พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 115
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอน115ผมไม่มีที่อยู่ในใจคุณสักนิด
เลยหรอ
ตอนที่ 115 ผมไม่มีที่อยู่ในใจคุณสักนิดเลยหรอ?
ตอนที่จันวิภากลับมาถึงบ้าน ก็พบว่าสาวใช้ที่มักกันอยู่ เต็มห้องโถง ในตอนนี้กลับไม่เห็นสักคน มีเพียงแค่บอดี้การ์ด สองคนที่อยู่หน้าประตู กับสุมิตรที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟาโดยที่ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
พึ่งจะเดินเข้ามา จันวิภาก็ได้ถูกบรรยากาศที่กดดัน ภายในห้องทำให้ตกใจ แล้วรู้สึกได้ลางๆว่าจะต้องมีเรื่องอะไร เกิดขึ้นอีกแน่
หลังจากที่บอดี้การ์ดทั้งสองรอจนเธอเดินเข้ามาแล้ว จาก นั้นจึงเดินเข้ามาแล้วมัดมือของเธอเอาไว้ข้างหลัง กดให้เธอลง ไปคุกเข่าอยู่ต่อหน้าสุมิตร
เข่าถูกบดขยี้และกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนเจ็บ จันวิภา อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศที่เย็นยะเยือกเข้ามา แล้วตะโกนใส่บอดี้ การ์ดทั้งสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอ “พวกนายทำอะไร! ”
แต่กลับมีเพียงความเงียบ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจเธอ จันวิภาจึงหาสายตาของเธอ ไปทางสุมิตร นี่มันเป็นภาพที่ไม่น่ามอง จันวิภาถอยหลงออกไป อย่างหวาดผวา
สุมิตรก้มหน้าลง มีอทั้งสองประสานกันไว้ใต้คาง ตอนที่ จันวิภาจะแหงนหน้าขึ้นมองเขานั้น สุมิตรก็แค่เอาหน้าหันไป ทางเธอ ครั้งนี้ จันวิภาเห็นใบหน้าด้านที่น่ากลัวของสุมิตรเข้า เสียแล้ว
บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่เหมือนกับกำลังหัวเราะเยาะ ดวงตาของเขาที่อดนอนมาทั้งคืนมันช่างแดงก่ำจริงๆ หนวด บริเวณริมฝีปากที่ยังไม่ได้โกน ทันใดนั้นเองสุมิตรก็หันมามอง จันวิภา ซึ่งมันทำให้ฉันวิภาตกใจจนถึงขีดสุด
สุมิตรในตอนนี้ เหมือนฆาตกรบ้าที่อยู่ในหนัง
จันวิภาคิดว่าเขาคงจะไปโดนอะไรกระตุ้นมาอีกแล้ว จึงได้ ส่งความโกรธแค้นมาหาเธอ แต่สุมิตรกลับไม่ใช่ เขาทำเพียง แค่มองเธอด้วยรอยยิ้มแปลกๆ
เป็นเวลานาน สุมิตรก็ได้เอ่ยถามขึ้นอย่างเงียบๆ “เมื่อกี้ เธอไปเจอกับนราวิชญ์มาหรอ?”
สุมิตรเป็นคู่อริของนราวิชญ์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ยิ่งไป กว่านั้นนี่ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ แน่นอนว่าจันวิภาไม่สามารถบอก ความจริงกับเขาได้ ทำได้เพียงแค่ส่ายหัวแล้วพูดออกไป “เปล่า ฉันแค่ออกไปเดินเล่นแก้เซ็ง”
เมื่อได้ยินดังนั้น สุมิตรจึงหันกลับมามองอีกครั้ง นัยน์ตา ส่องประกายแสงที่แปลกประหลาดอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จันวิภาจะ พบ แสงนั่นก็ได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว “งั้นหรอ? คิดว่าเธอไป ก็คงจะได้เห็นฉากสุดท้ายของเขา” ใบหน้าของสุมิตรนึ่งสงบ จันวิภาไม่คุ้นชินเลยจริงๆ เธอรู้จักกับ สุมิตรมานานขนาดนี้ ก็ยังไม่เคยเห็นเขาปฏิบัติต่อเธออย่าง สงบนิ่งเช่นนี้มาก่อน
และคำพูดของสุมิตรทำให้จันวิภากังวลเป็นพิเศษ เธอมอง เขาอย่างตรึงเครียด แล้วเอ่ยถามขึ้น “นายหมายความว่าไง?”
สุมิตรลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะเดินออกไป แล้วพูดออก มาลอยๆ “ไม่มีอะไร ฉันพูดไปแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปแน่”
สุมิตรยิ่งเงียบสงบ ยิ่งทำให้จันวิภาปั่นป่วน ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เขาพูดทำให้จันวิภากลัวจนเนื้อเต้นจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะ ถามอย่างตอแย “ความหมายนายคือนายคิดจะฆ่าเขา? ! ”
สุมิตรหันไปยิ้มอย่างยากจะคาดเดาให้กับจันวิภา จากนั้น
จึงค่อยๆเดินออกไป
มองไปที่แผ่นหลังของสุมิตร จันวิภาตะโกนอยู่ที่ด้านหลัง อย่างรีบร้อน “สุมิตร! นายบ้าไปแล้ว! ฆาตกรเป็นใครยังไม่ ใต้ตรวจสอบให้ชัดเจน! นายก็จะฆ่านราวิชญ์ซะแล้ว! พี่นรา วิชญ์เป็นคนบริสุทธิ์ ! นายอย่าฆ่าเขานะ! ”
แต่อย่างไรก็ตามที่เหลืออยู่กลับมีแค่เพียงแผ่นหลังของสุ มิตรเท่านั้น
จันวิภารีบร้อนที่จะตามไป เสียดายที่ด้านหลังมีชายร่าง ใหญ่สองคนกดเธอไว้จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ จันวิภาทำได้ เพียงแค่กัดฟัน และฉวยโอกาสตอนที่สุมิตรยังเดินออกไปได้ไม่ ใกลมากนักตะโกนเรียก “นราวิชญ์ไม่ได้ฆ่านวาระจริงๆนะ ฉัน สามารถไปหาชายหน้ากากเงินคนนั้นได้..”
คำพูดที่เหลือได้ถูกจันวิภากลืนมันลงคอไป เพราะว่าสุ มิตรได้เดินไปไกลแล้ว จนไม่เห็นเรือนร่าง ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนที่กดเธอเอาไว้ได้ปล่อยเธอออก
จากการควบคุม
จันวิภานั่งลงบนพื้นอย่างงุนงงอยู่นาน นึกย้อนกลับไป ตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องราว
มิน่าล่ะ มิน่าล่ะวันนี้สุมิตรถึงได้นิ่งเงียบกับเธอเช่นนี้ ที่แท้ ก็คิดเรื่องนี้! ไม่ได้! เธอไม่อาจให้สุมิตรฆ่านราวิชญ์ได้เป็น อันขาด เธอต้องล้างมลทินให้นราวิชญ์ !
ใช่แล้ว! ไปหาชายหน้ากากเงินคนนั้น มีเพียงเขาเท่านั้น ที่สามารถเป็นพยานให้นราวิชญ์ได้ ว่านราวะไม่ได้ถูกนราวิชญ์ ฆ่าตาย!
เมื่อคิดเช่นนี้ จันวิภาจึงรีบลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วตัดสินใจ
เดินออกประตูไป
เธอเดินตามทางที่หนีมาในวันนั้น จึงได้หาคฤหาสน์ของสุ พจน์เจออีกครั้ง บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูจำเธอได้ หนึ่งในนั้น ก็คือบอดี้การ์ดที่ถูกเธอวางยาถ่าย จึงรีบเข้าไปรายงานกับสุ พจน์ทันที
เพียงไม่นาน บอดี้การ์ดที่เข้าไปรายงานก็เดินออกมาที่ หน้าประตู แล้วพาจันวิภาเข้าไป
เดินที่บรรยากาศมันควรจะน่าอึดอัดเป็นอย่างมาก แต่ใจ ของจันวิภาในตอนนี้แขวนไว้อยู่บนร่างกายของสุพจน์ จึงไม่มี เวลาคิดเรื่องอื่น
ครั้งนี้เมื่อเห็นสุพจน์ เขานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้อง อ่านหนังสือ มันเพิ่มความสบายๆ ให้กับรูปลักษณ์ที่หล่อของ เขา
หลังจากที่จันวิภาเข้ามา เขาที่กำลังทำงานอยู่ก็หยุดลง มือข้างหนึ่งของสุพจน์ถูไปที่คาง จ้องมองจันวิภาแล้วหัวเราะ ออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง….”
นี่ทำให้จันวิภาอึดอัดอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเธอนึกถึงจุดมุ่ง หมายที่มาในวันนี้ จึงรีบพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ที่ฉัน มาในวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะถามนาย”
“อ๋อ?” สุพจน์ทำท่าประหลาดใจ เขาชี้ไปที่โซฟา แล้วพูด “เชิญนั่งก่อนเถอะ อะไรคือเรื่องใหญ่ที่ว่า ที่ทำให้เธอกลับมาส ถานที่แห่งนี้ซึ่งยากจะหลบหนีอีกล่ะ”
ฟังคำพูดเยาะเย้ยในน้ำเสียงของสุพจน์ จันวิภาแสยะยิ้มที่ มุมปาก แล้วพูดออกไปอย่างจริงจัง “ไม่ต้องแล้ว ที่ฉันมาในวัน นี้เพราะอยากจะถามให้ชัดเจน เรื่องที่นวาระตายที่แท้มันเกิด อะไรขึ้นกันแน่ ครั้งที่แล้วนายช่วยฉันเอาไว้ จากนั้นเธอตายได้ อย่างไงล่ะ?”
“เธอพูดถึงนวาระนี่เอง” เอ่ยถึงนวาระ สุพจน์ก็ยักไหล่ขึ้น มาอย่างไม่แยแส แต่ปากกลับพูดคำพูดที่โหดร้ายหาใดเปรียบ “เธอต้องการจะลงมือกับคุณ ต้องการให้คุณตาย ผมก็เลยไม่ ให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปไงล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของจันวิภาก็เปลี่ยนไป จ้องเขม็ง มองสุพจน์แล้วถามอย่างตอแย “เป็นนายทำจริงๆหรอ?”
สุพจน์พยักหน้ายอมรับ
“บ้าเอ้ย! ไม่ได้การ! นายรีบตามฉันไปหานราวิชญ์เร็ว เข้า! ไม่ ยังต้องไปเจอสุมิตรอีก! ตอนนี้สุมิตรเข้าใจนรา วิชญ์ผิด เขาจึงอยากจะฆ่านราวิชญ์! ” พูดไปพลาง จันวิภาก็ รีบถลั่นเข้าไปข้างๆสุพจน์ จับมือของเขาเอาไว้และลากเขาขึ้น
มา
“นายไปกับฉันไปอธิบายให้ชัดเจน ว่าเรื่องนี้นราวิชญ์ไม่
ได้ทำ! ”
สีหน้าของสุพจน์หม่นหมอง เขาผละมือออกจากมือเล็กๆ ของจันวิภา พูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศกอยู่เล็กน้อย “ทำไมเธอ ถึงแคร์นราวิชญ์ขนาดนั้น?”
เมื่อได้ยินดังนั้น จันวิภาจึงมองสุพจน์อย่างตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ สุพจน์จึงยิ้มแล้วส่ายหัว ท่าทางราวกับได้ รับบาดเจ็บ แล้วพูดขึ้นมา “ผมขอปฏิเสธ”
จันวิภาตกใจจนพูดไม่ออก คนๆนี้ชอบเล่นตลกในช่วง หน้าสิ่วหน้าขวานหรืออย่างไร
ตอนนี้การช่วยคนต้องรีบเร่ง ! และเมื่อดูท่าทีของสุมิตร ก่อนที่จะออกประตูไป เขาไม่ปล่อยนราวิชญ์ให้รอดแน่ เวลาไม่ รีรอ ยิ่งสุพจน์รีบออกมาชี้แจงเร็วเท่าไหร่! นราวิชญ์ก็ยิ่ง อันตรายน้อยลงเท่านั้น!
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้จักชื่อของนาย แต่ฉันขอร้องนายล่ะ ช่วย ฉันหน่อยได้มั้ย? ถ้านายไม่ช่วยฉัน พี่นราวิชญ์จะต้องตาย แน่! ” จันวิภาขอร้องอย่างขมขื่น มันแทบจะไม่มีใครที่คุกเข่า ลงขอความเมตตาจากสุพจน์เลย
เมื่อเห็นจันวิภาพยายามอย่างสุดชีวิตขนาดนี้ แม้ว่า ตนเองจะอับอาย แต่สุพจน์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ทำไม เธอถึงสนใจว่าสุมิตรจะลงมือกับนราวิชญ์ขนาดนั้น ที่แท้ก็ไม่ กังวลว่าสุมิตรจะรู้เลยว่าผมฆ่านวาระ และมาลงมือกับผมงั้น หรอ? ในใจของคุณ ไม่มีที่ให้ผมอยู่สักนิดเลยหรอ?”