พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 29
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 29 ฉันไม่ใช่เต็มใจแต่งกับนาย
จันวิภาหันหน้าหนีอยากจะหนีออกไปแต่กลับถูกสุ มิตรจับไว้บังคับให้จันวิภามองมาที่เขา
สำหรับการบีบบังคับของของสุมิตร จันวิภา
ดิ้นรนตามจิตใต้สำนึก สุมิตรก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง
เกินไปเพียงแค่โอบเอวของจันวิภาไว้เท่านั้น
เพียงแต่การสัมผัสสุดแสนกะทันหันแบบนี้ทำให้ จันวิภารู้สึกกลัวขึ้นมา เธอตกใจดิ้นหนีพยายามหลบ ทันที แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาหยุดรั้ง ทั้งสองเอาไว้
เสียงโทรศัพท์ของจันวิภาดังขึ้น!
จันวิภารีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่ว่า พอ เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาแล้ว ก็มีนอึ้งนิ่งไปสักพัก
สุมิตรประหลาดใจกับท่าทีของจันวิภา รู้สึก แปลกๆ กำลังจะเริ่มสงสัย จันวิภาก็เรียกสติกลับมารีบ จับโทรศัพท์และรีบขึ้นเบาๆ
ระยะเวลาคุยไม่นาน จันวิภาตอบสั้นๆ “อีม”ไม่กี่ที่ก็วางสายไป หลังจากนั้นก็บอกกับสุมิตรว่า”ฉันอยาก จะลงรถ”
“ทำไม?”สุมิตรหรี่ตามองถามขึ้น เขามองเห็นไม่ ชัดเมื่อกี้ใครโทรเข้ามา แต่รู้สึกได้ว่าคนคนนั้นต้องไม่ ธรรมดาแน่ๆ
จันวิภาไม่พูดอธิบายอะไรมากแค่พูดขึ้นอย่าง ง่ายๆ “เพื่อนนัดฉันไปกินข้าว”
พอฟังแล้ว แม้สุมิตรจะสงสัย แต่ก็ไม่แสดง ปฏิกิริยาอะไรออกมา “งั้นเธอบอกฉันสิว่าไปนัดกัน ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปเอง”
จันวิภาได้ยินประโยคนี้ก็ตกใจอยู่ยกใหญ่ รีบ ตอบกับทันที”ไม่ต้องไม่ต้อง กลับไปก่อนเลยเดี๋ยวฉัน จะรีบกินรีบกลับ แปปเดียว”
พูดจบจันวิภาหนีลงจากรถ รีบกวักมือเรียกรถ แท็กซี่ จากไปทันที
สุมิตรจ้องจันวิภาที่จากไป ลองคิดคิดรู้สึกได้ว่า เธอดูแปลกๆ สักพักหนึ่งก็ตัดสินใจรีบบอกคนขับให้ขับ รถตามรถแท็กซี่ของจันวิภาไปทันที
แม้จะไม่ฤดูร้อนที่แสนอบอ้าว แต่อุณหภูมิของเมือง A กลับไม่เคยจะลดลงแม้แต่น้อย แสงแดดแยง ตาตกกระทบสู่พื้นโลกสะท้อนความร้อนเข้าที่ใบหน้า ของนราวิชญ์ แต่เหมือนเขาไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้
ตอนนี้ในหัวไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย ไม่สนใจที่จะ ทำอะไร เขาเพียงแค่เงียบ รอจันวิภาอย่างใจร้อนรน
นราวิชญ์ก้มหน้าลง มองไปที่ภาพถ่ายในมือ ใน ภาพนั้นมีนราวิชญ์และจันวิภาสองคนยิ้มอย่างมีความ สุข
พนักงานเดินมาถามนราวิชญ์หลายครั้งว่า ต้องการสั่งอะไรหรือไม่ แต่เขากลับเพียงส่ายหัวเท่านั้น ไม่สนใจสิ่งอื่นใด เอาแต่ระลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา
นี้คือร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มีชื่อว่า
เวลา”
“สลักกาล
ดูจากภายนอนตกแต่งอาจจะเรียบๆ แต่ป้ายร้ายก ลับเขาตาของนราวิชญ์ ประกอบกับคำโฆษณาของร้าน นี้ทำให้นราวิชญ์เลือกร้านนี้นัดเจอจันวิภา
เพียงมองภาพวากที่ติดที่ผนัง วาดบนกระดาษขาว แผ่นบาง บนนั้นเขียนไม่กี่คำ : คุณกำลังตกอยู่ในวังวน อยากจะยอมแพ้แต่ใจกลับทำไม่ได้? คุณกำลังอยู่ใน เมฆหมอกไม่สามารถออกมาได้ใช่ไหม? ลองกาแฟ “ความทรงจำ” สักนิดสิอาจทำให้คุณระลึกได้ถึงคนที่คุณเคยทุ่มเทไปแต่ไม่ได้อะไรกลับมา!
“จันวิภา ฉันหวังว่า “ความทรงจำ” แก้วนี้สามารถ ทำให้เธอและฉันระลึกถึงวันเวลาที่มีความสุขของเรา นะ” นราวิชญ์ถอดหายใจพูดกับตัวเอง
เขามองไปที่นาฬิกาหรูบทข้อมือของเขาเอง คาด ว่าจันวิภาอีกไม่นานน่าจะมาถึงแล้ว
จันวิภาเพิ่งลงจากรถแท็กซี่ก็เจอนราวิชญ์ทันที คิด ไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่หน้าประตูร้านกาแฟยืนมอง แสงแดดแสนร้อนแรงรอจันวิภา ไม่ยอมเข้าไปในร้าน กาแฟ
ผู้ชายคนนี้นี้มันจริงๆเลย
ทั้งสองเดินเข้าหากันและเข้าร้านกาแฟไป
จันวิภาเงยหน้าขึ้นมองนราวิชญ์อย่างเงียบๆ เขา เป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและอบอุ่นมาก มรรยาทงาม อ่อนน้อมถ่อมตน ขนคิ้วเรียวงาม ตาสองชั้นชัดเจน เส้นผมสะอาดสลวย ผมหน้าม้าเล็กน้อย แม้ใบหน้าจะ ไม่หล่อเหลาแบบสุมิตร แต่ดึงดูดน่ามองน่าหลงไหล
วันนี้นราวิชญ์สวมชุดสูทสีกรมสูงสง่า ตัวสูงสง่า และดูมีชีวิตชีวา ทำให้คนที่ไม่ได้เจอเขานานอย่างจัน วิภารู้สึกอึ้งอยู่บ้างพอนราวิชญ์เห็นท่าทางของจันวิภาก็ยิ้มขึ้น เขามา วันนี้เพื่อจะเจอเธอ ตัดชุดสูทหรูชุดนี้รอมานาน เพื่อหวัง ว่าจันวิภาจะมองเห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
นราวิชญ์คือเพื่อนสนิทผู้ชายของจันวิภามาตั้งแต่ ยังเด็กและยังเป็นความรักในวัยเด็กด้วย มีช่วงหนึ่ง นราวิชญ์ต้องไปต่างประเทศทำให้ไม่ได้ค่อยได้ติดต่อ กับเธอสักเท่าไหร่ แต่โทรศัพท์วันนี้ เขารู้ได้ยังไงนะ? ทำให้จันวิภารู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน!
เหมือนนราวิชญ์จะรู้ว่าในใจของจันวิภานันคิด อะไรก็ยิ้มพร้อมพูดขึ้น “กนกอรบอกเบอร์ของเธอให้ฉัน
วันนี้ฉันเลยลองนัดเธอออกมา”
กนกอร..โอเค!
จันวิภาพยักหน้า นราวิชญ์สูดลมหายใจสูดใหญ่ รอบหนึ่งและสั่งกาแฟ’ความทรงจำ” ให้เธอพร้อมถาม เธอ”จันวิภา ได้ยินมาว่าเธอแต่งงานแล้วเหรอ?”
กนกอรให้เบอร์โทรก็แล้ว สงสัยเรื่องอื่นๆน่าจะ บอกไปหมดแล้วแน่ๆ จันวิภาฟังค่าถามของนราวิชญ์ก็ ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ก็พยักหน้าและนึกขึ้นได้ขึ้นมา เรื่องหนึ่งตาก็โตขึ้นมาทันที
ตอนเด็กเธอกับนราวิชญ์สัญญากันว่าโตขึ้นมาจะ แต่งงานมีลูก อยู่กันจนแก่เถ้าตอนเด็กเธอกับนราวิชญ์สัญญากันว่าโตขึ้นมาจะ แต่งงานมีลูก อยู่กันจนแก่เถ้า
พอขึ้นถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ในใจของเธอก็ตกใจขึ้น
เงยหน้าขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาเศร้าสร้อยมองประสานกับ นราวิชญ์
ได้แต่ฟังน้ำเสียงแสนเศร้าที่แฝงไปด้วยความเจ็บ ปวดของนราวิชญ์ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ หรอก..จันวิภา พวกเราสัญญากันแล้วว่าจะแต่งงานกัน ทำไมเธอถึงแต่งงานแล้วล่ะ? เพราะฉันไม่ได้ติดต่อเธอ
ใช่ไหม มันเป็นความผิดของฉัน ทั้งหมดฉันผิดเอง…”
นราวิชญ์ขอโทษทำให้จันวิภายิ่งรู้สึกเสียใจขึ้นไป
อีก
“พี่นราวิชญ์ พี่ฟังฉันนะเรื่องนี้โทษพี่ไม่ได้มันเป็น เพราะฉันเลือกเอง มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่เลย! แต่วันนี้ ฉันตัดสินใจแต่งงานกับคนอื่นแล้วต้องขอโทษพี่จริงๆ ฉันไม่สามารถที่จะทำสัญญาของเราให้เป็นจริงได้ แล้ว!”
จันวิภาขอโทษด้วยความละอายใจ แม้ว่าทั้ง 2 จะ ไม่ใช่คู่รักกัน แต่เมื่อเคยสัญญากันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่ตอนเด็ก คำพูดนี้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย นราวิชญ์ปิดหูด้วยความเจ็บปวดก้มหน้าลง ไม่ฟังอีกต่อไป
สถานการณ์ของจันวิภาในตอนนี้ ได้แต่ถอน หายใจ เธอก็ไม่รู้จะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี
แต่ในตอนนี้นราวิชญ์กับเงยหน้าขึ้นมาเหมือนเขา จะคิดอะไรออก ยื่นมือจับมือของจันวิภา “จันวิภา แม่ เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานใช่ไหม? บอกฉันสิ ถูกบังคับใช่ไหม? ถ้าเธอตอบว่าใช่ฉันก็ไม่สนอะไรแล้ว ไม่สนอะไรทั้งนั้น!”