พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า - บทที่ 2121 พระปีศาจถูกจับ
เขารีบหันกลับมามองอวิ๋นจือชิวอีก ทางเจ้ารองข้าไม่วางใจจริงๆ ตอนนี้ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้ คิดเสียว่าออกเดินทางล่วงหน้า เจ้า…เตรียมตัวหนีออกไปจากที่นี่!
อวิ๋นจือชิวอึกอักเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง เหมียวอี้แจ้งหยางเจาชิงให้เตรียมกำลังคนติดตามแล้ว จากนั้นก็รีบปลอมแปลงใบหน้า ออกไปอย่างไม่กล้าชักช้าแม้แต่นิดเดียว…
อาณาเขตดาวนิรนาม เหยียนซิวที่กำลังเร่งเหาะเก็บระฆังดารา เรียกไต้ซือศีลเจ็ดออกมา แล้วเล่าสถานการณ์ให้ฟังอย่างชัดเจน
ไต้ซือศีลเจ็ดเริ่มมีสีหน้าเครียดขรึม เขาย่อมรู้ว่าสาเหตุอะไรทำให้ศีลแปดตกอยู่ในมือพระปีศาจหนานโป เขาตั้งฝ่ามือข้างเดียวตรงหน้าอก หลับตาลงช้าๆ สัมผัสรับตำแหน่งที่อยู่ของศีลแปด…
บนยอดเขา พระปีศาจประนมมือท่องมนต์คร่าชีวิตนานมาก แต่ก็ไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวใดๆ ตัวอยู่บนฟ้าสูงและใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมอง แต่ก็ไม่พบอะไรเช่นกัน
จั่วเอ๋อร์มองพระปีศาจที่อยู่ข้างกันด้วยสีหน้าแปลกๆ เหมือนกำลังถามว่า เจ้าไหวหรือเปล่า?
หนานโปค่อยๆ ลืมตาขึ้น วางมือลง มุมปากขยับเล็กน้อย บังเอิญมาเจอสองคนนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมนต์คร่าชีวิตของตน ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัดกลุ้ม มีหลายเรื่องที่ไม่ราบรื่น อย่าบอกนะว่าโลกนี้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ?
หลังจากเงียบไปครู่เดียว ก็กล่าวเสียงต่ำ ทุกคน กระจายกำลังค้นหาให้ข้า!
เขาไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะดวงซวยขนาดนี้ แม้แต่สองคนที่มาอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วก็จับไม่ได้ อย่างไรเสียเมื่อดูจากความเร็วตอนเหาะแล้ว วรยุทธ์ก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่!
จั่วเอ๋อร์ส่งสัญญาณมือทันที คนหลายพันคนปรากฏตัว แล้วเริ่มกระจายกำลังค้นหาแบบรอบด้าน
มีคนจับตาดูจากบนฟ้า มีคนร่ายพลังอิทธิฤทธิ์ค้นหาบนพื้นดิน แม้อาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ก็ทนยอดฝีมือพวกนี้ที่ค้นหาซ้ำไปซ้ำมาไม่ไหวหรอก
ในถ้ำ มู่น่าไม่รู้สึกวิตกกังวลใดๆ นั่งขัดสมาธิอยู่อย่างนั้น นางเชื่อฟังศีลแปด รวบรวมสมาธิไม่ให้ถูกรบกวนจากสิ่งเร้าภายนอก
แต่สำหรับศีลแปดที่สังเกตได้ว่าเสียงมนต์คร่าชีวิตจบลงแล้ว กลับรู้ว่าความยุ่งยากเพิ่งเริ่มขึ้น เมื่อมนต์คร่าชีวิตใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเริ่มค้นหาแล้ว
เขาทำได้เพียงภาวนาว่ากำลังคนฝ่ายตรงข้ามจะมีไม่มากพอ เพราะเมื่อครู่เห็นว่าอีกฝ่ายมีคนไม่กี่สิบคนเท่านั้น ถ้ามีกำลังคนไม่พอก็จะหาไม่พบในเวลาสั้นๆ สามารถรอให้คนของพี่ใหญ่มาช่วยเหลือได้ หรือไม่พระปีศาจหนานโปก็กลัวว่าฝั่งนี้จะเปิดเผยเส้นทางของตัวเองต่อภายนอก ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน แล้วถอนกำลังออกไปเอง
ถ้าว่าเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถึงแต่ผลดีโดยไม่คิดถึงผลเสีย เขาไม่รู้เลยว่าพระปีศาจต้องการจะเข้ามาซ่อมตัวในแดนสุขาวดี ยิ่งไม่รู้ด้วยว่าพระปีศาจกังวลว่าจะถูกเปิดโปง จึงต้องรู้สถานการณ์นี้ให้ชัดเจน
เวลาผ่านไปทีละน้อย ทุกช่วงเวลาที่ผ่านไป สำหรับศีลแปดแล้วล้วนเป็นความทรมานไร้ที่สิ้นสุด อกสั่นขวัญแขวนไว้ที่เปรียบ นี่คือประสบการณ์ที่ศีลแปดไม่คเยเจอมาก่อน เขาไม่เคยเจอเรื่องอะไรที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย
ขณะมองดูมู่น่าที่มีสีหน้าสงบเงียบ ในใจศีลแปดนึกเสียใจทีหลังสุดๆ เสียใจที่ตัวเองไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่ แค้นตัวเองที่ทำซี้ซั้ว แค้นตัวเองว่าไม่น่าแอบพามู่น่าหนีออกมาเลย เขาตำหนิตัวเองมาตลอด ภาวนาและเฝ้าคอยตลอดด้วยเช่นกัน
อาณาเขตดาวนิรนาม เหยียนซิวกำลังใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีพุ่งไปข้างหน้า ในใจเหยียนซิวกระวนกระวายมากเช่นกัน รู้อย่างลึกซึ้งว่าถ้าศีลแปดตกอยู่ในมือพระปีศาจหนานโปแล้วผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร แม้แต่เขายังเดาได้ว่าพิภพเล็กกับประมุขไป๋มีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าศีลแปดโดนพระปีศาจล้วงความลับเรื่องพิภพเล็กแล้ว นั่นก็จะเป็นหายนะสำหรับท่านอ๋อง ทัพใต้ที่ท่านอ๋องสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็จะพังทลายในชั่วพริบตาเดียว ประมุขชิงและประมุขพุทธะจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อทำลายท่านอ๋องเช่นกัน
ตอนนี้เหมียวอี้หน้าเครียดอยู่ในกระเป๋าสัตว์ ในมือถือแผนที่ดาว ตรวจดูสถานที่ที่เดินทางไปถึงไม่หยุด คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นานก็จะตามมาถึงแล้ว
เหตุใดเขาจึงให้อวิ๋นจือชิวเตรียมตัวหนี? ในใจเขาร้อนรนยิ่งกว่าเหยียนซิวเสียอีก ไม่ใช่แค่สิ่งที่เหยียนซิวเท่านั้น ยังกังวลชีวิตของศีลแปดด้วย ที่เขาดิ้นรนต่อสู้มาทั้งชีวิตก็มีจุดประสงค์เพื่อให้คนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างดี
ด้านนอก ชิงเยว่เหาะด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ผ่านประตูดวงดาวไปได้ตลอดทาง ไม่มีอุปสรรคขัดขวางใดๆ พอชิงเยว่มาถึง ก็ไม่ต้องถูกตรวจค้น ผ่านไปได้โดยตรง…
กลุ่มแม่ทัพที่เดินทางมาพร้อมเหยียนซิวถูกปล่อยออกมา พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังจะไปที่ไหน คอยสังเกตการณ์รอบด้านไม่หยุด
คงจะเป็นด้านหลังของดาวเคราะห์ดวงนั้น!
ไต้ซือศีลเจ็ดที่นำกลุ่มคนเบนออกจากเส้นทางชี้ไปยังดาวเคราะห์ที่รกร้างเงียบงันดวงหนึ่ง
ด้านหลัง! เหยียนซิวกล่าวเสียงเย็น ประกาศเป้าหมายให้คนที่อยู่ทางซ้ายและขวารู้ทัน คนที่พวกเรามาสู้ด้วยครั้งนี้ก็คือพระปีศาจหนานโป ทุกคนแบ่งกำลังทหารเป็นสิบสาย ปิดประสาทสัมผัสทั้งหก โอบล้อมศัตรู! ใครหนีหรือขัดคำสั่ง ฆ่า!
สู้กับพระปีศาจหนานโป? บรรดาแม่ทัพตกตะลึงพรึงเพริด
เหยียนซิวปล่อยทัพอารักขาห้าล้านออกมา กำลังพลรีบแบ่งกลุ่มเป็นสิบสาย แล้วพุ่งเข้าไปในดาวเคราะห์รกร้างเงียบสงัดดวงนั้นโดยตรง โอบล้อมไปทางด้านหลังของดาวเคราะห์ดวงนั้นจากสิบทิศทาง
จะเป็นวาสนาหรือหายนะ ถ้าเป็นหายนะก็หลบไม่พ้น สิ่งที่ควรจะมาก็ยังต้องมา
ตอนพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแทรกซึมลงดินและกวาดผ่านศีลแปดกับมู่น่า ศีลแปดก็กลัวแล้ว รู้ว่าจบเห่แล้ว
บึ้ม! เสียงระเบิดราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินแยก ศีลแปดพลันกระโจนไปบนตัวมู่น่า ร่ายอิทธิฤทธิ์บังให้นาง ภูเขาลูกใหญ่แยกออกจากกันแล้ว
เมื่อเกิดความเคลื่อนไหวนี้ พวกหนานโปที่อยู่บนยอดเขาไกลๆ ก็ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองมา รู้ว่าหาพบแล้ว รีบถลันตัวเหาะเข้าไป
ก้อนหินปลิวว่อน พอความเคลื่อนไหวนี้หยุดลง มู่น่าที่หมอบอยู่ใต้ร่างศีลแปดก็ตกใจแล้ว นางถามว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น? นางถึงขั้นยังไม่รู้ตัวว่าอันตรายมาเยือนแล้ว
ศีลแปดเงยหน้ามอง อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างน่าเวทนา บนฟ้ามีคนกลุ่มหนึ่งลอยอยู่ กำลังจ้องทั้งสองด้วยสายเยียบเย็น ส่วนทั้งสองก็เหมือนกระต่ายที่อยู่ในโพรงกับดัก
ศีลแปดดึงให้มู่น่าที่มีสีหน้าหวาดกลัวลุกขึ้น กวาดสายตามองกลุ่มคนแวบหนึ่ง ไม่รู้ด้วยว่าพระปีศาจหนานโปคือคนไหน กลัวว่าถ้าบุ่มบ่ามลงมือแล้วจะทำให้มู่น่าบาดเจ็บ เขาถอดหน้ากากออก แล้วตะโกนเสียงดัง หนานโป ปู่อยู่นี่แล้ว!
ที่เปิดเผยตัวตนก็เพราะคิดว่าจะไม่ตาย ขอเพียงให้หนานโปรู้ถึงความสำคัญของตัวเองกับพี่ใหญ่ ต้องจับตัวเขาเอาไว้ข่มขู่พี่ใหญ่แน่
ถ้าเป็นตัวเขาคนเดียว เขาจะไม่สร้างปัญหาอะไรให้พี่ใหญ่เด็ดขาด แต่มู่น่าอยู่ที่นี่ด้วย เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อปกป้องนาง ขอเพียงปกป้องไม่ให้ตายได้ พี่ใหญ่ก็จะหาทางช่วยพวกเขาให้พ้นเงื้อมมือหนานโปได้แน่นอน
ท่ามกลางชายฉกรรจ์ที่ลอยอยู่บนฟ้า หนึ่งในนั้นอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้าหัวเราะลั่น เขาก็นึกว่าใครที่หลบมนต์คร่าชีวิตของข้าได้ ที่แท้ก็เป็นอาจารย์น้อยศีลแปดนี่เอง ข้าน่าจะนึกออกตั้งนานแล้ว! จากนั้นก็ถลันตัวลงมือเหยียบพื้น เข้าใกล้ศีลแปดด้วยใบหน้าอมยิ้ม ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพระปีศาจหนานโปนั่นเอง
พวกจั่วเอ๋อร์ก็ถลันตัวลงมาแล้วเช่นกัน
ในขณะนี้เอง จู่ๆ คนที่รับหน้าที่เฝ้าระวังอยู่บนฟ้าก็ตะโกนว่า แย่แล้ว! มีคนมา!
พวกเขารีบเงยหน้ามอง เห็นเพียงทั้งสี่ด้านแปดทิศมีกำลังพลสวมเกราะรบของตำหนักสวรรค์กลุ่มใหญ่เหาะมาถึงอย่างรวดเร็ว มาโอบล้อมเอาไว้ทั้งสี่ทิศจริงๆ
ศีลแปดดีใจมาก คาดว่าคนของพี่ใหญ่ต้องมาถึงแล้วแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะมาถึงที่นี่อย่างแม่นยำได้อย่างไร เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่ใหญ่จะมาถึงเร็วขนาดนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกเหยียนซิวกำลังอยู่ระหว่างทางพอดี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายอีก ถ้ามาเร็วกว่านี้สักหน่อยก็คงดี
เนื่องจากศีลแปดกับหนิวโหย่วเต๋อรู้จักกัน หนานโปก็ตระหนักได้แล้วเช่นกันว่าคนของหนิวโหย่วเต๋ออาจจะมาถึงแล้ว ทั้งตกใจทั้งโมโห ขณะเดียวกันก็นึกไม่ถึงว่าทัพใหญ่ของหนิวโหย่วเต๋อจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เขานึกเสียใจทีหลังที่ไม่ได้วางกำลังคนเอาไว้คอยแจ้งเตือนล่วงหน้าในดาราจักร ประมาทเลินเล่อแล้ว นึกไม่ถึงด้วยว่าเส้นทางลับนี้จะกลายเป็นเหมือนถนนที่คึกคักเจริญรุ่งเรือง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสัญจรไปมา นี่ยังนับว่าเป็นทางลับบ้าอะไรล่ะ!
แต่เรื่องราวในโลกก็เป็นอย่างีน้ ถ้าเขาวางกำลังคนเอาไว้แจ้งเตือนล่วงหน้า เมื่อพบความผิดปกติก็จะต้องหนีไปแล้วแน่นอน ภายใต้ความแตกต่างของเวลา ฝั่งนี้ก็จะจับตัวศีลแปดไว้ไม่ได้ เหตุบังเอิญต่างๆ มาจากสิ่งที่อยู่ในความลึกลับ ไม่ใช่สิ่งที่กำลังของมนุษย์จะวัดได้!
หนานโปหันขวับ ตวาดด้วยเสียงดุดันว่า เป็นคนที่ชอบติดต่อด้วย! จากนั้นก็โบกมือ พาตัวไป!
อย่าทำซี้ซั้ว พวกเราเชื่อฟังก็ได้! ศีลแปดร้องโวยวาย ทำตามใจตัวเองไม่ได้เช่นกัน ทั้งสองถูกคนจับไปแล้ว แม้แต่ศีลแปดก็ยังต้องรีบบอกมู่น่าว่าอย่าขัดขืน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย กลัวว่ามู่น่าจะยั่วโมโหให้อีกฝ่ายทำร้ายมู่น่าเอง
กลุ่มของพระปีศาจรีบเหาะพุ่งไปยังช่องว่างที่ยังไม่ถูกปิดล้อม
เหยียนซิวที่เร่งเหาะเข้ามากวาดดวงตาอิทธิฤทธิ์มอง ใจร้อนรนแล้ว จะให้อีกฝ่ายจับตัวศีลแปดไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่สนใจความเป็นความตายของศีลแปด เขาโบกมือทันที
ช่วยพริบตานั้น ทั้งสี่ด้านแปดทิศมีลำแสงยิงเข้ามาอย่างหนาแน่น พวกพระปีศาจทั้งตกใจใจทั้งกลัว ลูกธนูดาวตกส่วนใหญ่ไล่ตามความเร็วของพวกเขาไม่ทัน แต่กลับมีลำแสงหนึ่งพันสายที่โผล่ออกมาเร็วกว่าเพื่อน เร่งตามมาจนพวกพระปีศาจจำเป็นต้องรีบตั้งกระบวนทัพเกาะกลุ่มกันต้านทานกลางอากาศ
เสียงระเบิดดังสะเทือนดาราจักร มู่น่าที่ถูกกลุ่มคนโจมตีตกใจจนหน้าซีด ไม่เคยได้ยินเสียงดังขนาดนี้มาก่อน
หลังจากต้านทานได้ระลอกหนึ่งแล้ว พวกพระปีศาจก็รู้ว่าสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่ายังอยู่ตอนหลัง ทุกคนแทบจะโยนของวิเศษทั้งหมดออกมา ต่อให้ต้านทานได้แค่นิดเดียวก็ตาม
เป็นอย่างที่คาดไว้ พอช้าแค่นิดเดียว ลำแสงนับไม่ถ้วนด้านหลังก็ตามทันแล้ว ท่ามกลางเสียงดังสะเทือน ของวิเศษทั้งหมดที่โยนออกมาระเบิดกลายเป็นผุยผงแล้ว คนที่ถูกล้อมโจมตีเหาะกลุ่มกันใช้โล่ป้องกันอย่างสุดชีวิต
เมื่อเสียงระเบิดจบลง หลังจากพวกหนานโปพุ่งออกจากฝุ่นโลหะที่ตลบอบอวล แต่กลับต้องรีบหยุด
บนท้องฟ้า เงาคนหนานแน่นปิดล้อมด้านบนไว้หมดแล้ว รอบข้างก็มีทัพใหญ่ล้อมไว้หนาแน่น ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ง้างไว้บนสายอีกครั้ง
พวกจั่วเอ๋อร์ตระหนกกลัว ตอนนี้คนหลายพันเหลืออยู่ไม่กี่ร้อย ทั้งยังมีคนไม่น้อยที่บาดเจ็บ แค่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตีรอบเดียวก็กลายเป็นอย่างนี้แล้ว ถ้ามีอีกระรอก ก็อย่าหวังเลยว่าจะรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
คนเดียวที่สีหน้าสุขุมเยือกเย็นก็คือหนานโป ประการแรกเป็นเพราะทั้งชีวิตนี้ผ่านความเป็นความตายมาไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว เจอคลื่นลมพายุมาจนชิน สาเหตุรองเป็นเพราะธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สังหารวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่ได้ แต่ยามเผชิญกับคนพวกนี้ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยากจะหนีไปก็หนีไม่พ้น
ศีลแปดเองก็ตกใจไม่เบาเช่นกัน ผ่านไปประเดี๋ยวเดียวทัพใหญ่ตำหนักสวรรค์ก็โจมตีอย่างบ้าระห่ำขนาดนี้ อานุภาพที่เหมือนจะฉีกทำลายได้ทุกอย่างทำให้คนรู้สึกตัวสั่นหวาดกลัว
พอหันกลับมาเห็นมู่น่าตกใจกลัว เขาก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ปลอบใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว เป็นพี่ใหญ่ที่มาช่วยพวกเราแล้ว คนที่จับตัวพวกเขามารีบลงมือ ควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาเอาไว้ ให้เขาอ้าปากพูดแต่ก็ไม่มีเสียง ก่อนหน้านี้มัวหนีเอาชีวิตรอด จึงทำไม่ทัน
มู่น่ามองเขาพลางพยักหน้าอย่างหวาดกลัว เมื่อได้ยินเขาบอกว่าพี่ใหญ่มาช่วยแล้ว ในใจก็สงบลงบ้างแล้ว
ชั่วพริบตาเดียวก็เห็นคนมากมายขนาดนี้สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไต้ซือศีลเจ็ดเผยสีหน้าเวทนาสงสาร ประนมมือพึมพำกับตัวเอง
ต่อให้แค่รั้งคนพวกนี้ไว้ได้ แต่เหยียนซิวก็โล่งอกแล้ว รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้ : ท่านอ๋อง ในที่สุดก็ตามมาถึงแล้วขอรับ เพียงแต่ช้าไปก้าวเดียว ตอนที่พวกเรามาถึง คุณชายรองกับผู้หญิงคนหนึ่งก็ตกอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว กลายเป็นตัวประกันแล้ว
เหมียวอี้ที่อยู่ในกระเป๋าสัตว์หลับตาส่ายหน้า หลังจากสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว ก็ถามว่า : ผู้หญิงอะไร?
เหยียนซิวบรรยายหน้าตาของมู่น่า เหมียวอี้ได้ฟังแล้วพอจะเข้าใจ คงจะเป็นคนของเผ่าปีศาจเอลฟ์ เขาคิดไม่ตกว่าทำไมศีลแปดกับคนของเผ่าปีศาจถ่อไปที่นั่น
………………