พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2095 โจรเฒ่าติดเบ็ดแล้ว
เมื่อได้รับข่าวจากจวนท่านอ๋องแล้ว หยางชิ่งก็เก็บระฆังดารา เอียงหน้ามอเหยียนซิว พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็โบกมือเก็บเหยียนซิวกับเว่ยซูเอาไว้
หันตัวไปพูดกับขุนพลใหญ่หกลัทธิอีก หยุดการเดินทางชั่วคราวได้ รบกวนทุกคนคำนวณเวลาที่เว่ยซูจะไปถึงอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะให้แม่นยำ พวกเราจะต้องควบคุมเวลาหลังจากเว่ยซูออกจากจวนท่านอ๋องไปยังจุดออกเดินทาง
หกขุนพลเข้าใจความหมายของเขา ทำแบบนี้เพื่อไม่ให้จิ้งจอกเฒ่าเกิดความสงสัยเรื่องเวลา พวกเขาถึงได้ปรึกษาและคำนวณเวลากัน…
มีภูเขา มีหมอกบางลอยวนเวียน เหมือนอยู่ระหว่างกึ่งความจริงและความฝัน
ในภูเขามีอารามเต๋าหลังหนึ่ง มีกลิ่นอายโบราณ ประตูของกุฏิหลักเปิดอยู่ บนเบาะรองนั่งข้างใน เซี่ยโห้วท่าที่ผมขาวโพลนกำลังปล่อยผมนั่งสมาธิ หลับตาสงบจิตใจ
เมื่อได้รับข้อความจากเว่ยซู ก็ลืมตาเล็กน้อยแล้วหยิบระฆังดาราออกมา ตอนแรกก็ยังไม่เห็นว่าสำคัญอะไร แต่พอได้ยินว่าเว่ยซูได้สมุนไพรจิตวิญญาณมาจากเหมียวอี้แล้ว ดวงตาก็พลันเบิกโพลงขึ้นหลายเท่า เว่ยซูไปดูว่าสมุนไพรจิตวิญญาณอยู่ในมือเหมียวอี้จริงหรือเปล่า เขารู้เรื่องนี้ อีกฝ่ายบอกเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะมอบสมุนไพรจิตวิญญาณให้เว่ยซู
เขารีบถามระฆังดาราในมือ : ยืนยันว่าเป็นบัวโลหิตจริงๆ ใช่มั้ย?
เว่ยซู : ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คงจะเป็นบัวโลหิตไม่ผิดแน่
เซี่ยโห้วท่า : หนิวโหย่วเต๋อมอบบัวโลหิตให้เจ้าง่ายๆ ได้ยังไง? ถ้าไม่มีบัวโลหิตแล้ว เขาจะไม่กลัวเชียวหรือว่าตระกูลเซี่ยโห้วจะกลับคำพูด ไม่ช่วยเขาคุมทัพใต้ให้สงบ?
เว่ยซู : บ่าวเองก็รู้สึกแปลก เลยถามเขาไป เขาตอบมาตรงๆ ว่า เขาจะทำให้พระปีศาจรู้ว่าบัวโลหิตอยู่ในมือตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว ให้ตระกูลเซี่ยโห้วกับพระปีศาจค่อยๆ สู้กันไป เขาถามบ่าวกลับด้วยว่า แบบนี้ตระกูลเซี่ยโห้วยังจะมีกะจิตกะใจมาหาเรื่องเขาอีกไหม? เขาไม่เชื่อว่าอ๋องสวรรค์ที่เหลือจะอยากเห็นทัพใต้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีก เขามั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากอ๋องสวรรค์ที่เหลือ เขายังเตือนด้วยว่า ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วกล้าทำซี้ซั้ว บีบให้เขาจนตรอกจนทำได้ทุกอย่าง เขาก็ไม่ถือสาที่จะร่วมมือกับพระปีศาจเพื่อสู้กับตระกูลเซี่ยโห้ว บอกว่าความแค้นระหว่างตระกูลเซี่ยโห้วกับพระปีศาจ ให้พวกเราไปจัดการเอาเอง เขาเองก็ไม่อยากเห็นพระปีศาจก่อหายนะเหมือนกัน ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยแน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังหน้าไฟเพื่อตระกูลเซี่ยโห้ว ให้ค่าแนะนำสมุนไพรจิตวิญญาณกลับมาให้คุณชายสาม
เซี่ยโห้วท่าแสยะยิ้ม ตอบกลับว่า : ที่เขาทำแบบนี้ก็ไม่แปลก ถ้าไม่ได้หวังให้เขาเป็นหนังหน้าไฟให้ตระกูลเซี่ยโห้วอยู่แล้ว บัญชีแค้นนี้เอาไว้ดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันทีหลัง แล้วเจ้าสามว่ายังไง?
เว่ยซู : คุณชายสามไม่ได้พูดอะไร ให้บ่าวนำสมุนไพรจิตวิญญาณกลับไปให้เขา
เซี่ยโห้วท่าเงียบไปครู่เดียว แววตาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า : ไปเถอะ
เว่ยซู : ขอรับ!
ในกระเป๋าสัตว์ เหยียนซิวสร้างความเคลื่อนไหวและถูกเรียกออกมาอีกครั้ง หยางชิ่งเจอหน้าแล้วถามทันทีว่า โจรเฒ่าพูดว่ายังไงบ้าง?
โจรเฒ่าไม่ได้ให้ส่งบัวโลหิตไป แต่ให้ส่งไปให้เฉาหม่าน เหยียนซิวตอบ
เอ่อ… พวกอ๋าวเถี่ยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ตานฉิงยักไหล่ พอเป็นแบบนี้ แผนพวกเราจะไม่พังหรอกเหรอ?
ไป๋เฟิ่งหวงพี่ฟังอยู่ข้างๆ กลับโล่งใจ สำหรับนางแล้ว แผ่นนี้ต้องพังถึงจะดี นางจะได้ไม่ต้องไปแบกรับความเสี่ยงอะไร
ผู้ช่วยใหญ่ พวกเราคาดเดาผิดพลาดหรือเปล่า หรือที่จริงเว่ยซูจะไม่ใช่กับดักอะไรเลย เมิ่งหรูกล่าวเสียงต่ำ
ตานฉิงแสยะยิ้ม หึหึ! แบบนั้นก็ดีไม่ใช่เหรอ พวกเราจะได้สังหารเข้าไปได้เลย!
หยางชิ่งกลับยกมือห้าม จ้องเหยียนซิวเขาบอกว่า ทั้งสองฝ่ายติดต่อกันเป็นยังไงบ้าง บอกข้ามาให้ละเอียด อย่าให้ขาดตกแม้แต่คำเดียว!
เว่ยซูรายงานไปว่าเขาเห็นบัวโลหิตในมือท่านอ๋องแล้ว… เหยียนซิวเล่าขั้นตอนให้ฟังอย่างละเอียดทันที สำหรับคำตอบที่ให้กับเซี่ยโห้วท่า ที่จริงล้วนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หยางชิ่ง เตรียมเอาไว้รับมือ
หลังจากฟังจบแล้ว หยางชิ่งก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า เขาไม่ได้ถามเรื่องบัวโลหิตมากกว่านี้แล้วใช่ไหม?
ใช่! เหยียนซิวตอบ
หยางชิ่งกวาดสายตามองคนที่เหลือทันที โจรเฒ่าแค่สนใจว่าได้บัวโลหิตมาได้ยังไง สำหรับตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว บัวโลหิตที่เป็นของสำคัญขนาดนี้ แต่เขากลับไม่สนใจปัญหาว่าจะเก็บไว้ที่ไหน แบบนี้ผิดปกติมาก!
ผู้ช่วยใหญ่กำลังจะสื่อว่า? อ๋าวเถี่ยลังเล
รอ! หยางชิ่งกล่าวเสียงต่ำ
นอกอารามเต๋า ใต้ต้นสนเก่าแก่ต้นหนึ่ง ชายวัยกลางคนที่ร่างกายแข็งแรงทรงพลังกำลังนั่งขัดสมาธิ หน้าตาคล้ายเซี่ยโห้วท่าอยู่เจ็ดแปดส่วน แต่เห็นได้ชัดว่าอ่อนวัยกว่าเซี่ยโห้วท่าเยอะ
เจ้าใหญ่! ในอารามเต๋ามีเสียงของเซี่ยโห้วท่าเอ่ยเรียก
ชายวัยกลางคนลืมตาขึ้นช้าๆ หยุดฝึกวิชาแล้วลุกขึ้นยืน รีบเดินเข้าไปในอารามเต๋า กุมหมัดคารวะเซี่ยโห้วท่า ท่านพ่อ
ที่จริงคนฝั่งตำหนักสวรรค์ที่รู้จักชายวัยกลางคนผู้นี้มีอยู่ไม่น้อย เขาก็คือบุตรชายคนโตของเซี่ยโห้วท่า เซี่ยโห้วยง เมื่อหลายปีก่อนถูกแทงตาย แต่ตอนนี้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ควรค่าที่จะให้ครุ่นคิด
เซี่ยโห้วท่ายื่นมือ เซี่ยโห้วยงใช้สองมือประคองเขาขึ้นมาทันที
สองพ่อลูกเดินลงจากบันไดอารามเต๋าช้าๆ เซี่ยโห้วท่าบอกว่า ให้คนถามสายลับที่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย ดูว่าทางฝั่งหนิวโหย่วเต๋อมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
ขอรับ! เซี่ยโห้วยงเอ่ยรับแล้วถลันตัวออกไ ไม่นานก็เหาะไปถึงนอกเรือนพักอีกแห่งของอารามเต๋า เดินก้าวยาวเข้าไป พบกับนักพรตเต๋าคนหนึ่งที่กำลังควงกระบี่อยู่ใต้ต้นสน
เซี่ยโห้วยงหยิบระฆังดาราอันหนึ่งยื่นให้เขา ติดต่อคนที่อยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต๋อสักหน่อย ดูว่ามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่า
นักพรตเต๋ารับระฆังดารามาไว้ในมือแล้วจัดการ
จนกระทั่งเซี่ยโห้วยงกลับมาที่อารามเต๋าอีกครั้ง เซี่ยโห้วท่าก็กำลังเดินเล่นช้าๆ อยู่ในป่าภูเขานอกอารามเต๋าแล้ว
เซี่ยโห้วยงถลันตัวเข้าไป รายงานว่า ท่านพ่อ ฝั่งหนิวโหย่วเต๋อมีความผิดปกติแล้วจริงๆ
เซี่ยโห้วท่าพลันหรี่ตา แล้วค่อยๆ หันกลับมามองเขา มีความผิดปกติอะไร?
เซี่ยโห้วยงตอบว่า หนิวโหย่วเต๋อเดินเล่นในจวนท่านอ๋องแล้วบังเอิญเจออนุภรรยาหน้าตาสวยที่มาใหม่ ตอนที่กำลังเข้าห้องกัน โดนอวิ๋นจือชิวบุกอาละวาดแล้ว ทั้งสองใช้กำลังต่อสู้กัน ทำให้หนิวโหย่วเต๋อสะบักสะบอมมา เสียหน้าหมดแล้ว!
เซี่ยโห้วท่างงอยู่พักหนึ่ง เลิกหรี่ตาทีละนิด หลังจากแววตาวูบไหวอยู่สักพักก็ถามว่า แค่นี้เหรอ?
ตอนนี้มีแค่เท่านี้ ด้านอื่นยังไม่มีความผิดปกติอะไรขอรับ เซี่ยโห้วยงตอบ
เซี่ยโห้วท่าหยุดฝีเท้า หลังจากทอดสายตามองไปไกลเงียบๆ ครู่เดียว ก็บอกว่า เว่ยซูต้องการจะมาที่นี่ เตรียมการสักหน่อย
ขอรับ! เซี่ยโห้วยงเอ่ยรับแล้วไปจัดการ
ส่วนเซี่ยโห้วท่าก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเว่ยซูอีกครั้ง
ในกระเป๋าสัตว์ เมื่อได้รับการตอบสนองจากเหยียนซิว หยางชิ่งก็เรียกเหยียนซิวออกมาอีกครั้ง
เหยียนซิวโผล่หน้ามาก็บอกเลยว่า เซี่ยโห้วท่าส่งข่าวมาให้เว่ยซูอีก ให้เว่ยซูนำบัวโลหิตส่งไปให้เขาโดยตรง
หกขุนพลมองหน้ากันอย่างอึ้งๆ อ๋าวเถี่ยด่าว่า สงสัยจะเป็นกับดักจริงๆ จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์จริงด้วย โชคดีที่ก่อนหน้านี้ทำตามใจนำเขา ถ้าเว่ยซูเป็นฝ่ายเสนอก่อนว่าต้องการไปพบเขา เกรงว่าคงทำให้เขาสงสัยทันทีแน่
เซี่ยโห้วท่าบอกหรือเปล่าว่าไม่ให้นำบัวโลหิตมอบให้เฉาหม่าน เว่ยซูชี้แจงกับเฉาหม่านยังไง? หยางชิ่งถาม
เหยียนซิวตอบว่า ให้เว่ยซูถามแล้ว เซี่ยโห้วท่าบอกว่าจะเตรียมการเอง ให้ส่งบัวโลหิตไปให้เขาดูก่อน
เพี้ยะ! หยางชิ่งกำหมัดชกฝ่ามือทันที กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า สำเร็จแล้ว! โจรเฒ่าติดกับแล้ว!
หกขุนพลเผยสีหน้าดีใจ หยางชิ่งชี้ทั้งหกคนอีก คำนวณใหม่ คำนวณเวลาที่จะไปถึงอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะให้เหมาะสม อย่าให้เกิดช่องโหว่อะไรที่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เด็ดขาด!
รับทราบ! หกขุนพลกุมหมัดเอ่ยรับคำสั่งอย่างตื่นเต้น
หยางชิ่งถ่ายทอดเสียงบอกเหยียนซิวอีก หลังจากถึงอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะแล้ว ทุกคนต้องอยู่บนตัวเว่ยซู เจ้าต้องแน่ใจว่าเจ้าควบคุมเว่ยซูได้ไม่ผิดพลาด!
เหยียนซิวพยักหน้าเบาๆ
ไป๋เฟิ่งหวงที่คอยฟังอยู่ข้างๆ มองคนพวกนี้ด้วยอย่างพูดไม่ออก พบว่าสุดท้ายตัวเองก็ยากจะพ้นเคราะห์ ยังคงต้องไปเสี่ยงอันตรายนี้
คลื่นหมอกกว้างสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์ภูเขาทะเลสาบ เรือลำเล็กลอยเอื่อย ชายชราตกปลาหยิบระฆังดาราออกมาตั้งใจฟัง แล้วเก็บเบ็ดตกปลาอย่างไม่รีบร้อน
ชายชราคือเทพคงคาของที่นี่ ชื่อว่าถังตั๋ว เป็นเทพคงคาอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนเคยเป็นผู้บัญชาการใหญ่ ตอนหลังทำผิดเกือบโดนโทษประหาร แต่ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลชั้นสูงอย่างลับๆ ภายหลังได้มาอยู่ในสถานที่ลับตาคนแห่งนี้ คนที่ช่วยชีวิตเขาไว้คือใคร เขาเองก็ไม่รู้ชัดเจน และไม่เคยคิดจะถามด้วย แต่คนที่แอบช่วยเหลือเขาให้ทรัพยากรฝึกตนเขามานานแล้ว เขาไม่มีความกังวลเรื่องขาดทรัพยากร หลายปีมานี้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรี
แน่นอน ผู้สูงศักดิ์คนนั้นก็ไม่ช่วยเขาไว้อย่างไร้เหตุผลเช่นกัน บางครั้งก็จะมีเรื่องให้เขาไปทำ เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่เสี่ยงอันตรายใดๆ ผ่านมาหลายปีแต่เรียกใช้งานเขาแค่ไม่กี่รอบ
เมื่อครู่นี้เอง ผู้สูงศักดิ์ส่งข่าวมาอีกแล้ว ยังคงเป็นเรื่องนั้น
หลังจากเก็บเบ็ดตกปลาแล้ว ถังตั๋วก็ไม่กล้าชักช้า แม้แต่เรือก็เก็บเอาไว้แล้ว รีบเหาะขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงดาราจักรอันกว้างใหญ่ เขาก็แยกแยะทิศทาง แล้วเหาะไปด้วยความเร็วสูง
จุดหมายที่ไปก็ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เป็นอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะ นอกอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะผืนนั้น ก็คืออาณาเขตดาวนิรนามอันไร้ขอบเขต
หลังจากมาถึงอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะ ถังตั๋วก็เหาะฝ่าเข้าไปในนั้น สุดท้ายก็ไปซ่อนตัวอยู่ตรงส่วนปลายของอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะ เข้ามาอยู่ในโพรงของหินก้อนใหญ่ แล้วสังเกตการณ์ดาราจักรรอบๆ ผ่านรูลับที่เจาะไว้
การรอครั้งนี้ใช้เวลาไปเกือบห้าชั่วยาม สุดท้ายพบคนคนหนึ่งก็เหาะผ่านหินระเกะระกะเข้ามา ดูจากท่าทางที่หลบหลีกหิน ก็เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างคุ้นเคยกับสภาพของที่นี่
รอจนกระทั่งคนเข้ามาใกล้ หลังจากใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์เห็นชัดเจนแล้ว แม้ผู้ที่มาจะสวมหน้ากากปลอมแปลงใบหน้า แต่ถังตั๋วก็ตัดสินได้จากรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยมาหลายครั้งก่อนหน้านี้
หลังจากมองคล้อยหลังผู้มาเยือนเหาะผ่านอาเขตดาวหินลอยระเกะระกะส่วนปลายเข้าไปในจุดลึกของดาราจักรแล้ว ถังตั๋วก็หยิบระฆังดาราออกมารายงานสถานการณ์โดยละเอียดต่อผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องหลัง
ผู้สูงศักดิ์ยังคงยึดตามธรรมเนียมเดิม ให้เขาจับตาดูรอบๆ ดูว่ามีคนอื่นติดตามหรือเข้าใกล้หรือเปล่า
ถังตั๋วทำตามคำสั่ง สังเกตการณ์รอบข้างอย่างเงียบๆ ต่อไป
ที่จริงเขาก็แอบสงสัยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าผู้สูงศักดิ์จะพิถีพิถันแบบนี้ไปทำไม ทั้งยังมีคนผู้นั้นที่มาเยือนเป็นครั้งคราว ทำไมต้องไปที่อาณาเขตดาวนิรนามนั้นอีก ที่นั่นมีความลับอะไรกันแน่?
เว่ยซูที่เร่งเหาะมาตลอดทางซ่อนระฆังดาราไว้ในแขนเสื้อ คอยติดต่อกับเหยียนซิวเป็นระยะ
เริ่มตั้งแต่ตอนเข้าใกล้อาเขตดาวที่มีหินลอยระเกะระกะ ทุกคนล้วนอยู่บนตัวเว่ยซู ไม่กล้าโผล่ออกมา
พูดตามตรงว่าทำแบบนี้อันตรายมาก เพราะไม่รู้เลยว่าจะมีอันตรายอะไรเข้าใกล้ ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเหยียนซิวที่ควบคุมเว่ยซู แต่สำหรับพวกหยางชิ่งแล้ว การเผชิญหน้ากับคนอย่างเซี่ยโห้วท่าทำให้ไม่กล้าประมาทเลย จะต้องเสี่ยงอันตรายนี้
เดินทางผ่านไปนานแล้ว แต่ยังเหลือเวลาอีกนาน รอบข้างไม่มีสถานการณ์อะไรผิดปกติ เว่ยซูรายงานเหยียนซิวเป็นระยะ ส่วนเหยียนซิวก็บอกพวกหยางชิ่งต่อ
รอจนกระทั่งเลยครึ่งทางไปแล้ว หยางชิ่งที่เฝ้าอยู่หน้าแผนที่ดาวเงียบๆ ถึงได้โล่งอก หันไปมองไป๋เฟิ่งหวงข้างๆ ที่แปลงร่างเป็นเว่ยซู นางกำลังฝึกการพูดและสีหน้าท่าทางของเว่ยซูซ้ำไปซ้ำมา
ตอนที่ใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง เว่ยซูก็ติดต่อเซี่ยโห้วท่าอีกครั้ง ถามสถานที่นัดพบโดยละเอียด หลังจากได้รับคำตอบแล้วก็บอกเหยียนซิวต่อ
เมื่อรู้ว่าใกล้จะได้เจอเซี่ยโห้วท่าแล้ว ทุกคนก็เริ่มมีสีหน้าตึงเครียด
พอมาถึงจุดหมาย เว่ยซูก็ฝ่าชั้นบรรยากาศเข้าไปในภูเขาลึกแห่งหนึ่ง แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบรอบๆ
……………