พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 194
ตอนที่ 194ที่แท้ก็จําเธอได้
“ครับ! บอสใหญ่! “
ก่อนขึ้นรถสุพจน์จ้องมองไปยังชั้นที่จันวิภาอยู่ด้วยสายตา ที่ยุ่งเหยิงจากนั้นจึงก้มตัวเข้าไปนั่งในรถริมฝีปากยิ้มขึ้นมา อย่างน่าแปลกประหลาด
พูดถึงจันวิภา
เพราะในใจมีความรู้สึกผิดจันวิภาจึงนอนไม่หลับทั้งคืนรอ จนกระทั่งตื่นนอนตอนเช้ามองดูตนเองในกระจกมันละเที่ย ราวกับผีอย่างไรอย่างนั้น
แม้แต่แต่งหน้าเธอก็ขี้เกียจที่จะตกแต่งและแต่งตัวให้ตัว เองแบบลวกๆ ใส่แว่นตาดำที่มีขอบหนาแล้วออกไปข้างนอก
มาจนถึงบริษัทพอจันวิภาเดินออกมาจากลิฟท์ก็บังเอิญ เห็นสุมิตรเดินออกมาจากลิฟท์เช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนประสานสี่ตาจันวิภาพยักหน้าให้เขาแล้วเดินไป ยังที่นั่งของตนเองแต่ทว่ากลับถูกสุมิตรเรียกหยุดเอาไว้
“ท่านประธานมีอะไรงั้นหรอคะ?”คิดถึงการเผชิญหน้าที่ไม่ คาดคิดตอนเที่ยงเมื่อวานนี้จนวิภาจึงทำสีหน้าที่ไม่ค่อนดีต่อเขานัก
?”สุมิตรค่อยๆเดินไปทางนั้น วิภาอย่างเชื่องช้าพร้อมกับใช้น้ำเสียงประกาศพูดออกมา
จันวิภาพยักหน้าตอบรับทันใดนั้นเองจู่ๆเธอก็นึกบ้าง อย่างที่ไม่ถูกต้องขึ้นมาได้มองไปที่สุมิตรอย่างตกตะลึงจ้องมอง เขาอย่างไม่เห็นด้วย
เมื่อครู่นี้สุมิตรเรียกเธอว่าอย่างไรนะ? ! จันวิภา?!
พูดเช่นนี้หรือว่าความทรงจำของสุมิตรกลับมาแล้ว เขา จําเธอได้แล้วงั้นหรือ?!
เผชิญหน้ากับจันวิภาที่ท่าทางอึ้งตะลึงสุมิตรจึงเผยรอยยิ้ม แห่งการหยอกล้อออกมาเขาเดินไปที่ด้านหน้าของวันวิภาแล้ว รีบถอนแว่นตาของเธอออกก่อนที่เธอจะมีท่าที่ตอบสนองอะไร
จ้องมองไปบนใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับสาวสวยคน เมื่อวานนี้สุมิตรอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงของเขาเห็นได้ชัดเจนว่ามันแฝงไว้ด้วยความเย้ยหยัน จัน วิภาเป็นเธอจริงๆ ใบหน้าเธอนี่เปลี่ยนได้จริงๆ บางทีก็ขี้เหร่ บางทีก็สวย…….เธอว่ามาตอนที่ฉันเจอเธอพรุ่งนี้เธอจะเปลี่ยน ไปเป็นยายแก่ไหม?”
ความเยาะเย้ยเต็มเปี่ยมอยู่ในคำพูดของสุมิตรหลังจากที่ จนวิถาอึ้งตะลึงแล้วจึงเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทันที
สุมิตรได้รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเธอเข้าเสียแล้วรู้ว่าคือวันวิภาและจันวิภาก็คือนาราวีระนนท์ทั้งยังเป็นเลขาของเขาอีก แม้ว่าจนวิภาจะไม่รู้ว่าเขารู้จักตนเองได้อย่างไรแต่เขาต้องเยาะ เย้ยตนเองขนาดนี้เลยหรือ?
ก็เธอชอบที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นขี้เหร่แล้วมันอย่างไร? แต่ก็ยังดีที่ความทรงจำไม่ได้กลับมานึกถึงเรื่องเมื่อหกปี
ก่อนเข้าจนได้!
เมื่อเห็นตัวตนของตนเองถูกเปิดเผยในวิภาก็ไม่สนอะไร เช่นเดียวกันเธอส่งเสียงที่ออกมาอย่างเยือกเย็นแล้วพูดอย่าง ไม่พอใจ”ฉันจะชอบแต่งตัวอย่างไงมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันท่าน ประธานคงจะกังวลมากไปมั้ง?”
“งั้นหรอ?” สุมิตรไม่คิดเช่นนั้น ที่จริงแล้วชื่อเธอคือในวิภา สินะ? ใช้ชื่อนาราวีระนนท์เป็นนามแฝงมาทำงานที่บริษัทฉัน สามารถฟ้องร้องเธอได้นะเธอพูดมาสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับฉัน หรือไม่
น่าแปลกจั่นวิภาเองก็ไม่ได้ใช้ชื่อของเธอเธอชื่อจนวิภาคี
มั้ย! ! !
“ฉัน…….จันวิภากัดริมฝีปากรู้ว่าตนเองกำลังทำไม่ถูกต้อง ในด้านนี้และก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีกแต่เธอกลับไม่อยากถูก มิตรพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น แต่นายก็ไม่สามารถมาล้อเล่นกับ ฉันอีกได้เช่นกัน”
“ฉันแกล้งเธอเล่น เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังแกล้งฉันเล่น อยู่?”สุมิตรค่อยๆก้าวเข้าใกล้กันวิภาทั้งสองคนห่างกันเพียงก้าวเดียวมายากาศที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายนั้นมีความ กดขี่และแข็งแกร่ง
อาจเป็นเพราะเมื่อวานนอนไม่ค่อยหลับในวิภาจึงถูกสุ มิตรข่มขู่ได้เช่นนี้เธอไม่รู้เลยว่าควรจะพูดแก้ตัวอย่างไรดี
เมื่อเห็นในวิภาไม่พูดอะไรออกมาสุมิตรจึงหัวเราะออกมา อย่างเยือกเย็นจ้องมองการแต่งกายอันไร้รสนิยมที่อยู่บนเรือน ร่างเธอแล้วพูดขึ้นพรุ่งนี้แต่งตัวปกติผมของเธอแว่นตาอันนี้ทิ้ง ไปให้หมด”
“ฉันไม่! “ความแข็งแกร่งของสุมิตรทำให้จนวิภารู้สึกไม่ สบายอารมณ์ที่ดื้อรั้นของเธอกำลังกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อรูป ลักษณ์ภายนอกของเธอมันทำให้สุมิตรกังวลขนาดนี้เช่นนั้นฉัน วิภาจะอยู่ที่นี่ทำไมอีก
ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้วพูดโต้ตอบไปอย่างแข็งกร้าว ฉัน จะแต่งตัวอย่างไงมันก็เป็นสิทธิ์ของฉันนายมีสิทธิ์อะไรที่จะมา เลือกการแต่งตัวให้ฉัน
ที่จริงแล้วสิ่งที่จันวิภาสนใจมากเลยก็คือสุมิตรชอบแต่ เพียงรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอเท่านั้นและไม่ใช่ว่าชอบเธอ คนนี้อย่างแน่นอน
เจ้านายเช่นนี้เธอจะเอามาทำไม
สุมิตรไม่รู้ความคิดของฉันวิภามุมปากเขายิ้มออกมาอย่าง ชั่วร้ายมองเธอด้วยความขี้เล่นเล็กน้อย กฎของบริษัทอย่าง น้อยภาพลักษณ์ส่วนบุคคลของพนักงานก็ต้องเป็นคนใจกว้างไม่สามารถทำให้ทรุดโทรมแต่งตัวไม่สมบูรณ์ไม่สามารถสร้าง ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและเธอ……เธอได้ ทําลายภาพลักษณ์ของบริษัทไปจนสิ้น
“ฉันไม่เป็นคนใจกว้างตรงไหน? ฉันก็แต่งตัวดีมากแค่ไหน แต่ไรมานายก็ไม่ได้อะไรนี่นาแต่มาวันนี้หลังจากที่รู้ตัวตนที่แท้ จริงของฉันกลับบังคับให้ฉันต้องปรับโฉมใหม่พูดไป แล้ว…….ท่านประธานคุณชอบคนแต่งตัวสวยๆสินะ เป็นอย่าง ไงที่ฉันเป็นอย่างนี้ไม่สวยงั้นหรอ? หรือคุณชอบฉัน? “จันวิภาพูด เยาะเย้ยความดูหมิ่นและการยั่วยุมันได้แฝงเอาไว้อยู่ในคำพูด อย่างเต็มเปี่ยม
สีหน้าของสุมิตรค่อยๆเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากนั้นสีหน้าเริ่ม อึมครึมแล้วพูดอย่างไม่พอใจ”ฉันชอบนาย?อย่ามาพูดให้น่า หัวเราะฉันมีคู่หมั้นแล้วทำไมฉันจะต้องชอบเธอด้วย ว่าแต่เธอ เถอะในเมื่อเธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ทำไมจะต้องทำให้ ขี้เหร่?หรือเธอจะใช้วิธีนี้ดึงดูดฉันหรือไงให้ฉันคิดว่าพวกเธอ สองคนแตกต่างกัน?
ไอ้นี่มันประสาทอีกแล้ว!
จันวิภาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาในเมื่อเขาหยิบ เอาเรื่องที่ตนเองดึงดูดเขาขึ้นมาพูดงั้นวันนี้เธอจะต้องพูดให้ ชัดเจนเสียหน่อยแล้วให้ต่อจากนี้เขาไม่กล้าอีกไอ้สารเลว!
ปรับเปลี่ยนอารมณ์จนวิภาพูดอย่างจริงจัง ใช่หรือถ้าฉัน อยากจะดึงดูดความสนใจนายอย่างจะอย่างไง? ตอนนี้ไม่ใช่ว่าท่านประธานหลงฉันจนหัวปักหัวปเลยหรือดังนั้นก็เลยอยาก จะมองดูฉันที่แต่งตัวสวยๆ ส่วนคู่มั่นของนาย…….
พูดถึงตรงนี้จนวิภาหัวเราะเยาะเย้ยออกมานี่เป็นครั้งแรก ที่สุมิตรได้เห็นสีหน้าที่ภาคภูมิใจของเธอ”คู่มั่นของนายเรือน ร่างเทียบได้กับฉันตรงไหน?”
คำพูดของจันวิภาดึงดูดความสนใจของสุมิตรได้เป็น อย่างมากทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมาอย่างดีใจแล้วพูด ขึ้น” ในเมื่อพูดเช่นนี้เธอชอบฉันงั้นหรอ?”
จันวิภารู้สึกหมดคำพูดเขาไม่ได้ชอบคู่หมั้นคนนั้นหรอก หรือ? ตนเองพูดใส่ร้ายคู่หมั้นที่รักยิ่งของเขาแต่เขากลับไม่ โกรธ แล้วยังถามเธออย่างสนอกสนใจอีก
จันวิภาไม่อาจเข้าใจวงจรในสมองของสุมิตรได้บ้าจริง! เขาหมายความว่าไง?
จนวิภาพูดอย่างอึดอัด ฉันแค่อุปมาอุปมัย……..หรือด้วยไอ คิวของท่านประธานแล้วจะฟังไม่เข้าใจ และรบกวนท่าน ประธานตระหนักถึงความเป็นจริงนิดหนึ่งถ้าฉันอยากจะยั่วคุณ แล้วฉันก็คงไม่แต่งตัวขี้เหร่อย่างนี้หรอก……..และคุณก็ไม่ต้อง บอกว่านี่เป็นกลยุทธ์พิเศษของฉันนะตามความเข้าใจของฉันที่ มีต่อผู้ชายถ้าคุณเห็นผู้หญิงที่ขี้เหร่คนหนึ่งคุณมีความคิดที่จะ ไปชอบเขางั้นหรือ?
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉันเอง ก็ไม่ได้โ ที่จะจงใจแต่งตัวหน้าเกลียดเพื่อยั่วชายที่มีคู่หมั้นแล้วจะพูดยังไงดีฉันก็แต่ง ตัวตามปกติของฉันแม้จะมีโอกาสชนะที่มากโขมิตรนายอย่า มาดูถูกฉันมากเกินไปนะ! ฉันไม่ได้ชอบนาย