พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 172
ตอนที่172การยั่วยุของเจริญศรี
“เธอหยุดก่อน! ! ! “สายตาของเจริญศรีจ้องมองมา
ด้วยความโกรธ
จนวิภากับพัชรีอึ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันหน้ากลับมามอง เธอด้วยความประหลาดใจเห็นเพียงเจริญศรีชี้นิ้วมายังเสื้อผ้าที่ จันวิภาสวมใส่แล้วพูดออกมาอย่างไม่พอใจเสื้อผ้าที่เธอสวม อยู่ฉันมองเอาไว้ก่อนแล้วเธอเอามันไปไม่ได้มันเป็นของฉัน! ”
จันวิภาขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีจ้องมองเจริญศรีผู้หญิงคนนี้
ช่างไร้เหตุผลเสียจริงถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าธนภาคเธอก็ เกียจที่จะดูแลคนทั้งสองที่ป่วยเป็นโรคประสาทนี้แต่ว่า…ถ้า ตอนนี้มันหลุดออกไปเมื่อถึงเวลาก็คงจะมองธนภาคไม่ติดแน่
ธนภาคช่วยเรื่องวุ่นวายของเธอไว้เยอะแยะมากมายใน วิภาไม่อยากจะทำให้เขาลำบากเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
ตอนนี้จนวิภาใต้องตะลึงไปหยิบเสื้อผ้าชุดอื่นขึ้นมาเลือก อย่างลังเลแล้วพูดออกมาเบาๆ “งั้นฉันจะไปเปลี่ยนชุดแล้วกัน เมื่อกี้นี้ฉันก็ได้ลองไปแล้วฉันชอบชุดนี้แหละ!
เธอพูดไปพลางปล่อยมือที่ดึงพัชรีเอาไว้หุ้นตัวแล้วคิดที่จะเดินไปข้างๆ
“ไม่! เธอหยุดนะ! ”
แต่ทว่าเจริญศรีกลับไม่ได้ต้องการที่จะปล่อยให้จนวิภาไป เธอไปยังสูทชุดนั้นที่จันวิภาถือเอาไว้อย่างจองหองน้ำเสียง แหลมอยู่เล็กน้อย สูทชุดนั้นฉันก็มองเอาไว้ก่อนแล้วเธอเอาไป ไม่ได้!
จันวิภาขมวดคิ้วเริ่มที่จะเหลือทนแล้วในตอนนี้หากเธอไม่ อาจตระหนักถึงสิ่งที่เจริญศรีต้องการจะทำได้ก็คงจะนับว่าโง่ จริงๆ ดังนั้นจึงชี้ไปที่เสื้อผ้าตัวอื่นแล้วเอ่ยถามตรงๆ เสื้อผ้าตัวนี้ เธอก็ดูไว้แล้วหรอ?”
นั่นเองเจริญศรีเงยคางขึ้นอย่างจองหองแล้วพูดจาออกมา อย่างโอหัง”ใช่ตัวนั้นฉันก็จองแล้ว!
ครั้งนี้แม้แต่คนโง่ก็มองออกว่าเจริญศรีต้องการที่จะหา เรื่องทะเลาะเธอเห็นนวิภาสวยขนาดนั้น ในใจจึงอิจฉาและไม่ พอใจดังนั้นจึงจงใจที่จะขัดแย้งกับเธอ
ภายในใจของฉันวิภาเองก็ไม่ได้รำคาญอะไรเธอหัวเราะ ออกมาอย่างเยาะเย้ยยกไหล่ขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เพราะ มาก” ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นฉันจะรอให้คุณเลือกเสื้อผ้าเสร็จก่อน จากนั้นฉันค่อยเลือกแล้วกัน”
เมื่อได้ยินว่าเธอยอมแพ้ใจที่หยิ่งยโสของเจริญศรีจึงฟัง พอใจเป็นอย่างยิ่งเธอพอใจแล้วแต่กลับมีใครบางคนไม่พอใจ
พัชรีที่อารมณ์ร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอโกรธเสียจน อยากที่จะพุ่งเข้าไปตบเจริญศรีผู้หญิงที่ไร้ยางอายคนนี้เสียจริง แต่กลับโดนนวิภาขัดขวางเอาไว้อยู่เสมอไม่ให้เธอพุ่งออกไป
เกมที่ดียังมีตอนท้ายอยู่อีก! จันวิภาส่งสายตาให้พัชรี
จริงๆแล้วจันวิภาก็ไม่มีประโยชน์อะไรเธอรู้ถึงอารมณ์ของ สุมิตรที่มากขึ้นหรือน้อยลงเจริญศรีที่เป็นเช่นนี้คือสิ่งที่น่า อับอายที่สุดสําหรับเขาเธอเห็นหน้าเขามานานแล้วว่ามันดูแย่ ราวกับขี้เถ้าอย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้นต่อมาจึงได้เห็นสุมิตรสะบัดมือของเจริญศรีที่เกาะ แขนของเขาเอาไว้อย่างแรง ใบหน้าหม่นหมองหันตัวเดินออก จากร้านไปโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
สุมิตรโกรธเป็นอย่างมากภายในใจอึดอัดนางผู้หญิงโง่ เจริญศรีน่าขายหน้าจริงๆ เครื่องวัดอยู่ในจุดที่ต่ำสุดแล้วถูกผู้ เล่นคนอื่นปรบมือให้อย่างไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นสุมิตรเดินออกไปแล้วเจริญศรีจึงตระหนักได้ว่าเขา โกรธเข้าจริงๆเสียแล้วทันใดนั้นเองจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้น มาเรื่องที่ตนเองจึงได้กระทำลงไปเมื่อสักครู่นี้ได้ถูกเขา เห็น…..เวรจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำสิ่งที่ได้มารยาทขนาด นี้ต่อหน้าสุมิตร
สุมิตรต้องทิ้งเธอไปแน่
“สุมิตรฉันผิดไปแล้วคุณรอฉันด้วย…….เจริญศรีตะโกน แล้ววิ่งออกไปอย่างพะว้าพะวังก่อนจะออกไปเธอหันหน้ากลับ มามองจันวิภาอย่างเปี่ยมไปด้วยความประสงค์ร้าย
…จันวินายกมุมปากยิ้มออกมาเบาๆไม่รู้สึกรู้สาอะไร มองดูท่าทางของสุมิตรที่ทั้งโกรธและขายขี้หน้ามันช่วยบรรเทา ความโกรธได้ดีจริงๆ
รอจนทั้งสองคนเดินออกไปบรรยากาศที่เดือดปุดๆของ พัชรีจึงจะผ่อนคลายลงเธอรีบมองไปยังจันวิภาด้วยความไม่ พอใจแล้วพูดออกมาด้วยความโกรธ เมื่อกี้นี้เธอมาขวางฉัน ทำไม?ถ้าเธอไม่ขวางฉันนะฉันก็จะได้ไปกระชากหน้าของไอ้ ผู้ชายสารเลวคนนั้นแล้ว!
“ฮูสุมิตรเสียความทรงจำไปแล้ว………วิภายักไหล่สาย หัวไปทางพัชรีอย่างไม่รู้จะทำอย่างไงต่อมาจึงได้เล่าเหตุการณ์ ว่าทำไมสุมิตรถึงได้เสียความทรงจำให้พัชรีฟังทั้งหมด
“ที่พูดมานี่เขาที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เป็นความรับ ผิดชอบของเธอนะ” หลังจากที่พัชรีฟังจบแล้วพยักหน้าอย่าง เสียแรงเปล่า
“อืมใช่………วิภาไม่อยากที่จะยอมรับแต่จะไม่ยอมรับ ไม่ได้ภาพที่อยู่ในสมองราวกับจะย้อนกลับไปในโรงพยาบาล เมื่อหกปีที่แล้วตอนที่เธอกระโดดหนีสีหน้าของสุมิตรก็ได้โกรธ อย่างถึงที่สุด ดังนั้นฉันก็เลยไม่อยากให้สุมิตรนึกขึ้นมาได้และ ไม่อยากกลับไปในสถานการณ์เมื่อหกปีก่อนนั่นอีกแล้ว……..เธอพูดไปพร้อมกับสวมเสื้อผ้าจากนั้นจึงเดินไปที่เคาเตอร์เพื่อ
จ่ายเงิน
เรื่องราวของเมื่อหกปีก่อนพัชรีรู้และเธอก็เข้าใจว่าฉันวิภา กังวลเรื่องอะไรทันใดนั้นเองก็ได้กุมมือเล็กๆของเธอเอาไว้จน แน่นแล้วพูดอย่างแน่วแน่”จันวิภาเธอวางใจเถอะฉันจะไม่มีวัน ทำเรื่องที่ทําให้เธอต้องลำบากแน่นอน! ”
“พัชรี…..เธอนี่จริงๆ! ”
จันวิภาอดไม่ได้ที่จะพูดแล้วหัวเราะออกมาเพื่อนที่ดีที่สุด กลับมาอยู่ข้างกายเธอแล้วชีวิตยังจะมีอะไรให้ต้องเสียใจอีกล่ะ สิ่งเลวร้ายเพียงอย่างเดียวก็คือลูกชายของเธอ!
หลังจากคิดเงินเสร็จทั้งสองคนจึงเดินออกไปหาอะไรกิน จันวิภาเดินไปพร้อมกับพูดคุยเรื่องใหม่ๆกับพัชรีทั้งยังเล่าถึง ชีวิตของตัวเองที่ออกไปอยู่นอกประเทศสองสามปีนี้และเรื่องที่ ทำไมตนเองถึงต้องกลับมาที่ประเทศออกมา
หลังจากฟังจบดวงตาทั้งสองของพัชรีก็เปล่งประกายออก มาเธอมองจันวิภาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นแล้วพูดตะโกนออก มา”ว้าวฉลาดจริงๆตอนที่เธอหาลูกเจอก็มากลับมาให้ฉันดู หน่อยนะ! ฉันอยากให้เขาเป็นลูกเลี้ยงน่ะ! จากนั้นฉันก็จะได้ เป็นแม่เลี้ยงแล้ว!”
แม่เลี้ยง…..อเลี้ยง…….
ดูเหมือนจนวิภาจะจำได้ว่าชนภาคเองก็พูดว่าอยากจะรับ เด็กไว้เป็นลูกเลี้ยงทําไมเพื่อนรักของเธอต่างก็สนใจเรื่องนี้กันจันวิภายิ้มขึ้นมาทันทีพยักหน้าแล้วพูดได้รอฉันหาเขา เจอแล้วเธอก็ค่อยถามอีกครั้ง…….าเขาจะยอมรับเธอเป็นแม่ เลี้ยงมั้ย”
“เขากล้าไม่รับหรอ?”พัชรีถลึงตาด้วยความโกรธหัวเราะ แล้วพูดออกมา “ถ้าเขากล้าไม่ยอมรับฉันจะสอนบทเรียน ให้ เจ้าเด็กบ้านอย่างแน่นอนเธอจัดการเขาไม่ได้หรอกแต่ฉันไม่แน่ แล้วก็อย่ามองว่าฉันเป็นใคร!
จันวิภาหัวเราะออกมาเบาๆ พัชรีที่มีท่าทางที่เด็ดขาดยัง ไม่มีใครที่เธอไม่สามารถจัดการได้
อารมณ์ของพัชรีดีมากท้องของเธอก็หิวแล้วดังนั้นจึงพูด ขึ้น “เอาล่ะพวกเรารีบไปหาอะไรกินกันเถอะใช่แล้วร้านราเม็งที่ เราเคยไปเมื่อก่อนตอนนี้ยังเปิดอยู่แหละ! เธอไม่กลับประเทศ มาซะนานคงจะไม่ได้กินราเม็งแสนอร่อยมานานเลยสิท่าพอดิบ พอดีกับที่ช่วงนี้ฉันคิดถึงมันงั้นพวกเราไปกินกันเถอะ”
คิดถึงรสชาติของเมื่อก่อนจันวิภาพยักหน้าทั้งสองยืนอยู่ ข้างถนนและรอรถแท็กซี่
ในระหว่างรอรถทันใดนั้นจู่ๆก็มีชายที่แต่งกายสุภาพ เรียบร้อยปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างๆเดิมที่ชายคนนั้นน่าจะต้อง ออกไปแล้วหลังจากจ้องมองจันวิภาที่อยู่ข้างๆเขาก็หยุดลง ทันทีและมองเธออย่างละเอียดอ่อน
นวิภาคิดว่าเขาเองก็กำลังรอรถเช่นเดียวกันจึงไม่ได้จันวิภายิ้มขึ้นมาทันทีพยักหน้าแล้วพูดได้รอฉันหาเขา เจอแล้วเธอก็ค่อยถามอีกครั้ง…….าเขาจะยอมรับเธอเป็นแม่ เลี้ยงมั้ย”
“เขากล้าไม่รับหรอ?”พัชรีถลึงตาด้วยความโกรธหัวเราะ แล้วพูดออกมา “ถ้าเขากล้าไม่ยอมรับฉันจะสอนบทเรียน ให้ เจ้าเด็กบ้านอย่างแน่นอนเธอจัดการเขาไม่ได้หรอกแต่ฉันไม่แน่ แล้วก็อย่ามองว่าฉันเป็นใคร!
จันวิภาหัวเราะออกมาเบาๆ พัชรีที่มีท่าทางที่เด็ดขาดยัง ไม่มีใครที่เธอไม่สามารถจัดการได้
อารมณ์ของพัชรีดีมากท้องของเธอก็หิวแล้วดังนั้นจึงพูด ขึ้น “เอาล่ะพวกเรารีบไปหาอะไรกินกันเถอะใช่แล้วร้านราเม็งที่ เราเคยไปเมื่อก่อนตอนนี้ยังเปิดอยู่แหละ! เธอไม่กลับประเทศ มาซะนานคงจะไม่ได้กินราเม็งแสนอร่อยมานานเลยสิท่าพอดิบ พอดีกับที่ช่วงนี้ฉันคิดถึงมันงั้นพวกเราไปกินกันเถอะ”
คิดถึงรสชาติของเมื่อก่อนจันวิภาพยักหน้าทั้งสองยืนอยู่ ข้างถนนและรอรถแท็กซี่
ในระหว่างรอรถทันใดนั้นจู่ๆก็มีชายที่แต่งกายสุภาพ เรียบร้อยปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างๆเดิมที่ชายคนนั้นน่าจะต้อง ออกไปแล้วหลังจากจ้องมองจันวิภาที่อยู่ข้างๆเขาก็หยุดลง ทันทีและมองเธออย่างละเอียดอ่อน
นวิภาคิดว่าเขาเองก็กำลังรอรถเช่นเดียวกันจึงไม่ได้