกติไม่มีสิทธิ์จะติดต่อกันด้วยซ้ำ จะไปรู้เรื่องราวเบื้องลึกได้อย่างไร ได้แต่หลับหูหลับตาเดาเท่านั้น
ส่วนคนที่รู้เรื่องราวที่แท้จริงก็จะไม่วิจารณ์อย่างนี้
สิ่งที่ทำให้คนในใต้หล้าตกตะลึงจริงๆ ก็คือศึกสระน้ำมังกรดำ แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งขนาดทุน แต่คนที่รู้เรื่องราวเบื้องลึก ส่วนใหญ่จะไม่พูดเรื่องนี้ให้ภายนอกรู้ส่งเดช จนป่านนี้แล้วคนส่วนใหญ่เพิ่งจะได้สอดแนมความจริง พวกเขาตกตะลึงว่าหนิวโหย่วเต๋อทำศึกได้อย่างไร ตกตะลึงที่พลังรบของทัพใหญ่แดนอเวจีแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนแตกตื่นหนักขึ้นเรื่อยๆ ในข้อคิดเห็นร่วมของฝูงชน เหมือนจะยกย่องให้ทัพใหญ่แดนอเวจีเป็นกองทัพอันดับหนึ่งของใต้หล้าอย่างเป็นทางการแล้ว!
…………………