พิชิตใจนายปีศาจ - ตอนที่ 53
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 53 การหยอกล้อในรถ
การกินอาหารเข้าไม่ได้น่าเขินเหมือนที่จันวิภาคิด
นั้นก็เพราะว่าเวธัสยังอยู่ เขาหยอกล้อกับสุมิตรตลอด ทั้ง หันหน้าไปหันหน้ามาหาจันวิภา ความอารมณ์ขันของเขาซึ่งเป็น พรสวรรค์ที่ทำให้ชาวใช้ที่ถูกแซวบางคนแอบเอามือปิดปาก หัวเราะขึ้นมา
หลังจากทานมื้อข้าวเรียบร้อยแล้ว เวธัสที่ชวนจันวิภาออก
ไปเดินเล่นกับเขา
จันวิภาคิดถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมา กลัวความสงสัยของสุ
มิตรว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีกก็รีบปฏิเสธไป สุมิตรนั่งบนโซฟาเปิดนิตยสารอ่าน ไม่ว่าจันวิภาจะทำ อะไรก็เอาแต่หลบตา พอเห็นจันวิภาปฏิเสธเวธัสในใจเขาก็
รู้สึกใจชื่นขึ้นมาหน่อย
แต่เวธัสกลับดึงตันดึงจันวิภาออกไป จันวิภาไม่รู้จะทำยัง ไงก็ได้แต่ตามออกไป
สุมิตรมองอย่างหงุดหงิดที่ประตูจนทั้งคู่หายไป นิตยสารที่ อยู่ในมือก็ถูกโยนลงพื้นอย่างแรง
ไม่ต้องสงสัยเลยเวธัสเป็นคนขี้เล่น อารมณ์ขันของเขาถูก ปลดปล่อยออกมาไม่หมดไม่สิ้นจุดนี้เองทำให้จันวิภารู้สึกยิ้ม อย่างมีความสุขไม่หยุดหย่อนและรู้สึกดีกว่านั่งนิ่งๆอยู่ในบ้าง อีก
พอถงกลางวนทงสองถึงจะกลบเขามา เนบาน
เวธัสเหงื่อเต็มตัวเข้าบ้านมาก็ไปอาบน้ำ
ตอนนี้เวธัสพึ่งจะจากไปตอนนั้น สุมิตรก็มองอย่างเย็นช้า ไปที่จันวิภา พูดเสียงจับอย่างอำมหิตขึ้น: “นางสำส่อน ดู เหมือนเธอจะรู้สึกผิดแล้วนะ?”
จันวิภาพอได้ยินสุมิตรว่าตัวเอง ไฟโกรธที่ลดลงก็ประทุ ขึ้นมาอีก: “คุณก็เห็นแล้วนิว่าฉันโดนเขาลากออกไป แล้วก็นะพี่ สะใภ้จะพาน้องชายเดินเล่นให้ชินกับสถานที่มันผิดเหรอไง?”
สุมิตรหัวเราะอย่างเย็นชา: “เธอกับแม่ของเธอไม่ต่างกัน เลย ฉันละเกลียดจริงๆนางแพศยาเสแสร้งไม่จบไม่สิ้น” สุมิตร ขณะพูดก็ค่อยๆเข้าใกล้จันวิภาเรื่อยๆ มองจันวิภาอย่างเย็น ชาและสายตาดูถูกสุดขีด
ด้านจันวิภาก็เดินถอยหลังไปพูดไป: “ฉันไม่ยอมให้คุณว่า แม่ของฉัน อีกอย่างคุณมันดีเลิศแค่ไหนกัน? ถึงมือสิทธิ์มาด่า คนอื่น!” ตาของจันวิภาต้องจนปูนออกมา ไม่ยอมแสดงความ อ่อนแอจ้องประสานกับตาของสุมิตร
สุมิตรโกรธ: “นางสารเลวสำส่อนอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมา ด่าฉัน?”
เส้นเลือดในตาของสุมิตรผุดขึ้นมา เตรียมตัวจะสั่งสอนจัน วิภา แต่ในตอนนั้นเองห้องอาบน้ำก็มีเสียง “แก็ก” เปิดออก
เวกัสใช้ผ้าขนหนูเช็ดหยดน้ำที่อยู่บนผม มองไปที่สุมิตร และจันวิภา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพูดขึ้น: “พี่สะใภ้ไม่ไปอาบน้ำแต่งตัวหรอ? ตอนบ่ายมีงานเปิดภาคเรียนนะ”
สุมิตรและจันวิภารู้ว่าเวธัสแกล้งทำเป็นไม่ตั้งใจ แต่จริงๆ แล้วกำลังพยายามคลายบรรยากาศลงอยู่
สุมิตรไอหนึ่งที่และมองแผลที่ถูกจันวิภากัตเมื่อวานในใจ
ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปอีก
ส่วนจันวิภาก็เหมือนกันก็หลบตาเขาอย่างเย็นชาขึ้นห้อง
โดยไม่หันมามอง
สุมิตรและเวธัสเข้าสู่ความเงียบ คนที่เริ่มทำลายความ เงียบคือเวธัส เขาพูดขึ้น: “เรื่องของรุ่นก่อน ทำไมพี่ยังต้องเก็บ มาคิดอีกล่ะ?”
สุมิตรหายใจลึกๆหนึ่งที่ นั่งที่โซฟา เขาเงียบไปอยู่พัก ใหญ่ถึงจะพูดกับเวธัส: “นายยังเด็ก ไม่เข้าใจหรอก”
เวธัสสายหัว เอาผ้าขนหนูพาดบ่า แล้วก็แยกย้ายกลับห้อง
…
ไป
กินข้าวกลางวันเรียบร้อย เวธัสกับจันวิภาตดูเหมือนจะดีใจ เล็กน้อย เพราะตอบบ่ายมีพิธีเปิดภาคเรียนทำให้พวกเขาทั้ง สองได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนอย่างเป็นทางการ
สุมิตรแอบมอง 2 คนนั้น เหมือนกับตัวเองเป็นคนนอกชะ
อย่างงั้น แม้ว่าในสายตาของเขาเป็นเรื่องเด็กเล่น แต่สุมิตร กลับยังไม่รู้สึกดีเท่าไหร่ ก็พูดขึ้น: “เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
แน่นอนคนขับไม่ใช่สุมิตร ปกติแล้วเข้าจะนั่งข้างหลังกับ
จันวิภา
เวสนั่งข้างคนขับ นัยน์ตามองข้างนอกหน้าต่างอย่างตั้ง
อกตั้งใจ
หลังรถจันวิภาตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธออยู่ๆก็รู้สึก ตกใจที่ขาของตัวเองรู้สึกปวดขึ้นมา
นั้นก็คือสุมิตรเอามือมาวางที่เขาของเธอแล้วบีบอย่าง
รุนแรง
จันวิภาคิดไม่ถึงเลยว่าในที่แบบนี้สุมิตรยังจะแกล้งเธออีก เธอมองเขม็งไปที่สุมิตร ยื่นไปมือไปดึงมือของสุมิตรออก
แต่สุมิตรกลับยิ้มอย่างเย็นชา แล้วยิ่งเข้าใกล้จันวิภา เข้าไปอีก ใช้ฟันกัดที่ใบหูของเธอแล้วกระซิบพูดขึ้น: “นัง
แพศยาที่นี่เป็นไง ตื่นเต้นหรือเปล่า”
จันวิภารู้สึกตัวเองหายใจเร็วขึ้น ห้ามตัวเองไม่ให้คราง ออกมาไม่ได้
จันวิภาหันหน้าไปมองสุมิตรอย่างหงุดหงิด: “สุมิตรคุณนี้ มันโรคจิตจริงๆ”
สุมิตรไม่สนใจ ยิ้มที่มุมปาก พูดราวกับจอมมารขึ้น: “นาง แพศยาอย่างเธอมีสิทธิ์มาต่าฉันเหรอ?” สุมิตรสบถ มือก็ล้วง เข้าไปที่ได้เสื้อของจันวิภา
“หยุด หยุดนะสุมิตร” เอวของจันวิภาถูกสุมิตรรัดอย่างแรง ในตอนนี้เธอไม่กล้าจะตะโกนออกมา
สุมิตรยังมีอทั้งสองของสุมิตรยังไม่หยุด รอบนี้เธอไม่ได้ บังคับปิดออกแรงปิดปากจันวิภา สุมิตรเป่าสายลมอุ่นๆ พูด เสียงต่ำ: “เป็นไง เทคนิคของผมเป็นยังไง? ยังจะทนได้อีกเห รอ? งั้นเธอครางออกมาสินางแพศยา?
สุมิตรด่าอยู่ข้างหูจันวิภา มือทั้งสองยังคงไม่หยุดที่จะ ลูบคล่าข้างใต้เสื้อของจันวิภาต่อ
หนักที่สุดคือร่างกายของเธอกำลังถูกสุมิตรแกล้งอยู่นี้ ค่อยๆอุ่นขึ้น ที่จริงแล้วเป้าหมายของสุมิตรต้องการให้เธอ อับอาย
จันวิภากัดฟันแน่นสุดชีวิต แต่ก็ยังคงมีเสียงครางเบาๆ เล็ดรอดออกมาจากช่องว่างระหว่างฟันของเธอ
ในจังหวะนั้นเองเวธัสก็หันหน้ามาทันที มองไปที่หน้าแดง แดงของจังวิภาแล้วถามขึ้น: “พี่สะใภ้เป็นอะไร?”
จันวิภาตะกุกตะกัก ด้านหนึ่งก็ถูกสุมิตรล่วงอีกด้านก็ พยายามตอบ: “บางที่อาจจะไม่สบาย ในรถมันอึดอัด”
เวธัสตอบ “อึม” หนึ่งที แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างต่อ
จังหวะนี้สุมิตรก็เข้าใกล้ใบหูของจันวิภาอีกรอบ ค่อยๆพูด ที่ละค่า: “นางแพศยา เธอยังเสแสร้งได้อีกเหรอ?”
“อย่าคิดจะยั่วผู้ชายคนอื่น โดยเฉพาะเวธัส เธอคงจะ ฉลาดนิดหน่อย” สุมิตรด้านหนึ่งก็สั่งสอน อีกด้านก็จับหน้าอกและแกล้งเธอ
จันวิภากัดฟันไม่พูด เธอจับมือที่ยังคงลูบคล่าอย่างรุนแรง ของสุมิตร แล้วก็ใช้แรงบีบอย่างแรงพร้อมพูดขึ้น: “โรคจิต วิตถาร แกไปไกลๆเลย”
สุมิตรเจ็บจนต้องรีบเอามือกลับ กำลังเตรียมจะสวนกลับ จันวิภา รถอยู่ๆก็หยุดลง เหมือนจะถึงโรงเรียนสอนดนตรีแล้ว
จันวิภารู้สึกดีใจ รีบโดดออกจากรถ เดินไปกับเวธัสไป
โรงเรียนสอนดนตรี สุมิตรมองเงาแผ่นหลังของจันวิภา สีหน้าเย็นชา นัยน์ตา
อาฆาต
เวธัสรู้สึกเป็นห่วงที่จันวิภาทั้งหน้าและคอแดงไปหมด: “พี่ สะใภ้ ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่ไหม? ไปโรงพยาบาลตรวจสักหน่อย ใหม?
จันวิภาโบกมือ พยายามปรับลมหายใจของตัวเอง: “อาจ เพราะเพิ่งถึงโรงเรียนใหม่ ตอนนี้เลยน่าจะรู้สึกตื่นเต้น”
เวธัสส่งเสียง “ฮึม” ออกมาหนึ่งที่แล้วยิ้มพูดขึ้น: “พี่สะใภ้ ไม่ต้องตื่นเต้นไป มีผมอยู่นี่ไง”