พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 113
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 113 นายมีเรื่องปิดบังฉันงั้นหรอ
“เป็นไปไม่ได้” คำพูดที่พึ่งพูดจบ ได้ถูกสุมิตรคัดค้านเข้า เสียแล้ว “ถ้าหากว่ามีเกลือเป็นหนอนจริงๆ นวาระจะไปรู้เรื่อง หยกได้อย่างไง แล้วนักฆ่านั่นทำไมพูดว่านราวิชญ์เป็นคนส่ง มันมา? ! ”
“ถ้ามันเป็นอย่างที่นายพูด อย่างงั้นนวาระก็คือคนที่สุมิตร ส่งมา แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลเลย ถ้านวาระเป็นคนที่นราวิชญ์ ส่งมา ทำไมเธอถึงไปได้ไม่ราบรื่นกับจันวิภาล่ะ?”
“ฉัน….” ธนภาคอื่มครีมไม่พูดไม่จา
และสุมิตรที่พูดอย่างนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว ตนเองพึ่งจะ พูดเปิดเผยออกมา ตนเองรู้มานานแล้วเรื่องที่นวาระกลั่นแกล้ง จันวิภามาโดยตลอด แต่แค่ตนเองยังไม่ได้พบเจอมัน
ธนภาคกำลังครุ่นคิดอยู่ และก็ยังไม่พบความหมายที่อยู่ ในคำพูดของสุมิตร
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไง คนก็ถูกนายปล่อยไปแล้ว ธนภาค แม้ว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่นายต้องรับ ผิดชอบ” สุมิตรพูดกลับไปที่เรื่องนั้น มองธนภาคด้วยท่าทางที่ ไม่ยอมรับ ด้วยดวงตาที่ลึก
นิ่งเงียบไปอยู่นาน ธนภาคจึงเงยหน้าขึ้นมามองสุมิตร เขา พูดออกมาอย่างเปี่ยมไปด้วยมั่นใจ “สุมิตร นายวางใจเถอะ ฉันจะหาหลักฐานมาให้นายดู”
“งั้นฉันจะรอข่าวดีจากนาย ถ้าไม่งั้นล่ะก็..* สุมิตรเขม็ง ตามองธนภาคอย่างมีความหมายแฝง วินาทีต่อมา เหมือนเขา นึกเรื่องที่สำคัญออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าที่หล่อเหลา แข็งที่อขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าที่ขุ่นมัว “ฉันหวังว่าจากนี้นายจะอยู่ ให้ห่างจากนางแพศยาจันวิภาหน่อยนะ เธอไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ คู่ควรที่นายจะต้องไปเข้าใกล้”
ธนภาคนิ่งเงียบและไม่พูดอะไร
หลังจากการช่วยเหลือของสุพจน์ ทำให้สุมิตรเชื่อว่าเบื้อง หลังของมือสังหารคนนี้คือนราวิชญ์จริงๆ จิตใจของนวาระเริ่ม ที่จะเบิกบานขึ้นมาอีกครั้ง เพราะสุมิตรเองก็เริ่มที่จะรักเธอมาก ยิ่งขึ้นไปอีก
วันนี้ ตอนนวาระกำลังนั่นผลไม้ให้สุมิตรทาน จู่ๆ โทรศัพท์ ก็ได้ดังขึ้นมา นวาระเหลือบไปมองหน้าจอโดยบังเอิญ หลังจาก เธอได้เห็นประโยคที่เจ้านายส่งมาสี่คำ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาแล้วตรงดิ่งไปที่สวน
“สุพจน์…..คุณ ทำไมคุณถึงโทรมากันล่ะ?” นวาระที่อยู่ ในสวนมองซ้ายมองขวา เพราะเกรงว่าจะถูกคนเห็นเข้า
เสียงที่แหบแห้งและทุ่มต่ำของสุพจน์ที่ได้ยินมาจากปลายสายมันแฝงความเย้ายวนอยู่เล็กน้อย เขาพูดออกมาอย่างไม่ รีรอ “ตอนนี้ธนภาคไม่เพียงแค่สงสัยเธอเท่านั้น ยังกำลังตรวจ สอบเธออีก ช่วงนี้เธอต้องระวังหน่อย และพวกเราก็ไม่ต้อง ติดต่อกันพักหนึ่ง”
พูดจบ จึงวางหูโทรศัพท์ไปโดยที่ไม่รอท่าทีการตอบสนอง ของนวาระเลย เมื่อนวาระได้ยินคำพูดของสุพจน์จึงตกใจกลัว เข้าเสียแล้ว พูด “ฮัลโหลๆ” ใส่โทรศัพท์ไม่หยุด อย่างไรก็ตาม เสียงที่ตอบเธอมามีแต่เพียงแค่เสียง “ตู๊ดๆ” เท่านั้น
นวาระถือโทรศัพท์ค้างไว้แล้วยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าจะต้อง ทำไงดี ธนภาคกำลังสงสัยเธอ? ทำไมกันล่ะ ไม่ใช่ว่ามีนรา วิชญ์เป็นตัวตายตัวแทนแล้วหรือไง ทำไมจึงยังสงสัยเธอได้อีก ล่ะ
ธนภาคสงสัยเธอ นี่มันไม่ได้หมายความว่าสุมิตรก็รู้เช่น กันงั้นหรือ!
“ที คุณนวาระโทรคุยกับใครอยู่งั้นหรอ?” เสียงหัวเราะที่ ทุ่มต่ำดังลอยมาจากด้านหลัง นวาระตกใจเสียจนโทรศัพท์ล่วง หล่นลงพื้น
ธนภาคยิ้มแล้วมองดูโทรศัพท์ที่ล่วงหล่นลงบนพื้น มันเป็น รอยยิ้มที่ลึกจนไม่อาจหยั่งรู้ได้ “กลัวอะไรหรอ? ถ้าเธอไม่ได้ทำ ผิดอะไร ก็อย่าร้อนตัวสิ”
“นาย นาย .”
นวาระรีบสงบจิตใจลง อย่าเปิดเผยตนเองออกมาเป็นอันชาด ดังนั้นวินาทีต่อมา เธอจึงยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา ค่อยๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากพื้นอย่างไม่รีบร้อน ยิ้มแล้วพูด ขึ้น “ธนภาคคุณพูดอะไรน่ะ ฟังไม่เข้าใจเลย ฉันแค่ออกมาเดิน เล่น แล้วก็ถูกคุณพบเข้า พวกเรานี่มีวาสนากันจริงๆเลย!
เดินที่ธนภาคก็ไม่คิดที่จะงับเหยื่อของเธออยู่แล้ว จึงพูดไป อย่างกำปั่นทุบดิน “เธออย่ามาเสแสร้งเลย เธอไม่ใช่แมวป่าตัว น้อยที่สุมิตรตามหา เธอเป็นใครกันแน่? แล้วเมื่อกี้คุยโทรศัพท์ กับใคร ใช่คนที่ส่งเธอมาให้ประกบสุมิตรหรือเปล่า?”
ถูกเขาสงสัยเข้าจริงๆด้วย!
ภายในใจของนวาระตกใจเป็นอย่างมาก แต่การ แสดงออกบนสีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ ไม่รู้เรื่องราว “ธนภาคคุณไม่เป็นอะไรนะ ทำไมถึงพูดจาไร้สาระ อย่างนั้นล่ะ ทำไมฉันถึงจะไม่ใช่แมวป่าตัวน้อยสุมิตรตามหา กันล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ใช้ช่วงเวลาอยู่กับฉันในโรงแรมคืน นั้นก็คือสุมิตร ถ้าจะสงสัยฉัน ก็ควรเป็นสุมิตรที่สงสัยนะ ธน ภาคคุณไม่ไว้ใจสุมิตรอย่างนี้มันจะไม่ดีเอานะ?”
แม้ว่าการแสดงออกบนใบหน้าของนวาระจะยังยิ้มอยู่ แต่ ประโยคที่พูดออกมากลับบีบคั้นหัวใจ แต่ละคำนั้นมีเหตุผล และมือของเธอที่ซ่อนเอาไว้อยู่ข้างหลัง มันก็กำลังสั่นเทาอยู่ เล็กน้อย
“ใช่หรอ?” ธนภาคไม่ได้สั่นไหวจากการยุยงของนวาระ เลย แต่กลับยิ่งเพิ่มความมั่นใจในความคิดของตนเองมากขึ้นไปอีก “แต่หลักฐานที่ฉันเห็น มันไม่ใช่อย่างนั้น มันบอกว่า
150….
“หลัก.หลักฐาน? | หลักฐานอะไร? ! ” นวาระตกใจ ออกมาจนสีหน้าเปลี่ยนสี แต่เธอก็ไม่อาจแสดงออกมาอย่าง โจ่งแจ้งจนเกินไปได้ ทำได้เพียงพูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่ แยแส “ธนภาคคุณมีหลักฐานอะไร หลักฐานที่ฉันไม่ใช่แมวป่า ตัวน้อย? คุณอย่ามาสาดโคลนใส่ฉันนะ!
เมื่อเห็นนวาระแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งและสงบนิ่ง ธนภาคก็ หัวเราะเยาะออกมาในใจ เสแสร้งไปๆ และฉันจะดูว่าเธอจะเส แสร้งอย่างไงต่อไปอีก
ธนภาคหยิบภาพถ่ายออกมาจากในแขนของเขา ส่ายหัว ไปให้นวาระ ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ลึกอยากจะหยั่งถึงแล้วพูดขึ้น “หลักฐานอยู่ที่นี่”
เมื่อเห็นรูปภาพนั้น นวาระก็ตกใจเสียจนใบหน้าขาวซีด เธอค่อยๆเข่ามาดูใกล้ๆ จึงเห็นแต่เพียงแค่แผ่นหลัง จากนั้นจึง โล่งใจทันที “อะไรน่ะ มันก็เป็นเพียงแค่แผ่นหลังเท่านั้นเอง”
“สำหรับฉัน มันไม่ใช่เพียงแค่แผ่นหลัง” ธนภาคพูดอย่าง มั่นใจเต็มเปี่ยม “แม้ว่าจะพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่จะมันต้องมีสัก วัน ที่ฉันจะจัดการกับเธอได้”
นวาระยิ้มออกมาเบาๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน คุณธนภาค เองก็ระวังไว้ให้ดี ใส่ร้ายคนอื่นตามใจชอบอย่างนี้ มันก็ไม่เป็น ผลดีกับคุณเช่นกัน”
สุมิตรยืนอยู่ชั้นบนมองดูทั้งสองพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ช่วงบ่ายช่างดูเงียบสงบเป็นพิเศษ มันจึงเพียงพอที่จะทำให้ ได้ยินเรื่องราวที่ทั้งสองคนนั้นพูดคุยกัน
นิ้วที่มีทรงพลังของสุมิตรเคาะลงบนราวจับอย่างเป็น จังหวะ จ้องมองคนทั้งสองที่อยู่ด้านล่างอย่างครุ่นคิด
นวาระนั้นไม่อาจที่จะหลุดจากการตอแยของธนภาคใต้ ง่ายๆ เมื่อเห็นสาวใช้เดินมาบอกให้เธอไปที่ห้องของสุมิตร
หากเป็นยามปกติ นวาระจะยินดีปรีดามากเมื่อเขาได้ยิน คำพูดนี้ แต่ทว่าหลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้ว มันจึงทำให้ภายใน ใจของนวาระเกิดความตื่นตระหนก
คงไม่ใช่ว่าสุมิตรจะสงสัยในตัวเธอหรอกนะ!
นวาระเดินมาถึงหน้าห้องของสุมิตรอย่างไม่สบายใจ เคาะ ประตูเบาๆ เสียงลอบมาจากด้านใน “เข้ามาได้”
เปิดประตูออก นวาระเห็นว่าภายในห้องดูมืดสลัวเป็น พิเศษ ตอนแรกสุมิตรลากผ้าม่านลงมา และปิดไฟจนหมด แสง ที่มืดสลัวนั่นทำให้นวาระมองเห็นแต่เพียงเงาจากแผ่นหลังของ สุมิตรที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง
“สุมิตร ทำไมไม่เปิดไฟล่ะ? มันมืดจัง”
สุมิตรไม่หยุดยั้ง รอจนไฟเปิดครบทุกมุมห้อง จึงหันตัว กลับมา จ้องมองนวาระอย่างไม่มั่นใจ ริมฝีปากที่เบาบางเปิด ออกมา ค่าพูดที่พูดออกมาทำให้นวาระตัวสั่นออกมาอย่างอดไม่ได้ “นวาระไม่ใช่ว่าเธอมีเรื่องปิดบังผมอยู่หรอ..”