พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 191
ตอนที่191อยู่ด้วยกันกับฉันได้ไหม
สุมิตรได้สูญเสียความทรงจำไปแล้วลืมทุกอย่างที่เกี่ยวกับ จนวิภาไปจนหมดสิ้นนั่นรวมถึงนราวิชญ์ด้วยเขาในตอนนี้กับ นราวิชญ์เป็นเพียงแค่คู่ค้าธุรกิจกันเท่านั้นไม่ได้สนิทกันมากนัก ดังนั้นตอนที่เขาเห็นนราวิชญ์จึงเลือกที่จะไม่สนใจเขาและตรง ไปพูดคุยกับจันวิภามันมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาสนใจ เรื่องนี้มาก
แม้ว่าสุมิตรจะเข้ามาออกหน้าให้เพื่อนรักของตนเองอย่าง บริสุทธิ์ใจแต่เมื่อได้ยินคำพูดของจันรวิภา ในส่วนนี้เขาจึงคิด อยากจะพูดคำดีๆขึ้นมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันน่าอึดอัด คุณ จันวิภาคำพูดนี้ค่อนข้างแรงเลยนะครั้งที่แล้วเห็นพวกคุณอยู่ ด้วยกันก็เลยคิดว่าพวกคุณเป็นคู่รักกัน เข้าใจผิดเสียแล้ว? ดูเหมือนวันนี้ผมจะ
แกล้งทําไปเถอะ!
ความคิดนั้นที่อยู่ในใจของสุมิตรจันวิภานั้นรู้อยู่นานแล้ว นี่มันฟังดูเหมือนจะไม่เจตนาแต่ในความเป็นจริงยังคงซ่อน อาวุธที่จะใช้ทําร้ายเธออย่างเงียบๆที่จะบอกว่าเธอหลายใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้จนวิภาจึงฉีกหน้าออกมาอย่างกระดา กระเดื่องเช่นเดียวกันเธอทำได้เพียงแค่พูดอย่างเยือกเย็น คุณเข้าใจผิดแน่นอนครั้งหน้าก็ขอให้คุณสุมิตรถามให้ชัดเจนก่อน นะคะถ้าเข้าใจผิดอย่างนี้อีกมันจะสร้างปัญหาให้กันและกันและ ไม่มีความสุขเอาได้”
ต่อมาสีหน้าของสุมิตรก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนักนี่เป็นครั้งแรกที่ เขาตกอยู่ในมือของผู้หญิง
ตอนที่สุมิตรอยากจะพูดอะไรออกมาบางอย่างก็ได้ออกไป แล้วเจริญศรีที่อยู่ข้างๆผู้ซึ่งเคยเป็นศัตรูกับจันวิภาก็อดไม่ได้ที่ จะพูดขึ้นมาเธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยมโหด “นี่มันจะเข้าใจผิด ไปได้อย่างไง?เห็นได้ชัดว่าวันนั้นตอนที่เธออยู่กับธนภาคก็มี พฤติกรรมคลุมเครือซะขนาดนั้นยังจะให้พวกเราเข้าใจผิดอีก ตอนนี้ก็มาโทษว่าเป็นความผิดพวกเราอีก?
เจริญศรีมองจันวิภาแย่มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครั้งที่แล้ว ตอนที่อยู่ในห้างเพื่อเธอแล้วสุมิตรถึงกับชักสีหน้าใส่ตนเองนับ แต่นั้นเป็นต้นมาเจริญศรีก็เกลียดจันวิภามากขึ้นไปอีก
แต่ตอนนี้มันดียิ่งกว่านั้นอีกดูเหมือนว่าเธอกับชายอื่นจะ อยู่ด้วยกันอย่างคลุมเครืออีกครั้งพวกเขาก็แค่มาถามแทนธน ภาคเท่านั้นไม่ได้หรือไงแต่ผลที่ได้คือกลับสาดน้ำสกปรกมา หาพวกเขา
สิ่งที่ทำให้เจริญศรียิ่งโกรธแค้นหนักเข้าไปอีกก็คือสุมิตร อธิบายให้เธอฟังแล้วแต่เธอกลับยังไม่ซาบซึ้งอีกท่าทางที่หยิ่ง ผยองอย่างนั้นใครจะทนดูได้ทันที!
ฉวยโอกาสครั้งนี้เจริญศรีต้องการที่จะพูดเย้ยหยันเธออย่างรุนแรง
คำพูดของเจริญศรีที่ออกมาพริบตาเดียวก็เหมือนกับ ระเบิดที่อัดแน่นไปด้วยดินปืนได้ถูกจุดจนวิภากับนราวิชญ์มอง ไปทางเจริญศรีอย่างเยือกเย็นโดยพร้อมเพียงกัน
โดนผู้หญิงของตนเองเปลี่ยนเรื่องการสนทนาสีหน้าของสุ มิตรก็ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่นักสีหน้าเขาหม่นหมองไม่พูดออก มาสักค่า
นี่เดิมทีเป็นแค่เรื่องระหว่างสุมิตรกับจันวิภาแค่สองคนใน ตอนนี้เจริญศรีก็ได้เข้ามาแทรกแซงเสียแล้วนราวิชญ์เองก็ไม่ อาจทนเห็นจันวิภาถูกรังแกต่อหน้าต่อตาได้จึงพูดออกมาอย่าง เยาะเย้ย เห็นได้ชัดว่ามีบางคนคิดไม่บริสุทธิ์แล้วยังโทษว่าเป็น ความผิดคนอื่นนี่มันไม่ใช่ว่าโจรตะโกนเรียกจับโจรหรอก หรือ?
“แก! “เดิมที่เจริญศรีกะพุ่งเป้าไปที่จันวิภาแต่เมื่อเห็นว่า มีคนมาช่วยเธอจึงโกรธขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จู่ๆก็ หัวเราะออกมาทันทีมองจันวิภาแล้วพูดออกมาอย่างเย้ย หยัน “คิดไม่ถึงเลยคิดไม่ถึงเลยผู้ชายของเธอนี่ไม่เบาเลยมี ผู้ชายอีกเป็นโขลงเลยที่อยากออกหน้าแทนเธอแต่เธอกลับไม่ พูดอะไรไม่ใช่ว่าอายจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาหรือไง?
ไม่ว่านราวิชญ์จะพูดอะไรเจริญศรีก็ไม่สนใจเขาทำเพียง แค่จ้องเขม็งจันวิภาที่ไม่พูดอะไรพุ่งเป้าไปที่เธอโดยตลอดมัน ช่างยุ่งยากเสียจริง
เมื่อเห็นนราวิชญ์ยังคงอยากที่จะแก้ต่างในวิภาจึงกวาด สายตามองเจริญศรีเบาๆ จากนั้นจึงยื่นมือไปทางนราวิชญ์ สะบัดมือเบาๆเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุด
เมื่อเห็นสัญญาณมือของจันวิภานราวิชญ์จึงตระหนักได้ว่า ตนเองทำไมถึงได้จริงจังกับผู้หญิงคนนี้ขนาดนั้นสูญเสียตัวตน จึงทําได้เพียงปิดปากลง!
จันวิภาพูดกับเจริญศรีด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่าย พูดจบหรือ ยัง? ถ้าไม่มีอะไรพวกเราจะสั่งข้าวแล้วท้องร้องหมดแล้วหรือ พวกคุณยังคิดที่จะต่อสู้กับพวกเราอีก?”
ความหมายก็คือรีบไสหัวออกไปซะ!
สีหน้าของสุมิตรหม่นหมองจนถึงขีดสุดลากเจริญศรีที่ กำลังอ้าปากด่าคนไปนั่งที่อีกด้านหนึ่งของร้านอาหาร
ขณะเดียวกันสุมิตร ก็ไม่ได้พูดอะไรจ้องมองจันวิภาอย่าง เงียบๆอยู่ตลอดเพราะเขาพบว่าน้ำเสียงของผู้หญิงคนนี้เหมือน กับใครบางคนมากเกินไปแม้ว่าจะมีความแตกต่างในรูป ลักษณ์แต่ความแตกต่างก็ไม่นับว่ามากมายนักและเมื่อสังเกต อย่างละเอียดก็อาจจะมองออกได้
ทันใดนั้นเองสุมิตรก็เหมือนกับจะพบอะไรบางอย่างดังนั้น จึงลากเจริญศรีที่กำลังโกรธไปยังอีกฝั่งหนึ่งด้วยสีหน้าที่นั่ง เงียบแล้วทานอาหารจนจบอย่างเงียบสงบ
นราวิชญ์รู้เรื่องของทั้งสองคนนี้มาก่อนจึงโกรธสุมิตรแต่ ดันถูกจัน ภายับยั้งเอาไว้
จันวิภาส่ายหัวแล้วพูดกับเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ธน ภาคน่าจะพูดกับพี่แล้วนะเรื่องที่เขาเสียความทรงจำที่จริงจังกับ เขาไปมันจะมีอะไรขึ้นมา
เสียความทรงจำแล้วยังไง?” นราวิชญ์เปี่ยมไปด้วยความ ไม่พอใจ”ถึงเสียความทรงจำไปก็แก้สันดานเขาไม่ได้ฉัน แนะนำให้เธอออกจากข้างกายไอ้คนระยพันธุ์นี้ให้เร็วที่สุด อย่าตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเมื่อหกปีที่แล้วอีก
“อื้อฉันรู้แล้วพวกเราไม่ต้องพูดถึงเขาแล้วกินข้าวกันก่อน เถอะ”จันวิภาพูดอย่างเฉยเมย
แต่ทว่าความคิดที่อยู่ภายในใจกลับแตกต่างก่อนหน้านี้ นราวิชญ์พูดกับเธอว่าไม่อยากให้เธอไปเป็นเลขาของสุมิตรเธอ ยังไม่คิดอย่างนั้นตอนนั้นราวิชญ์จู่ๆก็เอ่ยถึงเรื่องเมื่อหกปีก่อน จันวิภาครุ่นคิดรู้สึกได้ว่านราวิชญ์พูดจามีเหตุผล
หกปีก่อนเพราะจันวิภาไม่ฟังนราวิชญ์อีกนิดเดียวเขาก็ เกือบที่จะต้องตายแล้วยังดีที่การตอบสนองของนราวิชญ์ รวดเร็วพอจึงหลบเลี่ยงการตามล่านั้นไปได้
หกปีที่แล้วผ่านไปได้อย่างใจละทึกคำพูดของนราวิชญ์ ครั้งนี้จนวิภารู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องพาจรณาอยู่เสียเล็กน้อย
หลังจากที่เจริญศรีกับสุมิตรกินข้าวเสร็จพวกเขาก็จากไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้คงคาดการณ์ได้ว่าหากพวกเขาเจอกัน ครั้งหน้าก็คงจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่นักอย่างน้อยก็ไม่สามารถทักทายอย่างสงบสุขได้เหมือนเมื่อก่อน
หลังจากที่จันวิภากับนราวิชญ์ทานอาหารเสร็จก็ได้ออกไป จากร้านอาหารเช่นเดียวกันนราวิชญ์ส่งจันวิภากลับไปยังคอน โดบนถนนทั้งสองคนพูดคุยกันแบบถามคำตอบคำ
บรรยากาศก็ยังนับว่าดีพูดคุยกันไปมาทันใดนั้นเองจู่ๆกัน ก็เอ่ยถึงเรื่องที่ตนเองจะต้องออกเดินทางในไม่กี่วันต่อมา วิภา เมื่อได้ยินว่าเรื่องเกี่ยวข้องกับสุมิตรนราวิชญ์จึงนิ่งเงียบไปทันที
จู่ๆนราวิชญ์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนวิภาเองก็ไม่อยาก เอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
ทั้งสองคนกลับไปด้วยความเงียบเช่นนี้ตลอดทางรอจน
กระทั่งถึงล่างคอนโดของจันวิภานราวิชญ์จึงจะเอ่ยปากขึ้นมา พูดอีกครั้ง จนวิภา……. น้ำเสียงของนราวิชญ์ดูมีความลังเลอยู่เล็กน้อยจนวิภาที่
กำลังเปิดประตูอยู่หันหน้ากลับไปมองนราวิชญ์อย่างไม่เข้าใจ แล้วเอ่ยถาม “หม? ฟันราวิชญ์มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า?”
“ฉัน…… การแสดงออกของนราวิชญ์ดูยุ่งเหยิงเป็นอย่าง มาก ใบหน้ามีสีแดงอยู่เล็กน้อยเขานั่งอยู่นานจึงตายคำพูดออก มาประโยคหนึ่ง “จันวิภา…..พวกเราอยู่ด้วยกันได้มั้ย? พวกเรา หนีไอ้สารเลวสุมิตรไปให้ไกลแสนไกลฉันสามารถพาเธอและ ลูกชายเธอไปได้นะฉันจะทำกับเขาเหมือนเป็นลูกฉันเองเลย พวกเราไปอเมริกาด้วยกันไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่เธอชอบ แค่เธอต้องการมันก็ไม่มีปัญหาอะไร