พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 127
คอนที่ 127 นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนาย
ชีวิตของธนภาคในตอนนี้ดูเหมือนจะโกรธอยู่ไม่น้อย ปกติแล้วเขามักจะอ่อนโยนและง่างามอยู่เสมอ เขาสุภาพมาก สียจนไม่รู้ว่าตอนโกรธจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ จันวิภาไม่เคย เห็นธนภาคที่เป็นเช่นนี้มาก่อน
บรรยากาศที่น่าตกตะลึงและสีหน้าที่เยือกเย็น ทำให้เขาดู เหมือนกับเป็นคนละคน
เพื่อนของสุมิตร ไม่มีใครธรรมดาเลยจริงๆ
ชุติเดชที่โดนต่อยเสียจนหน้าบวมแดงโกรธถึงขีดสุด แต่ ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่ เล็กจนโตไม่ว่าใครต่างก็อยู่ในกำมือของเขา แต่ชายที่อยู่ตรง หน้าคนนี้คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าต่อยเขา! ชุติ
“แก.แกรอก่อนเถอะ! ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่ เดชพูด ลุกขึ้นยืนแล้วคิดที่จะเดินออกไปข้างนอก
! ”
“รอเดี๋ยว! แกจะบอกมั้ยว่าใครส่งแกมา?” ธนภาคเตะไป ที่ก้นของชุติเดช ชุติเดชส่งเสียงอวดครวญออกมา พึ่งจะลุกขึ้น มาได้ก็ต้องล้มลงกับพื้นอีกแล้ว
แม้ว่าใบหน้าของชุติเดชจะขายขี้หน้าไปจนหมดแล้ว เขาก็ ยังตะโกนด่าออกมาทันที “ไอ้เด็กน้อย! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้า เตะดูดพ่อของแก! จะพูดอีกครั้งนะ ฉันไม่ไม่ได้ทำอะไร! แกมี สิทธิ์อะไรมาต่อยฉัน! ”
“นี่ไม่ได้เรียกว่าทำอะไรหรอ?” ใบหน้าของธนภาคเย็นยะ เยือก เขาเตะตูดชุติเดชอีกหนึ่งที แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “อย่า คิดว่าแกเป็นประธานของบริษัทวงษ์วริศกุลแล้วฉันจะกลัวแกนะ ฉันจะบอกแกให้ เรื่องในคืนนี้ถ้าฉันเอามันไปบอกกับสุมิตร ต่อ ไปภายหน้านายอยู่ไม่สุขแน่!
ชุติเดชกำลังโกรธจัด เขาอยากที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับ ชายที่บ้าคลั่งที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ข่มขู่เขา และพูดอย่างไม่เลือก คำพูด “ถุย! สุมิตรแล้วจะทำไม! ฉันจะบอกนายนะ เพื่อน ของพ่อฉันเป็นนายกเทศมนตรี! แค่พ่อฉันพูดออกมาคำหนึ่ง ฉันก็สามารถทำให้สุมิตรอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้แล้ว! ”
“อ๋อ?” เสียงทั้งสองดังขึ้นมาพร้อมกัน มันดังมากจากทั้ง ข้างหน้าและข้างหลังของชุติเดช
ชุติเดชได้ยินเสียงอีกเสียงหนึ่งที่อยู่ในห้อง เขาก็รีบเงย หน้าขึ้นมาอย่างตกใจ มองธนภาคที่อยู่ตรงหน้าอย่าง ตะชิดตะขวงใจ และหันหน้ากลับไปมองชายที่อยู่ข้างหลังอย่าง ลังเลใจ..
เมื่อเห็นเงาของชายที่มีรูปร่างสง่างามยืนอยู่หน้าประตู ห้องผู้ป่วย ชุติเดชคุกเข่าลงกับพื้นแล้วมองเขา เงาของชายคน นั้นสูงส่งราวกับเทพเจ้าอย่างไรอย่างนั้น ทำให้คนที่เห็นเท้า อ่อนปวกเปียกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว
ยอมจำนนต่อเขา
เพราะแสงไฟที่อยู่ข้างหลัง ทำให้ชุติเดชมองใบหน้าของ ชายคนนั้นได้ไม่ชัด รู้สึกแต่เพียงว่าตนเองหวาดกลัวชายคนนี้
จากกันบึ้งของหัวใจ ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกละอายใจต่อตนเอง! ขณะนี้ชุติเดชจึงได้พูดตะโกนออกมาเสียงดังอย่าง ห้าวหาญ “แกเป็นใคร!
น้ำเสียงสิ้นสุดลง ไฟในห้องถูกเปิดขึ้นมา วินาทีต่อมา
ดวงตาที่เล็กๆของชุติเดชก็ได้เปิดกว้างขึ้น เขาี้นิ้วมือไปยัง ชายคนที่อยู่ตรงประตู ในปากพูดจาออกมาไม่ชัดและสั่นเทา “แก.แก..คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแก!
สุมิตรยิ้มขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม เดินมาอยู่ต่อหน้าของชุติ เดช ย่าไปตรงแขนของเขาที่ยกขึ้นมา ฟังชุติเดชกรีดร้องอย่าง น่าเวทนาด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดจาออกมาอย่างจองหอง
“ใช่ ฉันเอง”
โลกในปัจจุบันมีคนเพียงไม่กี่คนที่กล้าพูดเรื่องเลวร้ายที่ อยู่เบื้องหลังของเขา สามรถพูดคำที่โหดเหี้ยมออกมาต่อหน้า เขาแล้วทำให้เขาไม่อาจปล่อยละเลยไปได้ นี่เป็นครั้งแรกที่สุ มิตรได้ยินคนที่กล้าพูดถึงขนาดนี้
“อาก-สุ.สุมิตร ขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ ที่พูดเมื่อกี้ ชุติเดชรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง กระดูกถูกกดทับและขยีด้วย
นี้ฉันไม่ได้ตั้งใจ! อ้ากก! ! ! ” มือถูกสุมิตรเหยียบไว้ได้ขา ฝ่าเท้าที่แข็งแกร่ง ความเจ็บปวดเช่นนั้นมันยากที่จะพูด บรรยายออกมาได้ ชุติเดชรู้สึกว่าแขนเหมือนจะไม่ใช่ของ ตนเองอีกต่อไปแล้ว!
ชุติเดช ณ ตอนนี้ ไฉนเลยจะมีท่าทางที่ทื่นกระหายเหมือน เมื่อครู่ตอนที่พึ่งเข้ามาอยู่อีก
เขากำลังถูกฝ่าเท้าของสุมิตรเหยียบย่ำเอาไว้อยู่ ดูจน ตรอกเป็นอย่างยิ่ง ขอไว้ชีวิตก็ไม่ได้ ขอให้ตายก็ไม่มีทาง!
“ฉันพูดจริงนะ! สุมิตร.ได้โปรด! ยกโทษให้ฉัน เถอะ! ปากฉันไม่ดี ฉันสมควรแล้ว! ฉันจะตบปากตัวเอง! ฉันมันไม่เจียมตัว! ” เมื่อเห็นสุมิตรไม่มีท่าทีว่าจะยกโทษให้ = เขา หลังจากชุติเดชขอความเมตตา เขาจึงรีบตบปากตัวเองไป สองสามที ร้องไห้ออกมาแล้วพูด “สุมิตร นายท่าน! คุณดูสิ ผมตบปากตัวเองอย่างนี้แล้ว! คุณปล่อยผมไปเถอะ ฮือๆๆ ผม คุกเข่าให้คุณแล้ว!
ชุติเดชทั้งตบปากตัวเองแล้วคุกเข่าลงไป ท่าทางเช่นช่าง น่าหัวเราะจริงๆ แต่ทว่าในตอนนี้นอกจากจะทำเช่นนี้แล้ว เขาก็ ไม่มีวิธีการอื่นอีก
ไม่ว่าจะอยู่ในห้างหรือโลกใต้ดิน ทุกคนรู้ซะตากรรมของ การล่วงเกินสุมิตร ไม่ใช่ว่าจะตายแบบไม่มีผู้สืบทอดแต่เป็น ชีวิตที่ตายแบบครึ่งหนึ่ง ผู้คนยังไม่ตายอย่างน้อยก็ชีวิตของคน ที่เหลืออยู่ก็จบลง
ดังนั้นแม้ว่าสมองของชุติเดชจะยุ่งเหยิงหาใดเปรียบ ภายในใจยังมีอีกวิธีการหนึ่ง ก็คือขอความเมตตา! ถ้าสุมิตร อารมณ์ดี ก็จะปล่อยเขาไป
โดยทั่วไปในขณะที่ขอความเมตตา ยังคงมีความโกรธ เคืองอยู่ในใจอยู่ มันเป็นไปได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเขา วางแผนมาดีแล้ว และรู้ด้วยว่าคืนนี้สุมิตรจะต้องไปเข้าร่วม ธุรกิจบันเทิงที่สำคัญ ไม่มีทางที่จะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้
อย่างไรก็ตามแผนที่ถูกจัดการไว้ทั้งหมด ในตอนนี้ได้ถูก ทำลายเสียจนสิ้น! ทำไมกัน? !
มองดูชุติเดชที่กำลังร้องขอความเมตตา สุมิตรยังคง สีหน้าหม่นหมอง เขาย้ายเท้าที่ย่ำอยู่บนมือของชุติเดชออก เพียงพริบตา เท้าก็ค่อยๆยกขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเตะไปที่เป้า กางเกงของชุติเดชอย่างแม่นยำ!
“อ๊ากกกกก! ! ! !!”
เสียงร้องอันน่าเวทนาดังออกมาอย่างแสบแก้วหูไปทั่วทั้ง ห้อง ชุติเดชขดตัวลงจนแน่น ใช้มือที่ใช้ได้เพียงมือเดียวกุม ร่างกายด้านล่างเอาไว้ มันปวดเสียจนร้องออกมาอย่างเวทนา ดวงตาแทบหลุดออกมา
ชุติเดชคำนวณผิดแล้ว ดูถูกตำแหน่งของจันวิภาที่อยู่ใน ใจของสุมิตรต่ำเกินไป
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เมื่อได้ยินว่ามีผู้ชายลงมือกับจันวิภา เขาก็ทำเพียงแต่หัวเราะอย่างไม่แยแส แต่ตอนนี้ เขาไม่ยอมให้ มีใครมาแตะต้องจันวิภา ใครจะแตะต้องไม่ได้ หากมีคนกล้า แตะ คนๆนั้นก็ต้องชดใช้อย่างสาสม!
การเตะของสุมิตร ท่าให้ชีวิตแห่งความสุขครึ่งหลังของชุติ เดชถูกทำลายลงจนสิ้น
“ที ไอ้ลูกหมา ไสหัวไป! ” สุมิตรตวาดอย่างเยือกเย็น ใน ตอนนี้ชุติเดชเจ็บปวดเสียจนไม่อาจดูแลตัวเองได้ เขาคลาน ออกมาจากห้องผู้ป่วย
ภายในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความกลัว กลัวว่าสุ มิตรจะเปลี่ยนใจแล้วหันมาเอาชีวิตเขาแทน
แต่สิ่งที่ทำให้ชุติเดชคิดไม่ถึงเลยก็คือ ตอนที่เขาทนความ เจ็บปวดคลานออกมาจากห้องผู้ป่วย ร่างกายก็ได้ถูกคนลากไป ลากไปอีกทางหนึ่ง เขาจะถูกลากไปที่ไหนกัน มันจะมีจุดจบ แบบไหนกัน นั่นก็ไม่อาจที่จะพูดได้….
หลังจากที่ชุติเดชถูกคนลากออกไป ภายในห้องก็กลับมา เงียบสงบอีกครั้ง มือทั้งสองข้างของสุมิตรจับกันจนแน่น อันที่ จริงแล้วเมื่อครู่นี้เขาต้องการที่จะแก้แค้นชุติเดชที่นี่ แต่เมื่อคิด ว่าจันวิภายังอยู่ที่นี่ ถ้าเธอเห็นการนองเลือด มันจะไม่ค่อยดีนัก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สุมิตรก็เดินไปดูจันวิภาที่เตียง จึงพบว่า เธอกำลังหลับอย่างสงบ มันสงบเสียจนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิด ขึ้น
เป็นไปได้อย่างไง เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นี้เสียงดังเอะอะ ขนาดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่ทำให้เธอตื่น? ! สุมิตรพบสิ่งผิดปกติเข้าให้แล้ว จึงรีบเดินไปดูจันวิภา พอ มองดูก็ไร้ซึ่งความกังวล หลังจากที่มองแล้วสุมิตรกลับคิด อยากฆ่าคนมากขึ้นไปอีก